10 อันดับ อาหารที่แพงที่สุดในโลก อัปเดตใหม่ อยากลิ้นเคลือบทองต้องลอง!

10 อันดับ อาหารที่แพงที่สุดในโลก อัปเดตใหม่ อยากลิ้นเคลือบทองต้องลอง!
MEEKAO
29 เมษายน 2568 ( 07:34 )
25

     เช็กลิสต์ อาหารที่แพงที่สุดในโลก อัปเดตล่าสุดปี 2025 นักกินทั้งหลาย ใครกำลังอยากหาของดีเข้าปากในแบบที่ว่ากินทีลิ้นแทบจะเคลือบทอง ตามเรามาดูกันว่า 10 อันดับ อาหารที่แพงที่สุดในโลก ส่วนผสมที่ราคาแพงที่สุดในโลกในปีนี้ มีอะไรบ้าง อาหารจะอร่อย นอกจากจะต้องมีการปรุงที่ยอดเยี่ยมแล้ว การเลือกใช้วัตถุดิบที่ดี ก็คืออีกหนึ่งหัวใจสำคัญของอาหารชั้นเลิศ มาดูกันว่ามีเมนูไหนที่คุณเคยทานมาแล้วบ้าง ?

 

 

10 อันดับ อาหารที่แพงที่สุดในโลก

 

1. เบลูก้าคาเวียร์ (Beluga Caviar)

 

 

     คาเวียร์ คือ ไข่ปลาสตอเจียนที่ยังไม่ผสมพันธุ์ นิยมเสิร์ฟบนขนมปังปิ้งหรือบลินี่ พร้อมครีมเปรี้ยว ต้นหอม และมะนาว เบลูก้าคาเวียร์ (Beluga Caviar) ถือเป็นคาเวียร์ที่หรูหราและมีราคาแพงที่สุด มาจากปลาสตอเจียนเบลูก้าที่เคยถูกล่าจนใกล้สูญพันธุ์ สหรัฐอเมริกาเคยสั่งห้ามนำเข้าในปี 2005 แต่ปัจจุบันมีฟาร์มเพาะพันธุ์ในฟลอริดาที่ได้รับอนุญาตให้ขาย

  • ราคาต่อออนซ์ (28 กรัม) ประมาณ : $770 หรือ ราว 27,000 บาท
  • ราคาต่อกรัม ประมาณ : $27.50 หรือ 1,003 บาท

 

2. เห็ดทรัฟเฟิลขาว (White Truffles)

 

 

     เห็ดทรัฟเฟิลขาว (White Truffles) เป็นหนึ่งในทรัฟเฟิลที่แพงที่สุดในโลก มีกลิ่นหอมเฉพาะตัวคล้ายโอ๊กและกระเทียม ใช้ขูดบางๆ สามารถนำไปใส่ได้ทั้งเมนูคาวหวาน โดยเห็ดทรัฟเฟิลขาวชนิดนี้สามารถเปลี่ยนอาหารธรรมดาใดๆ ก็ตามให้กลายเป็นของเลิศรสขึ้นมาได้ ทรัฟเฟิลขาวหาได้ในแถบพีดมอนต์ (Piedmont) ของอิตาลี โครเอเชีย และสโลวีเนีย พวกมันต้องอาศัยต้นไม้ในการเจริญเติบโต ไม่สามารถเพาะปลูกได้ง่าย ต้องใช้สุนัขหรือหมูค้นหาในป่า

  • ราคาต่อออนซ์ (28 กรัม) ประมาณ : $400 / ประมาณ 14,600 บาท
  • ราคาต่อกรัม ประมาณ : $14 - $20 / 521 - 730 บาท

 

3. หญ้าฝรั่น (Saffron)

 

 

     หญ้าฝรั่น (Saffron) เป็นเครื่องเทศราคาแพง มีกลิ่นและสัเฉพาะตัว ที่ทำจากเกสรตัวเมียของดอกโครคัส 1 ดอกมีเพียง 3 เส้น ต้องเก็บด้วยมือทีละเส้น ทำให้ใช้เวลามากในการทำ ราคาต่อกรัมอยู่ที่ $10–$20 และหากราคาถูกกว่านี้ มักเป็นของปลอม เช่น ไหมข้าวโพดหรือดอกคำฝอย

 

 

  • ราคาต่อกรัม ประมาณ : $10 - $20 / 365 - 730 บาท (ใช้ในปริมาณน้อยมาก)

 

4. กาแฟขี้ชะมด (Kopi Luwak Coffee)

 

 

     กาแฟขี้ชะมด (Kopi Luwak Coffee) หรือ กาแฟชะมด เป็นกาแฟที่มีราคาแพงที่สุดในโลก เมล็ดกาแฟจะผ่านการย่อยโดยสัตว์กลุ่มชะมด หรือ อีเห็นข้างลาย มีต้นกำเนิดมาจากเกาะชวา และ เกาะสุมาตราในประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งกระบวนการทำก็คือเจ้าตัวชะมดกินผลกาแฟสุก หลังจากนั้นเมล็ดกาแฟจะถูกหมักและผ่านกระบวนการย่อยบางส่วนในร่างกายของชะมด แล้วรอให้มันถ่ายเมล็ดกาแฟออกมาเป็นก้อน ก่อนจะเก็บมาทำความสะอาด ต่อด้วยการคั่ว และนำมาสกัดเป็นเครื่องดื่มกาแฟสด

 

 

     รสชาติของกาแฟขี้ชะมด จะมีความนุ่มลึก Taste Note จะออกเป็นโทนช็อกโกแลตและคาราเมล กาแฟขี้ชะมดแก้วเดียวอาจมีราคาสูงถึง $100 หรือประมาณ 3,650 บาท

  • ราคาต่อปอนด์ (450 กรัม) ประมาณ : $600 / ประมาณ 21,900 บาท
  • ราคาต่อกรัม ประมาณ : $1.33 / 49 บาท

 

5. ทูน่าครีบน้ำเงิน (Bluefin Tuna)

 

 

     ปลาทูน่าครีบน้ำเงิน หรือ Bluefin Tuna เป็นปลาอีกหนึ่งชนิดที่มีมูลค่าสูงมาก เนื่องจากตัวปลามีขนาดใหญ่ แต่ละส่วนของบลูฟินทูน่าสามารถนำมาทำอาหารได้หลากหลายชนิด นิยมมากที่สุดคือการนำมาทำซูชิและซาชิมิ มีรสชาติหอมมัน เนื้อนุ่ม รสชาติเข้มข้น แต่เป็นสัตว์ที่กำลังเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์

 

 

     ในปี 2023 ปลาน้ำหนัก 212 กิโลกรัม ถูกประมูลในโตเกียวไปในราคา $273,000 หรือกว่า 1.2 ล้านบาท

  • ราคาต่อกิโลกรัม ประมาณ : $1,287 / ประมาณ 46,976 บาท
  • ราคาต่อกรัม ประมาณ : $1.29 / 47 บาท

 

6. เนื้อโกเบ (Kobe Beef)

 

 

     เนื้อโกเบ (Kobe Beef) เป็นเนื้อวัวชั้นเยี่ยม จากวัวพันธุ์ชั้นยอดอย่าง วัววากิว (Wagyu) ซึ่งต้องเกิด เลี้ยง และแปรรูปรอบๆ โกเบ ในจังหวัดเฮียวโงะ ประเทศญี่ปุ่น และต้องเป็นวัวดำญี่ปุ่นสายพันธุ์ทาจิมะ (Tajima-gyu) เท่านั้น

 

 

     เนื้อโกเบจะมีความพิเศาคือ จะมีไขมันแทรก เป็นสายหินอ่อน (marbling) และเนื้อจะมีความนุ่ม ชุ่มฉ่ำละลายในปาก ซึ่งทำให้ราคาสูงมาก เนื้อโกเบแท้ต้องผ่านการคัดคุณภาพอย่างเข้มงวด โดยในแต่ละปีอาจมีเพียง 3,000 - 4,000 ตัวที่ออกสู่ และมีน้อยกว่า 1,000 ตัวที่ถูกส่งออกนอกประเทศญี่ปุ่น

  • ราคาต่อออนซ์ (28 กรัม) ประมาณ : $25 - $76 / ประมาณ 913 - 2,774 บาท
  • ราคาต่อกรัม ประมาณ : $0.88 - $2.70 / 33 - 99 บาท

 

7. เห็ดมัตสึตาเกะ (Matsutake Mushrooms)

 

 

    เห็ดมัตสึตาเกะ (Matsutake Mushrooms) เห็ดชนิดนี้มีกลิ่นหอมแรงเฉพาะตัว และเนื้อแน่น เคี้ยวเพลิน เป็นหนึ่งในเห็ดพันธุ์หายาก และมักต้องเก็บจากป่าธรรมชาติ พบได้ในประเทศญี่ปุ่น เกาหลี จีน อเมริกา และบางส่วนของประเทศฟินแลนด์ สวีเดน นิยมนำมาทาซอสแล้วย่างบนเตา เสิร์ฟพร้อมข้าวสวยร้อนๆ

 

