ทำความรู้จัก หม้อไฟนาเบะ 5 ประเภท อาหารประจำฤดูหนาวของญี่ปุ่น

ทำความรู้จัก หม้อไฟนาเบะ 5 ประเภท อาหารประจำฤดูหนาวของญี่ปุ่น
nnanthisin
9 ธันวาคม 2568 ( 18:00 )
37

        เมื่ออุณหภูมิเริ่มลดต่ำลงและลมหนาวพัดมา คือสัญญาณที่บอกว่าได้เวลาของ นาเบะ (Nabe) สำหรับใครที่เป็นคนรักอาหารญี่ปุ่น หรือกำลังมองหาเมนูอุ่นๆ ที่ทั้งอร่อยและมีประโยชน์ หม้อไฟนาเบะ คือคำตอบ วันนี้เราจะพาทำความรู้จัก หม้อไฟนาเบะ 5 ประเภท อาหารประจำฤดูหนาวของญี่ปุ่น ซึ่งนาเบะไม่ได้เป็นแค่อาหาร แต่เป็นสัญลักษณ์ของความอบอุ่นและการได้มานั่งล้อมวงทานอาหารในฤดูหนาวของญี่ปุ่น เมนูนี้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ความหลากหลายของน้ำซุปและวัตถุดิบที่ใช้ มาดูกันว่า นาเบะประเภทไหน ที่ถูกใจในหน้าหนาวนี้

 

 

หม้อไฟนาเบะ 5 ประเภท อาหารประจำฤดูหนาวของญี่ปุ่น

 

1. แบบคลาสสิก : ชาบูชาบู

 

 

        หม้อไฟญี่ปุ่นเป็นอาหารที่กินได้ตลอดปี จะไปกินที่ร้านหรือทำกินเองบนโต๊ะที่บ้านก็ได้ แต่ช่วงที่อร่อยที่สุดคือฤดูหนาว เมื่อทุกคนนั่งล้อมหม้อไฟร้อน ๆ ที่เต็มไปด้วยน้ำซุปหอม ๆ ผักสด และเนื้อคุณภาพดี

        คำว่า “นาเบะ (鍋)” ในภาษาญี่ปุ่นหมายถึง “หม้อ” ซึ่งเป็นชื่อที่ตรงตัวมาก เพราะเมนูนี้สามารถใส่วัตถุดิบได้หลากหลายตามใจชอบ แต่ไม่ว่าสูตรไหน นาเบะก็เป็นอาหารที่เต็มไปด้วยความทรงจำของฤดูหนาวสำหรับคนญี่ปุ่นเกือบทุกคน

        ชาบูชาบูถือกำเนิดในช่วงกลางศตวรรษที่ 20 และถือเป็นรูปแบบหม้อไฟที่เรียบง่ายที่สุด น้ำซุปมักใช้เพียงดาชิอ่อน ๆ หรือแค่น้ำร้อนที่ใส่คอมบุลงไปเพื่อเพิ่มอูมามิ เนื้อวัวหั่นบางเฉียบคือพระเอกของจานนี้ เวลากินก็แค่จุ่มเนื้อลงในหม้อแล้วแกว่งเบา ๆ แค่เสี้ยววินาทีก็พร้อมกินแล้ว ทั้งความสนุกของการปรุงเอง และรสชาติที่กลมกล่อมทำให้ชาบูชาบูกลายเป็นหนึ่งในนาเบะยอดนิยมในเวลาไม่นาน

 

2. แบบดังระดับตำนาน : สุกี้ยากี้

 

 

       ชื่อเพลง “Sukiyaki” ของคิว ซากาโมโตะ ทำไมถึงใช้ชื่อนี้ก็ยังไม่แน่ชัด แต่เมนูหม้อไฟสุกี้ยากี้นั้นสมควรโด่งดังด้วยตัวมันเองอยู่แล้ว แม้จะใช้เนื้อวัวหั่นบางคล้ายชาบูชาบู แต่สุกี้ยากี้จะตุ๋นเนื้อและผักในน้ำซุปหวานเค็มที่ปรุงจากโชยุ มิริน และน้ำตาลจำนวนพอสมควร รสชาติจะหวานเค็มเข้มข้นแบบเป็นเอกลักษณ์

