เที่ยวโตเกียว Starbucks Reserve ® Roastery Tokyo สาขาแรกของญี่ปุ่น และใหญ่ที่สุดในโลก
☕️ Starbucks Reserve ® Roastery Tokyo แล้วกานต์ก็ได้มาครับ ...📍 เที่ยวโตเกียว คราวนี้ เรามาปักหมุดกันที่ Starbucks Reserve ® Roastery Tokyo เป็น Starbucks Reserve ® Roastery สาขาที่ 5 ของโลก สาขาแรกของญี่ปุ่น และใหญ่ที่สุดในโลก (ใหญ่กว่าเซี่ยงไฮ้เล็กน้อย) อีกด้วย มาดูกันว่า จะเป็นยังไงบ้าง !
นอนตีสาม ตื่นตีสี่กว่า ตีห้านิดๆ ไปขึ้นรถไฟ ใช้เวลาราว 1 ชั่วโมง เผื่อเวลาเดินเท้า ผมนั่งรถไฟมาลงสถานี Nakameguro Station เดินเท้าต่อมาเล็กน้อยตามแนวริมคลองเมกุโระ แวะถ่ายซากุระริม คลองเมกุโระ (Meguro) อีกนิดหน่อย ช่วงที่เรามาเป็นช่วงซากุระบาน ทำให้เราได้บรรยากาศริมคลองสวยๆ พร้อมซากุระสีชมพู เพิ่มความสดใสยามเช้า กะว่ามาถึงก่อนร้านเปิด จะได้ไม่ต้องรอคิวนาน เห็นแต่ละคนบ่นกันรอที 2-3 ชั่วโมง ยอมรับเลยว่าฮอตจริง!! เพราะมีคนมารอตั้งแต่ร้านยังไม่เปิด ผมว่าผมมาเร็วแล้วนะ 555
อย่างที่ได้เกริ่นไว้ ที่นี่เป็น Starbucks Reserve® Roastery สาขาที่ 5 ของโลก สาขาแรกของญี่ปุ่น และใหญ่ที่สุดในโลก (ใหญ่กว่าเซี่ยงไฮ้เล็กน้อย) เป็นน้องใหม่ของย่านเมกุโระ ถนนของคนรักกาแฟ แม้จะมาทีหลังแต่ใหญ่กว่า ไม่ใช่แค่ใหญ่ธรรมดา แต่ใหญ่ที่สุดในโลก ออกเเบบโดย สถาปนิกชื่อดังชาวญี่ปุ่นอย่าง เคนโกะ คุมะ (Kengo Kuma) ผู้อยู่เบื้องหลังการออกเเบบร้านสตาร์บัคส์หลายร้านในญี่ปุ่น และเป็นผู้ออกแบบสนามกีฬาโตเกียวโอลิมปิค 2020 ด้วย
การออกแบบที่มีเสน่ห์ของ Roastery ตั้งอยู่ในย่าน Nakameguro ที่มีชีวิตชีวาและสร้างสรรค์ของโตเกียวได้รับแรงบันดาลใจจากต้นซากุระที่โด่งดังเรียงรายไปตามแม่น้ำเมกุโระ ผนังกระจกและพื้นระเบียงของอาคารนั้นกลมกลืนไปกับผืนผ้าของย่านนั้นอย่างกลมกลืนทำให้ผู้มาเยือนได้สัมผัสกับซากุระและแม่น้ำสี่ฤดูเพื่อสะท้อนความงามตามธรรมชาติและความกลมกลืนของญี่ปุ่น
คอนเซปต์ของ Starbucks Reserve® ก็คือ เป็นสาขาพิเศษของสตาร์บัคส์ที่มีเมล็ดกาแฟพิเศษหายาก จะซื้อเมล็ดกาแฟกลับไปชงเองที่บ้านก็ได้ หรือจะมานั่งดื่มที่ร้านก็ได้โดยจะชงทีละแก้วตามสั่งเลย แต่ช่วงเปิดตัวนี้อาจจะวุ่นวายหน่อย ไม่ค่อยได้ดื่มด่ำเต็มอารมณ์เท่าไร
การแจกคิวจะมี QR เพื่อให้สามารถสแกนดูว่า ใกล้ถึงคิวเราหรือยัง ระหว่างนั้นก็สามารถไปเดินเล่นถ่ายรูปซากุระรอก่อนได้ หรือไม่ไกลนักก็มีห้างดองกี้ให้ช้อปปิ้งเล่นๆ ฆ่าเวลา
