ปฏิเสธไม่ได้ว่าเครื่องดี่มยอดนิยมของคนทำงานส่วนใหญ่ ก็คือ "กาแฟ" ทุกเช้าร้านกาแฟที่รายล้อมอยู่รอบๆ ออฟฟิต จะมีผู้คนไปต่อคิวรอซื้อกาแฟก่อนเข้าออฟฟิตเพื่อไปทำงาน ไม่ว่าตึกนั้นจะมีร้านกาแฟมากมายเพียงใด ช่วงเช้าหรือบ่ายๆ ก็จะพบว่าไม่มีร้านใดที่มีนั่งว่างเลย เชื่อว่าทุกคนมีเหตุผลเดียวกัน นั่นคือ ต้องการความกระปรี้กระเปร่า ตาสว่างก่อนเริ่มทำงานนั่นเอง เรามาดูข้อดีของการดื่มกาแฟกันค่ะ “ข้อดี” ของการดื่มกาแฟ 1. กลิ่นหอมกรุ่นๆ ของกาแฟสด ช่วยลดความเครียดได้ - เนื่องจากน้ำมันหอมระเหยที่ช่วยทำให้จิตใจรู้สึกเป็นสุข สงบ รู้สึกผ่อนคลาย ดังนั้น หากลองได้จิบกาแฟสักแก้วเล็กๆ อย่างช้าๆ จะช่วยให้ความเหนื่อยล้าระหว่างการทำงานคลายหายไป และจะทำให้รู้สึกสดชื่นขึ้นได้มากทีเดียว ภาพโดย Soner Köse จาก Pixabay 2. กาแฟมีส่วนช่วยบำรุงร่างกาย - โดยกระตุ้นระบบไหลเวียนเลือด บำรุงหัวใจและหลอดเลือดให้แข็งแรง เป็นการช่วยป้องกันปัญหาโรคหัวใจและโรคที่เกี่ยวกับหลอดเลือด ช่วยลดปริมาณคลอเลสเตอรอลในเลือดให้อยู่ในระดับที่พอดี 3. ช่วยป้องกันการเกิดโรคซึมเศร้าได้อีกทางหนึ่ง - เนื่องจากในกาแฟมี “คาเฟอีน” ที่ถูกนำไปใช้เป็นส่วนผสมของยาสำหรับแก้อาการปวดไมเกรน ให้จิบกาแฟในปริมาณ 1 แก้วต่อวันเพื่อให้ร่างกายได้รับคาเฟอีนเพิ่มขึ้น ก็จะช่วยลดอาการปวดหัวให้น้อยลงได้ 4. ช่วยป้องกันโรคอัลไซเมอร์ - โรคอัลไซเมอร์มักจะพบได้บ่อยมากๆ ในกลุ่มผู้สูงอายุ การดื่มกาแฟเป็นประจำวันละ 1-2 แก้วต่อวัน จะช่วยลดอัตราเสี่ยงให้น้อยลงได้ และยังช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นนิ่วในถุงน้ำดีสำหรับผู้ชายได้อีกด้วย 5. กลุ่มผู้ป่วยโรคเบาหวาน - จะช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดให้ต่ำลงได้ เนื่องจากในเมล็ดกาแฟมีสารที่ชื่อว่าควินิน เข้าไปทำหน้าที่ช่วยกระตุ้นให้ร่างกายผลิตอินซูลินได้ดีขึ้นกว่าเดิม แต่จะต้องเป็นกาแฟประเภทกาแฟดำ อาจจะผสมน้ำตาลเพียงเล็กน้อย (สำหรับผู้ที่เริ่มต้นทานกาแฟดำ) ค่อยๆ ปรับปริมาณน้ำตาลให้น้อยลงจนเป็นไม่ใส่เลย ภาพถ่ายจากผู้เขียน ทั้งนี้ทั้งนั้น การดื่มกาแฟที่มากเกินไป ย่อมไม่ส่งผลดีต่อร่างกาย และช่วงที่ไม่ควรดื่มกาแฟอย่างเด็ดขาด คือหลังจากประมาณ 4 โมงเย็นเป็นต้นไป เพราะอาจทำให้นอนไม่หลับในตอนกลางคืนได้ เมื่อนอนไม่หลับแต่จำเป็นต้องตื่นเช้ามาทำงาน ก็จะเกิดปัญหานอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ กลายเป็นวงจรที่จะต้องทานกาแฟวันละหลายๆ แก้วเพื่อให้ร่างกายตื่นตัว จะกลายเป็นเสียทั้งสุขภาพและเงินทองได้ค่ะ ควรดี่มกาแฟอย่างไรจึงจะเหมาะสม? 1. ควรดื่มในปริมาณที่เหมาะสม - นั่นคือประมาณ 2-3 แก้วต่อวัน และควรดื่มให้ถูกเวลาด้วย โดยช่วงเวลาที่เหมาะสมในการดื่มกาแฟมากที่สุดคือ 10 โมงเช้าเป็นต้นไป จากนั้นช่วงบ่ายจะเป็นช่วงเวลาประมาณบ่าย 2 เพราะจะทำให้ฤทธิ์ของคาเฟอีนออกฤทธิ์ได้เต็มที่ 2. ไม่ควรดี่มขณะท้องว่าง - เนื่องจากในกาแฟมีสารเร่งหลั่งกรดในกระเพราะอาหาร หากดื่มในตอนท้องว่างก็จะทำให้เกิดอาการท้องอืด และอาจเกิดแผลในกระเพาะอาหาร และยังส่งผลให้ได้รับสารอาหารไม่ครบด้วย 3. ไม่ควรดื่มกาแฟสำเร็จรูป - เนื่องจากส่วนผสมน้ำตาลและครีมเทียม จะก่อให้เกิดไขมันส่วนเกิน หากดื่มต่อเนื่องเป็นเวลานานวัน ก็มีโอกาสเกิดน้ำตาลในเลือดหรือคอเลสเตอรอลในเลือด รวมถึงโรคอ้วนด้วย ภาพโดย Kirill Averianov จาก Pixabay ทางเลือกทดแทนการดื่มกาแฟ นอกจากกาแฟแล้ว หากต้องการความกระปรี้กระเปร่าในระหว่างวันทำงาน ยังมีทางเลือกอื่นๆ อีก เช่น เมนูเกี่ยวกับช็อกโกแลต ที่สามารถกระตุ้นให้ฮอร์โมนเอนโดรฟิน และฟีนิลเอทิลเอมีนหลั่งออกมา ซึ่งจะมีความสัมพันธ์กับความรู้สึกมีความสุข และการดื่มชาก็สามารถช่วยกระตุ้น ทำให้เรามีสมาธิมากขึ้นได้ เนื่องจากในชาก็มีคาเฟอีนเช่นกัน แต่มีปริมาณน้อยกว่ากาแฟ ทั้งนี้ทั้งนั้น ต้องระวังเรื่องน้ำตาล ครีมเทียม และส่วนผสมอื่นๆ ด้วย หาไม่แล้ว เครื่องดื่มแก้วนี้อาจจะส่งผลเสียต่อสุขภาพได้เช่นกัน ภาพถ่ายจากผู้เขียน