9 วิธีเลือกขึ้นฉ่าย ต้นสดใหม่ ดูยังไงดี น่าซื้อ | บทความโดย ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล นอกจากต้นหอมและผักชีเราจะใช้บ่อยในเมนูต่างๆ แล้ว ขึ้นฉ่ายที่เป็นผักสำหรับทำอาหารได้คล้ายต้นหอมผักชี ก็มักเป็นผักที่หลายคนต้องเลือกซื้อมาติดครัวไว้ เพราะนอกจากจะทานแบบผักได้แล้ว การหั่นขึ้นฉ่ายสดยังจำเป็นสำหรับการทำยำต่างๆ อีกด้วย ที่โดยส่วนตัวแล้วผู้เขียนชอบกลิ่นหอมตามธรรมชาติของผักชนิดนี้เหมือนกัน พอนำมาหั่นใส่ยำแล้ว รู้สึกว่าความน่าทานเพิ่มขึ้นเป็นกองเลยค่ะ ที่มากกว่าแค่กลิ่นก็จะเป็นสีสันเขียวสดใสของผักชนิดนี้ค่ะ ดังนั้นการเลือกซื้อขึ้นฉ่ายก็กลายเป็นงานที่หลายคนต้องทำ และคุณผู้อ่านรู้ไหมคะว่า ขึ้นฉ่ายที่เราต้องใช้ตอนทำอาหารนั้น ต้นสดใหม่จำเป็นต้องมีเคล็ดลับในการเลือกค่ะ เพราะผักชนิดนี้ก็มีจุดเด่นที่นำมาสังเกตได้ และถ้าหากว่าคุณผู้อ่านอยากรู้แล้วว่ามีวิธีการอะไรบ้างนั้น ต้องอ่านต่อให้จบในเนื้อหาของบทความนี้ เพราะในบทความนี้เราจะมาเรียนรู้ 9 วิธีเลือกขึ้นฉ่ายไปทำอาหารกันค่ะ ดังเนื้อหาต่อไปนี้ 1. สังเกตสีใบ สีใบของขึ้นฉ่ายเป็นตัวบ่งบอกถึงความสดใหม่และคุณภาพของผักชนิดนี้ได้เป็นอย่างดีค่ะ สีเขียวสดใสบ่งบอกว่าขึ้นฉ่ายได้รับสารอาหารเพียงพอและยังคงมีความสดใหม่ แต่ถ้าใบเริ่มเปลี่ยนสีเป็นเหลืองหรือมีจุดด่างๆ แสดงว่าขึ้นฉ่ายอาจจะเริ่มเน่าเสียหรือใกล้หมดอายุแล้วค่ะ จุดด่างๆ บนใบขึ้นฉ่ายอาจเกิดจากโรค แมลง หรือการขาดสารอาหาร ซึ่งจะส่งผลต่อรสชาติและคุณค่าทางอาหารของขึ้นฉ่าย และวิธีสังเกตสีใบอย่างละเอียด มีดังนี้ สังเกตสีใบทั้งหมด: ไม่ใช่แค่ใบด้านบนเท่านั้น ควรสังเกตสีใบด้านล่างด้วย เพราะใบด้านล่างอาจมีการเปลี่ยนสีก่อนใบด้านบน สังเกตเส้นใบ: เส้นใบควรมีสีเขียวสดใส ไม่เหลืองหรือมีจุดด่างๆ สังเกตขอบใบ: ขอบใบควรเรียบและไม่มีรอยฉีกขาด เปรียบเทียบสีใบ: ลองเปรียบเทียบสีใบของขึ้นฉ่ายแต่ละต้น เพื่อเลือกต้นที่มีสีเขียวสดใสที่สุด 2. ดูความแน่นของใบ ความแน่นของใบขึ้นฉ่ายเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่บ่งบอกถึงความสดใหม่ของขึ้นฉ่ายค่ะ ใบขึ้นฉ่ายที่แนบชิดกันแสดงว่าขึ้นฉ่ายยังคงมีความชุ่มชื้น ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญต่อการคงความสดใหม่ ใบขึ้นฉ่ายที่แนบชิดกันและไม่หลวมแสดงว่าขึ้นฉ่ายยังคงมีความชุ่มชื้นและมีชีวิตชีวา แต่ถ้าใบเริ่มหลวมหรือร่วงง่าย แสดงว่าขึ้นฉ่ายอาจจะเริ่มเหี่ยวเฉา การเก็บรักษาที่ไม่ถูกวิธี เช่น การเก็บไว้ในที่อุณหภูมิสูง หรือการวางทับสิ่งของอื่นๆ อาจทำให้ใบขึ้นฉ่ายหลวมและร่วงง่าย ซึ่งวิธีสังเกตความแน่นของใบ ได้แก่ สังเกตการเรียงตัวของใบ: ใบขึ้นฉ่ายที่สดใหม่จะมีการเรียงตัวที่เป็นระเบียบ ใบจะแนบชิดกันและไม่เว้นช่องว่าง ลองดึงใบเบาๆ: ใบขึ้นฉ่ายที่สดใหม่จะติดกับลำต้นแน่น เมื่อลองดึงใบเบาๆ จะไม่หลุดง่าย สังเกตความอวบน้ำของใบ: ใบขึ้นฉ่ายที่อวบน้ำและมีความหนาแสดงว่าขึ้นฉ่ายยังคงมีความชุ่มชื้น เปรียบเทียบความแน่นของใบ: ลองเปรียบเทียบความแน่นของใบขึ้นฉ่ายแต่ละต้น เพื่อเลือกต้นที่มีใบแนบชิดกันที่สุด 3. ดมกลิ่น กลิ่นเป็นอีกหนึ่งตัวบ่งบอกถึงความสดใหม่ของขึ้นฉ่ายได้เป็นอย่างดีค่ะ ขึ้นฉ่ายที่สดใหม่จะมีกลิ่นหอมเฉพาะตัวที่สดชื่น ซึ่งเกิดจากสารประกอบระเหยที่ชื่อว่า เอพิเจนและ ลูทีโอลิน โดยกลิ่นหอมสดชื่น แสดงว่าขึ้นฉ่ายมีความสดใหม่ เมื่อเวลาผ่านไป สารประกอบระเหยในขึ้นฉ่ายจะลดลง ทำให้กลิ่นหอมจางลง การเก็บรักษาที่ไม่ถูกวิธี เช่น การเก็บไว้ในที่อุณหภูมิสูง หรือการเก็บรวมกับอาหารที่มีกลิ่นแรง อาจทำให้กลิ่นของขึ้นฉ่ายเปลี่ยนแปลงไป ถ้าขึ้นฉ่ายไม่มีกลิ่น หรือมีกลิ่นอับ แสดงว่าขึ้นฉ่ายเริ่มเหี่ยวเฉาหรือเน่าเสีย มีกลิ่นเหม็น แสดงว่าขึ้นฉ่ายเน่าเสียอย่างรุนแรง ไม่ควรนำมาบริโภคค่ะ ซึ่งวิธีดมกลิ่นขึ้นฉ่าย ได้แก่ ดมที่ใบ: ดมที่ใบขึ้นฉ่ายโดยตรง เพื่อรับรู้กลิ่นหอมเฉพาะตัว ดมที่ลำต้น: ดมที่ลำต้นใกล้ๆ ราก เพื่อตรวจสอบว่ามีกลิ่นผิดปกติหรือไม่ เปรียบเทียบกลิ่น: ลองเปรียบเทียบกลิ่นของขึ้นฉ่ายแต่ละต้น เพื่อเลือกต้นที่มีกลิ่นหอมสดชื่นที่สุด 4. สังเกตความสะอาด ความสะอาดของผักเป็นสิ่งสำคัญมากในการป้องกันการปนเปื้อนของเชื้อโรคต่างๆ ที่อาจก่อให้เกิดโรคจากอาหาร ดังนั้นการเลือกขึ้นฉ่ายที่สะอาดจึงเป็นขั้นตอนแรกในการเตรียมอาหารที่ปลอดภัยค่ะ และวิธีสังเกตความสะอาดของขึ้นฉ่าย มีดังนี้ สังเกตใบ: ใบขึ้นฉ่ายควรสะอาด ไม่มีดินหรือเศษดินติดอยู่ สังเกตลำต้น: ลำต้นควรสะอาด ไม่มีรอยเปื้อนหรือคราบสกปรก สังเกตราก: รากควรสะอาด ไม่มีดินหรือเศษดินติดอยู่ สังเกตบรรจุภัณฑ์: หากซื้อขึ้นฉ่ายที่บรรจุในถุงหรือกล่อง