พิถีพิถันทุกขั้นตอน กับ Specialty Coffee 'Festive Series Coffee Drip Bags' By THE COFFEE CLUB

พิถีพิถันทุกขั้นตอน กับ Specialty Coffee ‘Festive Series Coffee Drip Bags’ By THE COFFEE CLUB
nnanthisin
28 ธันวาคม 2565 ( 17:00 )
427

        ในยุคที่กาแฟกลายเป็นเครื่องดื่มให้สุนทรีย์ทางความรู้สึกมากกว่าเครื่องดื่มทั่วไป จนเกิดมีร้านกาแฟขึ้นมากมายทุกหัวมุมถนน ปฏิเสธไม่ได้ว่าผู้คนจำนวนไม่น้อยต่างแสวงหาความพิเศษและแปลกใหม่ จน Specialty Coffee กลายเป็นกระแส มีคนรักกาแฟจำนวนไม่น้อยที่นิยมชมชอบและอยากสัมผัสกลิ่นและรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ ซึ่งแท้จริงแล้ว Specialty Coffee ไม่ได้มีดีแค่กลิ่นและรส แต่ยังมีความพิเศษตั้งแต่การคัดเมล็ด โปรเซส จนถึงการคั่ว และบด ซึ่งหากอยากลิ้มรสให้เข้าถึงความพิเศษอย่างแท้จริง วิธีชงที่คู่ควรที่สุดคือการชงแบบ Pour Over หรือการดริปกาแฟนั่นเอง

 

 

        หลังจากเปิดตัวเมล็ดกาแฟ Siam Blend เป็นทางเลือกให้คอกาแฟได้ลองสัมผัสรสชาติกาแฟไทยไปก่อนหน้านี้ THE COFFEE CLUB ร้านกาแฟจากออสเตรเลียที่เปิดให้บริการในประเทศไทยมานานกว่าสิบปี และมีสาขามากกว่า 30 สาขาทั่วประเทศ ก็ขยับเข้าสู่ตลาด Specialty Coffee กับการนำเมล็ดกาแฟคัดพิเศษและผ่านกระบวนการโปรเซสแบบเฉพาะตัวมานำเสนอในรูปแบบ ‘Festive Series Coffee Drip Bags’ By THE COFFEE CLUB ที่เข้าถึงง่าย พกพาไปดริปได้ทุกที่ โดยรวมกาแฟ 3 ชนิดไว้ด้วยกัน คือ Siam Blend, Anaerobic และ Black Honey ซึ่งแต่ละชนิดล้วนมีอัตลักษณ์ที่จะทำให้หลงใหลไปกับกลิ่นและรสที่ไม่เหมือนใคร

 

        ความพิเศษแรกของ ‘Festive Series Coffee Drip Bags’ By THE COFFEE CLUB คือการเลือกเมล็ดกาแฟอาราบิกาคุณภาพเยี่ยมจากทางภาคเหนือของไทย ทั้งดอยช้าง จังหวัดเชียงราย และบ้านสัญเจริญ จังหวัดน่าน สองพื้นที่ที่คนรักกาแฟชาวไทยต่างยอมรับว่าเป็นแหล่งปลูกกาแฟชั้นดีอันดับต้น ๆ ของประเทศ มาเป็นสารตั้งต้น ส่วนความพิเศษที่สองคือการโปรเซสที่เน้นกลิ่นและรสแปลกใหม่ เพื่อสร้างความรู้สึกประทับใจในทันทีที่ได้จิบ และความพิเศษที่สามคือการผลิตตามฤดูกาลในจำนวนจำกัด จึงนับว่าเป็นกาแฟพิเศษที่คนรักกาแฟไม่ควรพลาด

 

        ซึ่งกว่าจะได้เป็น ‘Festive Series Coffee Drip Bags’ By THE COFFEE CLUB หนึ่งซองต้องพิถีพิถันอย่างที่สุด นอกจากแหล่งปลูกที่ดี ยังคัดเลือกเฉพาะเมล็ดกาแฟอาราบิกาเกรดเอ นำมาโปรเซสด้วยวิธีการที่สะอาด ได้มาตรฐาน คั่วได้ระดับที่เหมาะกับเมล็ดกาแฟแต่ละชนิด เพื่อให้ได้กลิ่นและรสมบูรณ์แบบที่สุด สำหรับ Siam Blend เป็นส่วนผสมที่ลงตัวของเมล็ดกาแฟจากดอยช้างและบ้านสัญเจริญ ผ่านกระบวนการ Fully Washed Process โดยนำผลเชอร์รี่สดใหม่มาแช่น้ำหนึ่งคืนเพื่อคัดแยกคุณภาพ เลือกเฉพาะเมล็ดจมที่สมบูรณ์เต็มที่ แล้วจึงสีเปลือกออก ก่อนหมักอีก 3 วัน นำไปตากให้ได้ความชื้นอยู่ระหว่าง 8 - 12.5% เพื่อให้เหมาะต่อการบ่ม โดยปกติจะบ่มนาน 1 ปี ให้เมล็ดกาแฟมีความหอม จากนั้นนำมาคั่วระดับกลางค่อนเข้ม (Medium to Dark) ด้วยเทคนิคที่ยังคงกลิ่นหอมเฉพาะตัวและชูรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ บดละเอียดพิเศษเพื่อให้เป็นกาแฟเข้มที่เหมาะต่อการดริปโดยเฉพาะ เมื่อฉีกซองรินน้ำร้อนลงไปจะได้กลิ่นหอมในแบบฉบับของกาแฟอาราบิกาแท้ 100% และทันทีที่จิบจะสัมผัสได้ถึงความเข้ม หอมแบบช็อกโกแล็ตปนคาราเมล แต่ยังคงความเปรี้ยวสดชื่นแบบฟรุตตี้ 

 

        ส่วน Anaerobic Process ของ THE COFFEE CLUB ก็ไม่ธรรมดา หลายคนอาจจะเคยได้ยินการโปรเซสแบบนี้มาบ้างว่า เป็นการประยุกต์นำการหมักไวน์มาหมักเมล็ดกาแฟ แต่ ‘Festive Series Coffee Drip Bags’ By THE COFFEE CLUB ซองนี้พิเศษกว่านั้น เพราะใส่ใจตั้งแต่เด็ดเมล็ดกาแฟจากต้นจนถึงคั่ว โดยเริ่มจากคัดผลเชอร์รี่กาแฟเฉพาะที่สุกฉ่ำ จากต้นกาแฟอายุ 30 ปีขึ้นไป เพื่อให้ได้รสชาติที่ดีที่สุด แล้วใส่ลงไปในถังควบคุมอากาศ โดยไม่ใส่น้ำหรือยีส ใช้เฉพาะเมล็ดกาแฟอาราบิกาแท้ 100% ซึ่งกระบวนการหมักจะดึงออกซิเจนออกจากถังจนหมด ให้ภายในอัดแน่นด้วยคาร์บอนไดออกไซด์ หมักนาน 80-90 ชั่วโมง ไม่มากหรือน้อยไปกว่านั้น และระหว่างหมักจะระบายก๊าซที่เกิดจากการหมักออก แต่ไม่ปล่อยให้อากาศภายนอกเข้าไป จากนั้นจึงนำไปผึ่งตากทั้งเปลือก ให้ความชื้นไม่เกิน 10% เก็บบ่มประมาณ 2-3 เดือน ก่อนนำมาสีเปลือกและไล่ความชื้นอีกครั้งแล้วจึงนำไปสีกะลาทำเป็นสารกาแฟ ที่สำคัญคือ เมื่อได้สารแล้วต้องคัดด้วยมือแยกเมล็ดแตก ดำ และเป็นมอด ออกอย่างละเอียด เพื่อให้ได้เมล็ดกาแฟที่สมบูรณ์ที่สุด กาแฟ Anaerobic ใน ‘Festive Series Coffee Drip Bags’ By THE COFFEE CLUB เป็นกาแฟคั่วอ่อน เพื่อให้กลิ่นหมักอ่อน ๆ ที่มีความหอมนวลคล้ายชาดอกไม้และกลิ่นวนิลลายังคงอยู่ พร้อมกับชูรสชาติฟรุตตี้ที่เปรี้ยวสดชื่น มีชีวิตชีวา