        และจุดเด่นอีกอย่างคือการ “จิ้มไข่ดิบ” ก่อนกิน ซึ่งเป็นวัฒนธรรมปกติของญี่ปุ่น เช่นเดียวกับเมนูอย่างทามาโกะคาเคะโกฮัน แม้คนลองครั้งแรกอาจจะลังเล แต่ถ้าได้ลองแล้วจะติดใจค่ะ

 

3. แบบท้องถิ่น : คิริตันโปะนาเบะ

 

 

        หม้อไฟบางชนิดมีขายทั่วประเทศ แต่บางชนิดก็เป็นอาหารประจำท้องถิ่น เช่น “คิริตันโปะนาเบะ” ของจังหวัดอาคิตะ

        คิริตันโปะคือเค้กข้าว (ข้าวบดขึ้นรูป) ที่เนื้อแน่น ไม่ยืดหยุ่นเหมือนโมจิ และมักถูกปิ้งกินกับมิโซะ หรือปิ้งบนเตาผิงแบบบ้านญี่ปุ่นโบราณ แต่เมื่ออากาศหนาว ก็สามารถนำคิริตันโปะไปใส่ในหม้อไฟได้เช่นกัน

        คิริตันโปะนาเบะใช้น้ำซุปไก่เข้มข้นใส่ผักมากมาย รสชาติจึงคล้าย “ซุปไก่เส้น” เวอร์ชันอาคิตะ เพียงแต่เปลี่ยนจากเส้นก๋วยเตี๋ยวเป็นเค้กข้าวชิ้นแน่นเคี้ยวเพลิน

 

4. แบบเชี่ยวชาญวัตถุดิบเฉพาะทาง : คานิชาบู (ชาบูปู)

 

 

        แม้เนื้อวัว ไก่ หรือหมูจะเป็นวัตถุดิบพื้นฐานของนาเบะ แต่ญี่ปุ่นเองก็หลงใหลวัตถุดิบเฉพาะฤดูกาลหรือผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นคุณภาพสูง จึงไม่น่าแปลกใจที่ร้านเฉพาะทาง เช่น ร้านปู จะมีเมนูหม้อไฟปูให้ลิ้มลอง

        คานิชาบูอาจไม่ได้หายากมาก แต่ก็ไม่ได้พบทั่วไปนัก จึงเหมาะมากสำหรับคนรักปูอย่างแท้จริง ร้านปูเฉพาะทางจะเสิร์ฟ “ขาปูสด” เป็นถาด ๆ สำหรับจุ่มในหม้อเพียงครู่เดียว เนื้อปูจะเปลี่ยนจากใสเป็นสีขาวนวลนุ่ม พร้อมรสหวานจากทะเลแบบเต็มคำ

 

5. แบบแปลกไม่เหมือนใคร : โฮตารุอิกะนาเบะ (หม้อไฟปลาหมึกเรืองแสง)

 

ขอบคุณภาพจาก เว็บไซต์ : japankuru

 

        ปิดท้ายด้วยเมนูสำหรับสายกินที่ชอบความแปลกใหม่ “โฮตารุอิกะนาเบะ” คือหม้อไฟที่ใช้ “ปลาหมึกเรืองแสง (firefly squid)” ซึ่งจับได้จากอ่าวโทยามะ ปลาหมึกชนิดนี้เรืองแสงสีน้ำเงินในทะเลตอนกลางคืน เป็นภาพที่ผู้คนนิยมออกเรือไปชมในฤดูใบไม้ผลิ

        ในหม้อไฟ ปลาหมึกตัวเล็กจะถูกลวกอย่างรวดเร็วแล้วกินทั้งตัว ทำให้มีทั้งรสและเนื้อสัมผัสที่หลากหลายในคำเดียว แฟน ๆ ของเมนูนี้ชื่นชมรสหวานนุ่มของเนื้อปลาหมึกเมื่อปรุงอย่างพอดี ใครไปโทยามะช่วงเมษายน–พฤษภาคม ห้ามพลาดเด็ดขาด

 

ขอบคุณข้อมูลดีๆ และภาพจาก https://www.japankuru.com

 

บทความที่คุณอาจสนใจ

 

ยอดนิยมในตอนนี้

สิทธิพิเศษแนะนำ

ยอดนิยมในตอนนี้

สิทธิพิเศษแนะนำ