ควรสังเกตว่าบรรจุภัณฑ์สะอาดหรือไม่ มีรอยเปื้อนหรือรอยฉีกขาดหรือเปล่า 5. ตรวจสอบราก รากของขึ้นฉ่ายเปรียบเสมือนท่อน้ำเลี้ยงที่ลำเลียงสารอาหารไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของต้น ถ้ารากไม่แข็งแรง หรือเริ่มเน่าเสีย ก็จะส่งผลให้ใบเหี่ยวเฉาและเน่าเสียตามมาได้เร็วขึ้น ขึ้นฉ่ายที่มีรากแข็งแรงจะมีรสชาติที่สดชื่นและหวานกว่า ดังนั้นการตรวจสอบรากจึงเป็นสิ่งสำคัญในการเลือกซื้อขึ้นฉ่ายที่มีคุณภาพดี โดยวิธีสังเกตรากขึ้นฉ่ายง่ายๆ ให้ทำตามนี้ค่ะ สีของราก: รากของขึ้นฉ่ายที่สดใหม่จะมีสีขาวหรือสีครีมอ่อน ไม่เหลืองหรือมีรอยด่าง ความแข็งแรงของราก: รากควรแข็งแรง ไม่เหี่ยวเฉาหรือมีรอยช้ำ ลองบีบรากเบาๆ ควรมีความกรอบ ความยาวของราก: รากควรมีความยาวพอสมควร ไม่สั้นเกินไปหรือยาวเกินไป กลิ่นของราก: รากควรไม่มีกลิ่นเหม็นหรือกลิ่นผิดปกติ 6. ตรวจสอบขนาด ขนาดของขึ้นฉ่ายมีความสำคัญในการวางแผนการทำอาหารค่ะ เพราะจะช่วยให้คุณสามารถเตรียมวัตถุดิบได้อย่างพอดี ไม่มากเกินไปหรือขาดไป ซึ่งจะส่งผลต่อรสชาติและปริมาณของอาหารที่ได้ โดยให้เลือกขนาดของขึ้นฉ่ายให้เหมาะสมกับปริมาณที่ต้องการใช้ ดังนี้ สังเกตความยาวของลำต้น: ลำต้นที่ยาวจะให้ปริมาณขึ้นฉ่ายมากกว่าลำต้นที่สั้น สังเกตความหนาแน่นของใบ: ใบที่หนาแน่นจะให้ปริมาณขึ้นฉ่ายมากกว่าใบที่โปร่ง เปรียบเทียบขนาดของขึ้นฉ่ายแต่ละต้น: ก่อนตัดสินใจซื้อ ควรเปรียบเทียบขนาดของขึ้นฉ่ายแต่ละต้น เพื่อเลือกต้นที่มีขนาดเหมาะสมกับความต้องการ หากต้องการหั่นขึ้นฉ่ายเป็นชิ้นเล็กๆ ก็สามารถเลือกซื้อขึ้นฉ่ายที่มีลำต้นขนาดใหญ่ได้ หากต้องการผัดขึ้นฉ่าย ก็สามารถเลือกซื้อขึ้นฉ่ายที่มีใบเยอะๆ ได้ หากต้องการทำน้ำซุป ก็สามารถเลือกซื้อขึ้นฉ่ายที่มีทั้งใบและลำต้นได้ ควรซื้อขึ้นฉ่ายเผื่อปริมาณไว้เล็กน้อย เนื่องจากระหว่างการทำอาหาร อาจมีส่วนที่เสียหายหรือต้องทิ้งไป หากต้องการใช้ขึ้นฉ่ายเพียงเล็กน้อยในการปรุงรสอาหาร เช่น ซุป สลัด หรือแกง ก็สามารถเลือกซื้อขึ้นฉ่ายขนาดเล็ก หรือตัดเฉพาะส่วนที่ต้องการได้ หากต้องการใช้ขึ้นฉ่ายในการทำอาหารจำนวนมาก เช่น ผัดผัก หรือทำน้ำซุป ก็ควรเลือกซื้อขึ้นฉ่ายขนาดใหญ่ หรือซื้อหลายๆ ต้น 7. ดูความสดของลำต้น ลำต้นของขึ้นฉ่ายเป็นส่วนที่เชื่อมต่อระหว่างรากและใบ ถ้าลำต้นไม่แข็งแรงหรือมีรอยช้ำ จะส่งผลให้การลำเลียงน้ำและสารอาหารไปเลี้ยงส่วนอื่นๆ ของต้นทำได้ไม่ดี ทำให้ขึ้นฉ่ายเหี่ยวเฉาและเสียเร็วขึ้น ดังนั้นการตรวจสอบลำต้นจึงเป็นอีกหนึ่งวิธีสำคัญในการเลือกซื้อขึ้นฉ่ายที่มีคุณภาพดี ลำต้นของขึ้นฉ่ายที่สดใหม่จะมีสีขาวหรือสีครีมอ่อน ไม่เหลืองหรือมีรอยด่าง ลำต้นควรแข็งแรง ไม่เหี่ยวเฉาหรือมีรอยช้ำ ลองบีบลำต้นเบาๆ ควรมีความกรอบ ขนาดของลำต้นควรเหมาะสมกับความยาวของใบ ไม่เล็กเกินไปหรือใหญ่เกินไป และสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงเมื่อตรวจสอบลำต้น เช่น ลำต้นที่เหี่ยวเฉา: ลำต้นที่เหี่ยวเฉาแสดงว่าขึ้นฉ่ายขาดน้ำและกำลังจะตาย ลำต้นที่มีรอยช้ำ: รอยช้ำบนลำต้นอาจเป็นทางเข้าของเชื้อโรค ทำให้ลำต้นเน่าเสียได้เร็วขึ้น ลำต้นที่นิ่ม: ลำต้นที่นิ่มแสดงว่าขึ้นฉ่ายสูญเสียความชุ่มชื้นและกำลังจะเสีย 8. สังเกตรอยแมลง รอยแมลงกัดกินบนขึ้นฉ่ายเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าขึ้นฉ่ายนั้นอาจได้รับความเสียหายจากแมลงศัตรูพืช ซึ่งอาจทำให้คุณภาพของขึ้นฉ่ายลดลง และอาจมีสารเคมีตกค้างจากการกำจัดแมลงได้ นอกจากนี้รอยแมลงยังเป็นทางเข้าของเชื้อโรคต่างๆ ที่อาจทำให้ขึ้นฉ่ายเน่าเสียได้เร็วขึ้น โดยวิธีสังเกตรอยแมลงกัดกิน ได้แก่ สังเกตใบ: ใบขึ้นฉ่ายที่ถูกแมลงกัดกินจะมีรูพรุน รอยฉีกขาด หรือร่องรอยการกัดกินที่ขอบใบ สังเกตลำต้น: ลำต้นอาจมีรอยเจาะ รอยกัด หรือมีร่องรอยของแมลงอาศัยอยู่ สังเกตราก: รากอาจถูกแมลงกัดกินจนเสียหาย ทำให้ดูเหี่ยวเฉา สังเกตแมลง: ตรวจสอบว่ามีแมลงและไข่หรือขี้ของแมลงเกาะอยู่บนขึ้นฉ่ายหรือไม่ 9. เลือกซื้อจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ การเลือกซื้อขึ้นฉ่ายจากแหล่งที่น่าเชื่อถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพราะจะช่วยให้มั่นใจได้ว่าขึ้นฉ่ายที่คุณผู้อ่านซื้อมานั้นมีความสด สะอาด ปลอดภัย และมีคุณภาพดี การเลือกซื้อจากตลาดสดที่สะอาด หรือซูเปอร์มาร์เก็ตที่ได้มาตรฐาน จะช่วยลดความเสี่ยงในการได้รับสารเคมีตกค้าง หรือเชื้อโรคต่างๆ ที่อาจปนเปื้อนมาได้ จากที่แหล่งที่ได้มาตรฐานจะมีการดูแลรักษาความสะอาดของสินค้าและสถานที่เป็นอย่างดี ลดความเสี่ยงในการปนเปื้อนของเชื้อโรค และตัวอย่างของแหล่งที่น่าเชื่อถือได้ เช่น 9.1 การเลือกซื้อจากตลาดสด