 

  • ราคาต่อปอนด์ (450 กรัม) ประมาณ : $40 - $1,000 / ประมาณ 1,460 - 36,500 บาท ต่อกิโลกรัม
  • ราคาต่อกรัม ประมาณ : $0.09 - $2.20  / 1.46 - 36.5 บาท

 

8. ไอเบอริโก้แฮม (Iberico Ham)

 

 

     ไอเบอริโก้แฮม (Iberico Ham) หรือ แฮมขาหมูดำ เป็นแฮมคุณภาพพรีเมียม ที่ได้ชื่อว่าเป็นแฮมที่แพงที่สุดในโลก ทำมาจากขาหมูดำสายพันธุ์ไอบีเรีย มีเฉพาะในประเทศสเปนและโปรตุเกส โดยหมูจะถูกเลี้ยงแบบให้กินลูกโอ๊กตามธรรมชาติ ก่อนจะถูกนำไปแปรรูปและบ่มได้นานถึง 3 ปี ทำให้เนื้อแฮมที่ได้มีรสชาติเข้มข้น หอมลึก และมีความเค็ม นิยมทานพร้อมไวน์ จะเข้ากันได้ดีที่สุด ราคาของไอเบอริโก้แฮมจะขึ้นอยู่กับคุณภาพ โดย ขาหนึ่งข้างอาจมีราคาสูงถึง $4,500

  • ราคาต่อปอนด์ (450 กรัม) ประมาณ : $65 - $350 / ประมาณ 5,110 - 31,025 บาท
  • ราคาต่อกรัม ประมาณ : $0.14 - $0.77 / 5.11 - 31 บาท

 

9. องุ่นรูบี้โรมัน (Ruby Roman Grapes)

 

 

     องุ่นรูบี้โรมัน (Ruby Roman Grapes) ถูกจัดให้เป็น Luxury Grape หรือ องุ่นพรีเมียมของประเทศญี่ปุ่น จะปลูกเฉพาะในจังหวัดอิชิกาวะ (Ishikawa) จุดเด่นคือ ผลใหญ่กว่าองุ่นปกติถึง 4 เท่า มีสีแดงสด รสชาติหวานมาก และเปลือกหนา ทำให้มีความกรอบและฉ่ำเมื่อรับประทาน องุ่นรูบี้โรมัน เคยถูกประมูลไปในราคาสูงถึง สี่แสนกว่าบาทต่อพวง

ราคาขององุ่น Ruby Roman Grapes จะขึ้นอยู่กับระดับคุณภาพ :

  • เกรด Superior ราคาประมาณ $90–$140
  • เกรด Special Superior ราคาประมาณ $180–$450
  • เกรดPremium อาจสูงถึง $1,000 หรือ 36,500 บาทต่อพวง

 

10. แตงโมดำเดนซึเกะ (Densuke Watermelon)

 

 

     แตงโมดำเดนซึเกะ (Densuke Watermelon) เป็นแตงโมดำสายพันธุ์พิเศษของประเทศญี่ปุ่น ปลูกเฉพาะบนเกาะฮอกไกโด เปลือกมีสีดำ ด้านในเนื้อสีแดงสด มีเม็ดน้อย รสชาติหวานจัด มีผลผลิตเพียง 10,000 ลูกต่อปี จึงมีบางส่วนถูกไปประมูลแบบพรีเมียม ราคาต่อผลเริ่มต้นที่ $250 และเคยมีการขายผลหนึ่งในราคา $6,100 หรือ 2 แสนกว่าบาทเลยทีเดียว คำจำกัดความคือเป็นผลไม้ที่เน้นความหายากมากกว่าราคา

  • ราคาต่อลูก ประมาณ : $250 - $6,100 / ประมาณ 9,000 - 200,000 บาท

 

     ราคาของวัตถุดิบเหล่านี้อาจจะสะท้อนถึง คุณภาพ ความหายาก และ ความพิถีพิถันในการผลิต เผื่อให้ได้วัตถุดิบคุณภาพพรีเมียม แต่เหนือสิ่งอื่นใดการใช้วัตถุดิบราคาแพงให้คุ้มค่า ต้องอาศัย ความรู้ วิธีและทักษะในการนำอาหารเหล่านี้มาใช้ เพราะให้วัตถุดิบราคาแพงเหล่านี้มีความคุ้มค่า และดึงรสชาติหลักออกมาได้ดีที่สุด

 

บทความที่คุณอาจสนใจ

 

ยอดนิยมในตอนนี้

สิทธิพิเศษแนะนำ

ยอดนิยมในตอนนี้

สิทธิพิเศษแนะนำ