เนื่องจากเป็นยุคสมัยใหม่การรับประทานอาหารฟาสต์ฟู้ดจึงเป็นเรื่องธรรมดาของเด็กในสมัยนี้ จนทำให้อาหารไทยโบราณไม่ค่อยมีคนรู้จักหรืออาจจะไม่เคยกินกินเลย เราจึงอยากชวนเพื่อน ๆ หันมารับประทานและรักษาอาหารไทยโบราณกัน ซึ่งเมนูที่เราอยากจะให้ทุกคนรู้จักนั้นก็คือ "แกงขี้เหล็ก" เป็นเมนูที่หากินได้ยากเเลัวในปัจจุบันเอกลักษณ์ของแกงนี้จะมีรสชาติขมบางคนกินแล้วอาจจะไม่ถูกปากแต่ถ้านำมาต้มอย่างถูกวิธีก็จะไม่ขมเลย ขี้เหล็กเป็นพืชสมุนไพรที่มีสารบางอย่างที่ช่วยในเรื่องทำให้หลับสบายเป็นยาระบายอ่อนๆ นอกจากนี้ยังมีชื่อเรียกในท้องถิ่นที่แตกต่างกัน เช่น ขี้เหล็กแก่น (ราชบุรี) ขี้เหล็กบ้าน (ลำปาง) ขี้เหล็กหลวง (ภาคเหนือ) ขี้เหล็กใหญ่ (ภาคกลางบางที่) ผักจี้ลี้ (แม่ฮ่องสอน) ยะหา (ปัตตานี) และขี้เหล็กจิหรี่ (ภาคใต้) นอกจากหลับสบายแล้วก็ขับถ่าย ทำให้สุขภาพดี แกงขี้เหล็กจึงเป็นอาหารไทยเมนูหนึ่งที่มีคุณค่าทางโภชนาการที่จะนำมารับประทานบ่อย ๆ เพราะนอกจากจะทำให้สุขภาพดีแล้วยังเป็นการช่วยอนุรักษ์อาหารไทยโบราณของเราให้คงอยู่กับเด็กรุ่นต่อ ๆไป เราจึงได้นำสูตรของบ้านเราและวิธีการทำแกงขี้เหล็กไม่ให้ขมมาฝากเพื่อน ๆ ด้วย ส่วนผสมได้แก่ ใบขี้เหล็ก เนื้อหมูสามชั้น (หรือเนื้อสัตว์ที่เพื่อนๆอยากรับประทาน) กะทิ กระชาย น้ำตาลปี๊บ น้ำปลา น้ำปลาร้าต้มสุก พริกแกงเผ็ด วิธีทำ นำใบขี้เหล็กมาต้มแล้วบีบน้ำออกให้หมด ต่อมานำกะทิเทใส่กระทะเล็กน้อยนำพริกแดงลงไปผัดแล้วตามด้วยหมูสามชั้น ตำกระชายให้ละเอียดแล้วลงไปผักกับหมูจากนั้นตามด้วยกะทิที่เหลือ พอกะทิเดือดใส่ใบขี้เหล็กลงไปจากนั้นปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาลปี๊บ น้ำปลาร้าต้มสุก (รสชาติตามที่เพื่อนๆชอบ) พอสุกแล้วปิดไฟตักใส่ชามรับประทานพร้อมกับข้าวสวยร้อน ๆ ได้เลยค่ะ "เคล็ดลับที่ทำให้แกงขี้เหล็กไม่ขม" การรับประทานขี้เหล็กอย่างปลอดภัยต้องเลือกตั้งแต่ยอดอ่อนถึงใบขนาดกลางและนำไปต้มให้เดือดเทน้ำทิ้งสัก 2-3 น้ำ แค่นี้รสชาติขม ๆ ของขี้เหล็กก็หมดไปแล้ว อร่อยจนต้องหาทำเลย เพื่อน ๆ ลองไปทำตามกันดูนะคะไม่ยุ่งยากอย่างที่คิดเลย ถึงเมนูแกงขี้เหล็กจะเป็นเมนูพื้น ๆ แต่ประโยชน์ของแกงขี้เหล็กไม่พื้นเลยนะคะ ภาพและเนื้อหาโดย พิยดา