เลือกตลาดที่สะอาด: เลือกตลาดที่มีการจัดการขยะที่ดี มีการล้างทำความสะอาดบริเวณขายผักเป็นประจำ สังเกตความสดใหม่: ตรวจสอบใบและลำต้นของขึ้นฉ่ายว่าสดใหม่หรือไม่ ไม่มีรอยช้ำหรือรอยเน่าเสีย สอบถามผู้ขาย: ถามผู้ขายเกี่ยวกับแหล่งที่มาของขึ้นฉ่าย และวิธีการปลูก เพื่อให้ได้ข้อมูลเพิ่มเติม 9.2 การเลือกซื้อจากซูเปอร์มาร์เก็ต เลือกซูเปอร์มาร์เก็ตที่ได้มาตรฐาน: เลือกซูเปอร์มาร์เก็ตที่มีชื่อเสียง และมีการควบคุมคุณภาพสินค้า ตรวจสอบวันหมดอายุ: ตรวจสอบวันหมดอายุบนบรรจุภัณฑ์ เลือกบรรจุภัณฑ์ที่ปิดสนิท: เพื่อป้องกันการปนเปื้อนจากภายนอก และทั้งหมดนั้นคือเคล็ดลับสำหรับเลือกขึ้นฉ่ายค่ะ พอจะมองภาพออกไหมคะ? อย่างไรก็ตามเคล็ดลับดีๆ ที่ผู้เขียนได้พูดถึงนั้น โดยส่วนตัวผู้เขียนได้นำมาใช้เหมือนกันค่ะ ซึ่งสิ่งแรกที่นำมาประยุกต์ใช้เลยก็คือ การเลือกซื้อขึ้นฉายจากป้าคนที่รู้จักกัน โดยป้าคนนี้มักนำผักที่มีคุณภาพดีมาขาย ที่ส่วนมากขึ้นฉ่ายของป้าสดใหม่ และที่สำคัญอีกข้อคือราคาไม่แพงค่ะ เพียง 5-10 บาทเท่านั้น และผู้เขียนจะไม่เคยลืมที่จะสังเกตว่า ใบของขึ้นฉ่ายต้องเขียวสดใส ใบไม่เหลือง ไม่มีรอยช้ำค่ะ ยังไงนั้นคุณผู้อ่านก็อย่าลืมนำเคล็ดลับข้างต้นไปใช้บ้างนะคะ ซึ่งผู้เขียนหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับคุณผู้อ่านไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง หากชอบบทความแบบนี้อีก ก็อย่าลืมกดติดตามหรือกดบุ๊กมาร์กหน้าโปรไฟล์ไว้นะคะ เพราะจะได้ไม่พลาดบทความใหม่ๆ ที่จะได้นำมาเผยแพร่ในเร็วๆ นี้ค่ะ เครดิตภาพประกอบบทความ ภาพหน้าปกและภาพประกอบเนื้อหาโดยผู้เขียน ออกแบบภาพหน้าปกใน Canva เกี่ยวกับผู้เขียน จบการศึกษา : พยาบาลศาสตรบัณฑิต จากวิทยาลัยพยาบาลศรีมหาสารคาม กระทรวงสาธารณสุข และสาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต (อนามัยสิ่งแวดล้อม) จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น มีความสนใจและประสบการณ์เกี่ยวกับ : สุขภาพ จิตวิทยาเชิงบวก การจัดการน้ำเสียและสิ่งปฏิกูล บทความอื่นที่น่าสนใจโดยผู้เขียน https://food.trueid.net/detail/y6JRKvPKJMV6 https://food.trueid.net/detail/qejvbgMwbANe https://food.trueid.net/detail/oJr7VbRGPXGw เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !