ชิมเมนูอร่อย Sunday Brunch ในตำนาน ห้องอาหาร Atrium โรงแรมแลนด์มาร์ค

Words by หญิงใหญ่ใจดี
Photo by EL

วันนี้เราพาชาว Truelife ทุกคนมาอิ่มแบบเต็มที่กันอีกแล้วค่ะ แต่เป็นการอิ่มแบบเลอค่า ที่เรียกได้ว่าเป็นตำนานของผู้ชื่นชอบการรับประทานบุฟเฟ่ต์เลยทีเดียว ที่ห้องอาหาร Atirum โรงแรมแลนด์มาร์ค ได้ยินชื่อเสียง ความนิยมของที่นี่มาก็นาน แต่ยังไม่สบโอกาสแวะมาชิมสักที จนวันนี้มีโอกาสได้ชักชวนเพื่อนพ้องมาร่มด้วยช่วยชิมช่วยอิ่มด้วยกันเป็นครั้งแรกค่ะ  

ห้องอาหาร Atrium นี้ ตั้งอยู่ที่ชั้นล็อบบี้ของโรงแรมแลนด์มาร์ค ถ.สุขุมวิท ระหว่างซอยสุขุมวิท 4 และ 6 ค่ะ เดินทางมาง่ายดายด้วยรถไฟฟ้า BTS ลงสถานีนานาแล้วเดินเลยขึ้นมานิดเดียว  ห้องอาหาร Atrium โอ่โถงกว้างขวางประมาณหนึ่งเลยค่ะ  เพราะตัวห้องเป็นรูปตัว L  สามารถรองรับลูกค้าได้ 150 ที่  แต่ในช่วง Sunday Brunch ที่ลูกค้าให้ความสนใจมากๆ แบบนี้  ไลน์บุฟเฟ่ต์ก็เลยจัดยาว เลยเข้าไปใช้พื้นที่ของห้อง Rendezvous Bar ที่อยู่เชื่อมกันด้วยค่ะ เรียกว่าเดินตักอาหารกันได้ยาวๆ ไปเลยทีเดียว  

สำหรับช่วงเวลา Sundy Brunch จะเริ่มให้บริการตั้งแต่ 11.45 – 15.00 น. ให้โอกาสลูกค้าได้รับประทานกันอย่างอิ่ม จุใจ แบบไม่ต้องรีบเร่ง  ที่น่าสนใจคือ ราคาเต็มของ Sunday Brunch ที่นี่ อยู่ที่ 2,400 บาท Net รวม เครื่องดื่ม ชา กาแฟ  แต่ช่วงนี้มีโปรโมชั่น มา 4 จ่าย 2 และเป็นโปรโมชั่นที่ยังไม่มีกำหนดสิ้นสุดซะด้วยค่ะ  ส่วนใครที่อยากจิบเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ ก็สามารถเลือกเพิ่ม Free Flow ในราคา 899++ บาท เลือกดื่ม ไวน์ เบียร์ (ในประเทศ) ค็อกเทลต่างๆ ได้ตามใจชอบค่ะ 

ไลน์อาหารบอกเลยว่าละลานตามากทีเดียว ชิมไม่หมดค่ะวันนี้ ชิมได้บางอย่างเท่านั้น  ต่อให้ชิมอย่างละคำ  ก็คงไม่หมดแน่ๆ เลยอาหารที่เราได้ลองเลือกมาชิมวันนี้  เริ่มจากจาน Cold Cut และหมู่ชีส อร่อยดีตามมารตรฐานเลยค่ะ แต่เราชิมได้ไม่เยอะ เพราะเดี๋ยวจะอิ่มซะก่อน แต่ถ้าใครชอบประเภทนี้  ไม่น่าผิดหวังค่ะ เมนูแซลมอนรมควันก็โอเคเลยค่ะ ไม่เค็มไปไม่แห้งไป ยังได้รสชาติของปลาที่ชุ่มฉ่ำ และเค็มนิดๆ 