 

        อีกหนึ่งสูตรที่โดดเด่นด้านรสชาติซึ่งเกิดจากกระบวนการที่พิถีพิถันก็คือ Black Honey กาแฟชนิดนี้มีรูปแบบการโปรเซสคล้ายกับกาแฟ Honey แต่ไม่เหมือน เพราะหลังจากคัดผลเชอร์รี่ให้ได้เฉพาะที่สุกดีและมีคุณภาพสมบูรณ์ จะนำไปผึ่งทิ้งไว้ประมาณ 20 ชั่วโมง เพื่อให้เกิดกระบวนการหมักในตัวเอง เมื่อสีเปลือกเริ่มเปลี่ยนจึงนำไปสีเปลือกหรือปอกเปลือกออก จะเห็นเยื่อหรือเมือกข้างในเป็นสีชมพูอ่อน นำไปผึ่งตอนกลางคืนยาวจนถึงช่วงเช้า โดยสองวันแรกจะเน้นให้โดนแดดอ่อน ไม่ให้เยื่อหรือเมือกของเชอร์รี่แห้งไวจนเกินไป เพื่อให้ความหวานที่ติดมาค่อย ๆ ซึมเข้าสู่เมล็ด จากนั้นจึงตากตามปกติ จนเห็นว่าสีของเมือกที่เกาะอยู่บนกะลากาแฟกลายเป็นสีดำ เหมือนน้ำตาลไหม้หรือคาราเมล เมื่อนำไปสีเป็นสาร จะเห็นได้ว่าเมล็ดกาแฟเปลี่ยนเป็นสีเข้มจากการดูดซึมน้ำตาลจากผลเชอร์รี่เอาไว้ ทำให้มีชื่อเรียกว่า Black Honey ซึ่งทาง THE COFFEE CLUB เลือกใช้การคั่วอ่อน ก่อนนำไปบดลงในซองดริป จึงได้กาแฟที่มีรสชาติหวานนุ่มนวลแทรกด้วยความฟรุตตี้เบา ๆ ทั้งยังอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมคล้ายผลไม้สุกและคาราเมล 

 

        ไม่ใช่แค่การโปรเซสและการคั่วเท่านั้น ‘Festive Series Coffee Drip Bags’ By THE COFFEE CLUB ยังใส่ใจในการบด ซึ่งต้องทดลองอย่างจริงจังและเข้มข้น ให้ได้ระดับการบดที่พอเหมาะพอดีต่อการดริปกาแฟแต่ละชนิด เพื่อให้คนรักกาแฟได้ดื่มด่ำกับกลิ่นและรสชาติของ Specialty Coffee ที่มีความพิเศษในช่วงเวลาพิเศษส่งท้ายปีอย่างแท้จริง เรียกได้ว่ากว่าจะเป็น Coffee Drip Bags แต่ละซอง ผ่านกระบวนการสร้างสรรค์ที่พิถีพิถันทุกขั้นตอนจริง ๆ คอกาแฟคงต้องไปพิสูจน์กันดูแล้วละว่า Siam Blend, Anaerobic และ Black Honey เซตนี้จะน่าประทับใจขนาดไหน โดยกาแฟดริปทั้ง 3 สูตร พร้อมให้ทุกคนได้ลิ้มรสความอร่อยที่ลงตัวได้แล้วตั้งแต่วันนี้ ที่ร้าน เดอะ คอฟฟี่ คลับ ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือจะซื้อกลับไปดริปเองที่บ้านก็ได้เช่นกันในราคากล่องละ 290 บาท เท่านั้น

 

 

 

 

ยอดนิยมในตอนนี้

ยอดนิยมในตอนนี้