หากพูดถึงอาหารอีสานเชื่อว่าหลายคนจะนึกถึง ส้มตำ ซุปหน่อไม้ หรือไม่ก็ลาบก้อนอย่างแน่นอน แต่ในยุคปัจจุบันที่เทคโนโลยีหลายๆ อย่างเข้ามาแทนที่ทำให้อาหารพื้นบ้านหลายๆอย่างกำลังที่จะสาบสูญไปตามกาลเวลา เหมือนกับอาหารอีสานที่ชื่อว่า ”เบ้า” หรือหลายพื้นที่เรียก “กุดจี่เบ้า” ซึ่งนับว่าเป็นอาหารอีสานที่หากินได้ไม่ง่ายนักซึ่งจะมีตามฤดูกาลและมีตามพื้นที่ ที่มีวัว ควาย เยอะเท่านั้น และอะไรถึงจะทำให้อาหารอีสานอย่าง “กุดจี่เบ้า” กำลังจะหายสาบสูญไป ”เบ้า” หรือ “กุดจี่เบ้า” เกิดจากแมลงกุดจี่ที่อาศัยอยู่ตามมูลสัตว์ประเภท วัว ควาย ซึ่งคนอีสานแต่ก่อนนั้นจะไปหาขุดตามมูลสัตว์เพื่อเอามาทำอาหาร หากย้อนกลับไปสมัยเด็กนั้นตัวผมเองก็เคยได้ไปเขี่ย ไปขุด ตามกองมูล วัว ควาย เหมือนกัน ถามว่าตอนนั้นเหม็นหรือไม่บอกได้เลยว่า ไม่มีอารมณ์แบบนั้นอยู่เลยแต่กลับมีความตื่นเต้นที่ได้เห็นกองมูล วัว ควาย เหล่านั้นมากกว่า เพราะนั่นแสดงว่าเรากำลังจะได้กุดจี่มาเป็นอาหารแล้ว แต่กุดจี่ที่เห็นกันนั้นโดยมากจะตัวเล็กกว่า กุดจี่เบ้า ที่พูดถึงนี้ ตัวกุดจี่เบ้า จะมีขนาดที่ใหญ่กว่ากุดจี่ธรรมดาหลายเท่า และการหากุดจี่เบ้านั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ต้องอาศัยความชำนาญเหมือนกันในการออกหากุดจี่เบ้า ใช้ทั้งความอดทนในการขุดหา ลูกกลมๆ ที่เรียกว่าเบ้า ซึ่งภายในเบ้านั้นจะมี กุดจี่เบ้าที่เป็นตัวอ่อนสีขาวๆ นั่นแหละครับอาการอันโอชะเลยแหละ ถ้านึกไม่ออกว่าตัวจะเป็นแบบไหนให้ลองนุกว่าภาพตัวอ่อนของตัวด้วงที่อ่อน นั่นแหละครับแบบเดียวกันเลย แล้วเขาเอเมาทำอะไรกินละทีนี้ โดยมากแล้วจะเอาไปแกงใส่กับหน่อไม้ดอง แกงใส่ผักหวานป่า หมกใบตอง หรือคั่วเหลือ อันนี้ก็แล้วแต่ความชอบ พูดแล้วน้ำลายไหลเลยนะเนี่ แต่เมื่อวันเวลาได้ผันผ่านไป วัว ควาย เริ่มหายไปแหล่งที่อยู่อาศัยของ กุดจี่ก็ไม่มีอีกแล้ว อาหารที่เป็นเหมือนของหายากพอๆกับเนื้อราคาแพงนั้น ก็เริ่มจะหดหายไปทุกทีเช่นเดียวกันและเชื่อว่าอีกไม่นานอาหารพื้นบ้านก็จะเริ่มหายไปตามกาลเวลาเช่นเดียวกัน เมื่อทุกอย่างได้ถูกแทนทีด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ ”เบ้า” หรือ “กุดจี่เบ้า” ก็จะเหลือเพียงแค่ชื่อให้ชนรุ่นหลังได้ยินเท่านั้นเอง