เข้ามาด้านในกันดีกว่าครับ ตัวอาคารมีลักษณะคล้ายกับโบสถ์ ภายในจะมีเสาทองเเดงขนาดใหญ่ เป็นจุดนำสายตาแรกหลังจากเดินเข้าประตูมา ตั้งตระหง่านอยู่กลางโถงมีลวดลายตกเเต่งเป็นดอกซากุระ เมื่อเเสงไฟตกสะท้อนจะปรากฎลายออกมาอย่างสวยงาม ส่วนของเพดานก็ได้รับแรงบันดาลใจจากศิลปะการพับกระดาษโอริกามิ (Origami) ไปจนถึงโคมไฟกระดาษ washi เป็นศูนย์รวมสัญลักษณ์แห่ง "การเฉลิมฉลอง" ของวัฒนธรรมญี่ปุ่น ส่วนดอกที่ห้อยลงมาเป็นซากุระ 2,100 ดอก เพื่อเป็นการแสดงความเคารพต่อแม่น้ำเมกุโระที่โด่งดัง
ร้านมีทั้งหมด 4 ชั้น ชั้นล่างขายกาแฟนางเงือก เบเกอรี่ พิซซ่า สลัดไข่กะทะก็มี เป็นชั้นที่คิวยาวมาก แต่หากได้ที่นั่งแล้วจะเก๋มาก เพราะจะได้นั่งดูบาริสต้ายืนชงกาแฟให้ดื่มเหมือนกับแฟล็กชิปสาขาอื่นๆ เครื่องชงกาแฟก็สุดล้ำ ดีไซน์สวยมาก แต่บรรยากาศอลังการกว่า
แถมจะมีบาริสต้าให้คำปรึกษาแบบตัวต่อตัวการปรับแต่งรูปแบบการชง เพื่อเข้าสอดคล้องกับรสนิยมการดื่มกาแฟของแต่ละคน บริเวณโดยรอบเป็นเคาท์เตอร์บาร์สำหรับนั่งจิบกาแฟ เหล่บาริสต้า ทว่าไม่ค่อยชิลหรอก เพราะคนยืนอยู่ข้างหลังเยอะมากกกกกกก
นอกจากขายกาแฟแล้ว ถัดไปด้านในเป็นโซนขายเบเกอรี่ ภายใต้การดูแลของเชฟเบเกอรี่อิตาเลียน Princi ซึ่งมีตัวเลือกเยอะมาก เลือกไม่ถูก แต่ถ้ายืนหน้าตู้แล้วไม่เลือกสักที ก็จะเจอสายตาพิฆาต จากคนข้างหลัง 55
สำหรับบัตร Starbucks Card ใบนี้เป็นลายสำหรับสาขานี้สาขาเดียวเท่านั้น เติมเงินขั้นต่ำ 5,000 เยนครับ สามารถใช้ซื้อกาแฟ อาหาร ในร้านได้ทันที
หอบข้าวของทุกอย่างที่มี หนีคลื่นมวลชน มานั่งทานที่ชั้นบนดีกว่าครับ พอหายใจหายคอได้บ้าง ใครได้กาแฟก็ลองออกไปนั่งข้างนอกก็ (ร้อน) ดี มีซากุระริมคลองให้ชมในมุมสูง กาแฟดี อาหารดี วิวดี บรรยากาศดี แดดก็ดี มีความฟินไปชั่วขณะ หัวใจเบ่งบานราวกับซากุระฟลูบลูม
อีกมุมที่อยากชวนมาถ่ายรูป คือผนังตรงทางขึ้นบันได ซึ่งแต่ละชั้น ตกแต่งไม่เหมือนกัน อย่างชั้น 2 จะเอาแก้วกาแฟสีขาวมาแขวนไว้ เป็นแถวเรียงยาวสวยมาก ผนังร้านเป็นกระจกใส มองออกไปเห็นซากุระ
Roastery ไม่ได้ จำกัด ตัวเองให้ดื่มกาแฟเพียงอย่างเดียว ชั้น 2 เป็นชา TEAVANA มีชาหลายตัวที่เบลนขึ้นมาใหม่ โดยได้นำเอาวัตถุดิบท้องถิ่นในญี่ปุ่นมาผสมผสานและดึงเป็นจุดขายที่น่าสนใจถึง 18 กลิ่น เป็นกลิ่นที่หอมดีมาก สร้างประสบการณ์ใหม่ในการดื่มชา ส่วนตัวผมชอบชั้นนี้ที่สุด ผมชอบการจับคู่ชากับขนมมาก ผมเองก็ลองสั่งคู่นี้มาเป็นเค้กเลมอน ทานคู่กับชากลิ่นซิตรัส สดชื่นหอมหวานอมเปรี้ยว เข้ากันดีครับ
บรรยากาศที่ชั้น 2 เหมาะมากที่เอาชามาไว้ชั้นนี้ มีความกระจกใส มองเห็นปลายยอดซากุระที่โผล่พ้นมา ราวกับว่า จิบชาดอกไม้ที่มีความละมุนมาก
ทางขึ้นชั้น 3 เป็นการตกแต่งผนังโดยใช้กล่องมาชาเรียงต่อกัน ตัดสลับกับตัวอักษรคำว่า TOKYO สร้างสรรค์ดีครับ ชอบมาก อีกมุมตกแต่งผนังด้วยถังเบียร์ เพื่อที่จะบอกว่าชั้นนี้ แอลกอฮอลล์ล้วนๆ
ชั้น 3 เป็นบาร์กาแฟ Arriviamo เป็นกาแฟผสมเหล้า คล้ายคอคเทล ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเพราะสตาร์บัคส์หลายที่เริ่มขายแอลกอฮอลล์แล้ว มีทั้งกาแฟและชาผสมค็อกเทลประยุกต์ในสไตล์ญี่ปุ่นทั้งแบบคลาสสิกและตามมาตรฐานสากล รวมถึงยังมีเครื่องดื่มบางตัวที่ไม่มีแอลกอฮอล์
พระเอกของสาขานี้คือ Tokyo Pour Over ราคาแก้วละ 3,000 เยน กาแฟจะถูกกลั่นและ ชงแบบค็อกเทลที่ทำจากวิสกี้ญี่ปุ่นและเสิร์ฟพร้อมสาเกโอเคโกะสองถ้วยสำหรับการแบ่งปัน เป็นการผสมผสานกาแฟและงานฝีมือค็อกเทลที่ดีที่สุด
มีมุมสวยให้นั่ง เป็นการนั่งจิบกาแฟจากมุมสูง ที่คอยมองฟ้าและมองดูผู้คนผ่านไปมา
ส่วนชั้นบนสุด ชั้น 4 โรงงานกาแฟ เป็นลานเลานจ์ขนาดใหญ่ที่มีชื่อว่า Amu ซึ่งเป็นคำภาษาญี่ปุ่น คล้ายๆ กับว่าเป็นความร่วมมือร่วมใจกันในการถักถอสายใยประมาณนี้ เป็นโรงเรียนสอนการทำกาแฟ co working space เอ้อระเหยโซน จะเรียกอะไรก็แล้วแต่ แต่ถ้าได้นั่งชั้นบน จะเจอคนคอสตาร์บัคส์เหมือนกันๆ เอาไว้เม้าท์ ว่าเราก็แฟนพันธุ์แท้นะแกร๋
บรรยากาศของโรงคั่วกาแฟขนาดใหญ่ ที่นี่จะสามารถผลิตกาแฟได้มากกว่า 750 ตันต่อปี และส่งไปขายยังสตาร์บัคส์ทั่วญี่ปุ่น ระหว่างคั่วก็จะมีพนักงานคอยพูดคุยอธิบายและให้ดมกลิ่นเมล็ดกาแฟคั่วใหม่ด้วยครับ
ที่ชอบอีกอย่างคือของพรีเมียมต่างๆ ที่ทำขึ้นมาเพื่อ Starbucks Reserve® Roastery Tokyo เท่านั้น หาซื้อที่ไหนไม่ได้นะครับ ต้องมาที่นี่ ตอนนี้เป็นคอลเลคชั่นซากุระ น่ารักมาก แถมมี เป็น Starbucks Reserve® Roastery Tokyo CARD ก็คือบัตรสตาร์บัคส์ นั่นแหละ แต่เป็นลายพิเศษของที่ร้าน สามารถใช้ได้เฉพาะร้านสตาร์บัคส์ในญี่ปุ่นเท่านั้น ส่วนตัวชอบผ้ากันเปื้อนของ Hardmill ผืนนี้มาก แต่ราคาสูงพอสมควร
อ่ะ!! จัดมา 1 ใบ แถมเล็งไว้เป็นแก้วกาแฟ สมุดโน้ต สักพักต้องมีคนถามว่า ซื้อมาทำไม? ก็ไม่รู้เหมือนกัน!?!! เหมือนต้องมนต์ว่า #ของมันต้องมี ผมชอบสะสมสมุดโน๊ตครับ เป็นคอลเลคชั่น Traveler พอดี ปกหนังคลาสสิคดีครับ เลยสอยมาเล่มนึง
ถ้ามีเวลาก็มาเถอะ ชอบกาแฟนั่งชั้น 1 อยากนั่งดมกลิ่นชามาชั้น 2 อยากลองเมาไปชั้น 3 อยากเม้าท์ให้ไปชั้นบนสุด ดีงามที่สุดในชีวิตแดนอาทิตย์อุทัย
การเดินทาง :
นั่งรถไฟมาลงสถานี Nakameguro Station เดินเท้าต่อมาเล็กน้อยตามแนวริมคลองเมกุโระ ก็จะเจอ Starbucks Reserve® Roastery Tokyo
ขอบคุณข้อมูลดีๆ และภาพจาก เพจ KANT Journey
ที่เที่ยวโตเกียว ที่น่าสนใจอื่นๆ
เดินเฟี้ยว เที่ยวโตเกียว 4 วัน แบกเป้ไปชิล
แช่ออนเซ็น ปักหมุดจุดน่าเที่ยวของญี่ปุ่น (มีคลิป)
13 ที่เที่ยวใกล้โตเกียว จุดนัดเดทยอดนิยม
จูงมือแฟนเที่ยว
อัพเดทที่พักสุดชิล ที่เที่ยวสุดมันส์ ที่กินสุดฮิป
ติดตาม travel.trueid.net ได้ที่
LINE |
TrueID Application |