ต่อด้วยเมนูอาหารจีน ที่เห็นในม้วนแป้งนั่น เป็นเป็ดย่างนะคะ แต่มาทานแบบเป็ดปักกิ่ง อร่อยแปลกไปอีกแบบ หมูกรอบกรอบนุ่มฉ่ำดีค่ะ ส่วนขนมจีบกุ้ง ก็กุ้งเน้นๆ จริงๆ เราต้องรับมือกับพลพรรคจากทะเล มีทั้งมาสดๆ อย่างหอยนางรม หอยลวกอย่างหอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ตัวโตๆ หอยหวาน  หอยตลับ สดๆ ทั้งนั้นค่ะ เครื่องเคียงครบหรือจะเป็นก้ามปูอลาสก้าที่นึ่งมาแล้ว ใครถนัดแบบเย็นๆ ออนไอซ์ก็น่าลองไปอีกแบบ หรือจะให้ไปนึ่งให้ร้อนอีกหน่อยก็ยังได้นะคะ เขาทุบมาให้เรียบร้อย สดหวาน รับประทานง่าย  จานนี้ถูกใจมากค่ะ

ถัดไปเป็นดิบๆ แบบญี่ปุ่น ทั้งซูชิ ซาซิมิ มีให้เลือกหลากลายค่ะ เราจัดมาชิมอย่างละหน่อย โดยเฉพาะปลาดิบ แล่มากำลังดี สดหนาเต็มคำดีค่ะ  พอหมดจากอาหารญี่ปุ่น  คนรักความเป็นไทยอย่างเรา ก็ต้องลองอาหารไทยแท้ๆ กันบ้างค่ะ เราเลือกชิมขนมจีนซาวน้ำ จริงๆ ก็มีทั้งน้ำพริก น้ำยา แกงเขียวหวานให้เลือกนะคะ แต่เราอยากลองเมนูที่เคยทานตั้งแต่เด็กๆ มากกว่า  จานนี้ถือว่าผ่านเลยค่ะ น้ำกะทิสูตรที่นี่ใช้ใส่กุ้งสับแทนสูตรดั้งเดิมที่ใช้แจงลอน หรือลูกชิ้นปลากราย เครื่องคลุกที่กินแนม ไม่ว่าจะเป็นกระทียม สับปะรดสับ ขิงซอย กุ้งแห้ง่น ปรุงรสด้วยน้ำตาลทราย พริกซอย มะนาว น้ำปลา รสชาติกลมกล่อมนุ่มละมุน  แต่แอบขัดใจ 2 ประเด็นค่ะ คือขิงซอยที่ทานกับขนมจีนซาวน้ำ ควรเป็นขิงปอกเปลือก ซอยมือละเอียด ไม่น่าจะเป็นขิงแบบซอยหยาบทั้งเปลือกที่ขายกันทั่วๆ ไปแบบนี้  แล้วก็ไม่น่าเอาขิงคลุกกับสับปะรด และพริกแบบนี้ค่ะ เพราะแต่ละคนก็ชอบรสชาติไม่เท่ากัน น่าจะแยกให้ปรุงเองมากกว่า   

มาถึงจานเนื้อกันบ้างค่ะ เราลองทั้งเนื้อแกะและเนื้อวัว ซึ่งก็ไม่ผิดหวังเลย เนื้อของที่นี่ นุ่ม ชุ่มฉ่ำ อร่อยมากค่ะ ซอสก็เข้มข้นดี โดยเฉพาะไอเทมที่ขาดไม่ได้อย่างมิ้นท์ซอสที่ทานคู่กับแกะ  หลายโรงแรมตกม้าตาย เพราะไม่มี ไอเทมนี้ แถมบางที่ที่มีก็เปรี้ยวจี๊ดด จนนึกว่าเป็นเครื่องเคียงอาหารอินเดีย  แต่ที่นี่ก็ไม่ขาดตกบกพร่องค่ะ อีกเมนูที่รอคอย และต้องยกนิ้วให้เลยคือ ฟัวกราส์  ที่เสิร์ฟมาแบบชิ้นหนากำลังดีแบบไม่มีอั้น ที่นี่เป็นอีกแห่งที่ทำฟัวกราส์ได้ดีมากค่ะ ข้างนอกเกรียมนิดๆ หอมๆ ข้างในสุกกำลังดี ไม่ดิบไป ยังคงครีมมี่ อร่อยเลิศค่ะ แถมซอสผลไม้ มะม่วง แอปเปิ้ล สับปะรด ที่ราดมา ก็ช่วยเสริมรสให้ดีมากจริงๆ จานนี้เราให้ 5 ดาวเลยค่ะ  รักใครชอบใคร ต้องพาไปทานเลยนะคะ 

อาหารจานเส้น อย่างสปาเก็ตตี้ ที่นี่ก็ทำได้ดีค่ะ โดยเฉพาะเส้นดำผัดเบคอน พริกแห้ง  หอมอร่อย ตัดเลี่ยนได้ดี  แต่เสียดายที่คาโบนาร่า เข้มข้นน้อยไปหน่อย ปิดท้ายของคาวกันด้วยเมนูเด่นช่วงนี้ค่ะ ก็คือ หม้อไฟรวมมิตรทะเล จัดมาแน่นมากกก  ทั้งกุ้ง หอย  ปูอลาสก้า ในน้ำซุปเข้มข้นของลอปเสตอร์และมะเขือเทศ อร่อยอีกแล้วค่ะ นำซุปเข้มข้นได้รสทะเล แต่ไม่เลี่ยน ถูกใจจนต้องเบิ้ลกันเลยทีเดียวค่ะ 

ของหวานละลานตาที่เราไล่เก็บภาพมาให้ดู เราเลือกทานไปแค่ขนมตามฤดูกาล คือ ข้าวเหนียวมูนกับมะม่วง และหน้ากุ้ง หน้าปลาแห้ง ซึ่งก็ไม่ทำให้ผิดหวังจริงๆ ค่ะ หน้ากุ้งที่นี่อร่อยถึงเครื่องไทยมาก หอมพริกไทย รสชาติเข้มข้น  อร่อยเพลินจนทานไปหลายคำ  เรียกว่างานนี้แทบกลิ้งกลับบ้านกันเลยค่ะ

อาหารที่นี่น่าจะถูกปากคนไทย เพราะรสชาติเข้มข้น ถึงเครื่อง  คุณภาพอาหารดี สดใหม่ และมีให้เลือกหลากหลาย โดยเฉพาะฝั่งเอเชีย  แต่ฝั่งยุโรปก็ไม่น้อยหน้า เรียกว่ารักใครชอบใคร พามาทานที่นี่ น่าจะได้คะแนนบวกไปอีกเยอะค่ะ 

ห้องอาหาร Atirum โรงแรมแลนด์มาร์ค

ชั้นล็อบบี้ของโรงแรมแลนด์มาร์ก 138 ถ.สุขุมวิท (ระหว่างซอยสุขุมวิท 4 และ 6) เขตคลองเตย กทม.

โทร.0-2254-0404

www.landmarkbangkok.com

การเดินทาง รถไฟฟ้า BTS ลงสถานีนานา

ห้องอาหาร Atirum โรงแรมแลนด์มาร์ค

ที่อยู่ : ชั้นล็อบบี้ของโรงแรมแลนด์มาร์ก 138 ถ.สุขุมวิท (ระหว่างซอยสุขุมวิท 4 และ 6) เขตคลองเตย กทม.

เบอร์ติดต่อ : โทร.0-2254-0404

เว็บไซต์ : www.landmarkbangkok.com

การเดินทาง : รถไฟฟ้า BTS ลงสถานีนานา