เคยมั้ย อยากจะไปทานเนื้อย่างคนเดียว หรือหาตี้ไปกินเนื้อด้วยไม่ได้ พอไปถึงร้าน ก็จะรู้สึกแปลกๆ หน่อยที่มีคนมอง ดังนั้นวันนี้เลยอยากมาแนะนำร้านอาหารปิ้งย่างสไตล์ยากินิคุ ที่มาคนเดียวก็อิ่มได้ นั่นคือร้าน “Yakiniku Like”ร้านเนื้อย่าง import โดยตรงมาจากญี่ปุ่น และเปิดสาขาแรกในไทยที่ห้าง Central Ladprao ที่ชั้น 1 สามารถกดจองคิวผ่าน App Que Q ได้เลย หรือจะไปจองที่หน้าร้านก็ได้เช่นกัน แต่ถ้าจะไปทานช่วงนี้ โดยเฉพาะช่วงวันหยุด แนะนำว่าให้จองมาล่วงหน้าก่อนถึงห้างสักประมาณ 1 กิโลเมตร จะได้ไม่ต้องรอคิวนาน Concept ร้านนี้คือ ร้านปิ้งย่างที่มาคนเดียวก็สามารถนั่งทานได้อย่างสบายใจ โดยการบริการที่รวดเร็ว เสิร์ฟอาหารภายใน 3 นาที พร้อมกับเตาปิ้งเล็กๆ ที่วางเนื้อได้สูงสุดประมาณ 4 ชิ้น เน้นย่างทีละชิ้นและทานไปเรื่อยๆ ภายในระยะเวลา 60 นาที เนื่องจากที่ไทยจะเน้นมากันหลายๆ คน เลยต้องปรับให้มีโต๊ะสำหรับเดอะแกงค์เยอะหน่อยครับ แต่ถ้ามาคนเดียวก็ยังมีโต๊ะให้บริการเช่นเดิมครับ การสั่งอาหารสำหรับที่เมืองไทยนั้น จะใช้การสแกนผ่าน QR Code ที่พนักงานมอบให้ตั้งแต่ก่อนเข้ามานั่งในร้าน โดยจะมีเมนูให้เลือกทานในนั้น อยากจะ add on อะไรก็สามารถเลือกได้ตามใจชอบ พร้อมกับระบบจะคำนวนราคาให้เรียบร้อยเช่นกัน เมื่อทานเสร็จจึงค่อยเดินไปจ่ายเงินที่ด้านหน้าของร้านครับ โดยพกเจ้า QR Code นี้ไปด้วยครับเมนูอาหารร้านนี้เน้นขายเป็น Set ที่ประกอบด้วยเนื้อวัวหรือหมูส่วนต่างๆ แล้วแต่อยากจะสั่ง ข้าวญี่ปุ่น ซุปสาหร่าย และสลัดผักหรือกิมจิที่เลือกได้อย่างใดอย่างหนึ่ง หากยังไม่อิ่มหรืออยากทานส่วนไหนเพิ่ม ก็สามารถสั่งเพิ่มทีหลังได้เช่นกัน ข้อดีอีกอย่างของร้านนี้คือทุกอย่าง Net แล้วไม่ว่าจะสั่งเป็นเซ็ท เครื่องดื่ม หรือ a la carte และยังมีน้ำจิ้มให้เลือกด้วยกันถึง 4 อย่าง ได้แก่ซอสบาร์บีคิวไลก์ออริจินัล ให้รสชาติหวานเค็ม ซอสการ์ลิกโชยุ เน้นกลิ่มหอมของกระเทียมเป็นหลัก ซอสสไปซีมิโซะ สำหรับคนชอบรสชาติเผ็ด มีความติดหวานนิดๆ และซอสซีซอลท์ ให้รสชาติเค็มเพื่อขับความเข้มข้นของเนื้อออกมาชัดยิ่งขึ้น สำหรับวันนี้สั่งมาลองทานด้วยกัน 2 ชุด ก็จะมีชุด Like ขนาด 250 g ในราคาสุทธิ 399 บาท ถาดที่เสิร์ฟมาดูแน่นมาก ประกอบด้วยเนื้อวัว 3 ส่วน ซอร์ทเพลท ลิ้น และ สเกิร์ตสเต็ก ข้าวญี่ปุ่นที่เราสามารถเลือกปริมาณได้ตั้งแต่ 150 กรัมจนถึง 300 กรัม มินิสลัด และซุปสาหร่าย ตัวเนื้อคัดสรรมาเป็นอย่างดี อย่างเช่นซอร์ทเพลทหรือเนื้อวัวส่วนพื้นท้อง เบคอนของวัวดีๆ นั่นเอง สไลด์ได้บางเฉียบ ย่างไม่ต้องนานเน้นเกรียมๆ ทานแบบเพียวๆ ไม่ต้องจิ้มก็อร่อยได้ในคำเดียว หรือจะจิ้มกับซอสบาร์บิคิวไลก์ออริจินัล เพิ่มความเข้มข้นก็อร่อยไปอีกแบบเช่นกัน ลิ้นวัว จะเสิร์ฟมาพร้อมกับเลมอน ตอนย่างพยายามย่างให้สีชมพู จะนุ่มและกรุบๆ ดีกว่าย่างจนสุกซึ่งจะกลายเป็นเหนียวแทน ก่อนทานต้องบีบเลมอนและจิ้มกับซอสซีซอลท์เท่านั้นถึงจะอร่อยและรสชาติเข้มข้นที่สุดสเกิร์ตสเต็ก เป็นส่วนที่หนาและอาจจะเหนียวที่สุดในจาน ขึ้นอยู่กับการย่างเป็นสำคัญ โดยเราต้องพยายามย่างอย่าให้เกิน Medium Rare จะยังคงความนุ่มและเคี้ยวได้เพลินครับ ตัวนี้ลองจิ้มกับน้ำจิ้มอันไหนก็ได้ครับ แต่ส่วนตัวยังแนะนำให้จิ้มกับซอสซีซอลท์มากที่สุดครับในส่วนของเครื่องเคียง ตัวข้าวหุงออกมาทางนิ่มมากกว่า ซึ่งส่วนตัวชอบแบบหนึบๆ และแข็งกว่านี้อีกนิดหน่อย มินิสลัดจะเป็นแบบคลีนๆ หน่อย แก้เลี่ยนได้ดี แต่อยากแนะนำให้สั่งเป็นกิมจิ จะตัดรสชาติกับเนื้อได้ดีกว่า แต่ที่อยาก Recommend ที่สุดคือตัวซุปสาหร่าย ที่รสชาติกลมกล่อม ซดได้ชุ่มคอมากๆชุดเนื้อไพร์มคารูบิ & หมูคุโรบูตะ ราคา 269 บาท ปริมาณเนื้อสัตว์จะอยู่ที่ 100 กรัม เน้นอิ่มแบบสบายท้อง จานนี้เลือกตัวสลัดแตกต่างจากชุดก่อนหน้าโดยเลือกเป็นกิมจิแทน จานนี้มีความพิเศษตรงที่เราจะได้ทานทั้งหมูและวัวในจานเดียว ตัวเนื้อเป็นส่วนของไพรม์คารูบิ ที่ไม่ควรย่างจนสุกเพราะจะเหนียว ดีที่สุดคือ Medium Rare เหมาะกับการจิ้มกับซอสสไปซี่มิโซะที่จะลดความเลี่ยนของไขมันได้ดี ส่วนหมูคุโรบุตะใช้ส่วนของหัวไหล่ แต่ถ้าย่างดีๆ ก็นุ่มมากเช่นเดียวกัน ในส่วนของเครื่องดื่มวันนี้สั่งเป็นชาเขียวร้อน ราคา 35 บาท ทางร้านจะใช้เป็นชาซองๆ ซึ่งสามารถขอเติมน้ำร้อนได้ตลอดครับ รสชาติใช้ได้ มีความขมๆ แบบชาเขียวญี่ปุ่น ตัดเลี่ยนได้ดีอีกสิ่งหนึ่งที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยคือ ตัวเตาที่ปรับความร้อนได้ถึง 5 ระดับ ถึงแม้จะเป็นแบบขดลวดไฟฟ้า แต่การดูดกลิ่นทำได้ดี ย่างแล้วไม่ค่อยไหม้หากตั้งไฟอ่อนๆ และยังมีที่พักเนื้อเล็กๆ ไว้ด้านข้างด้วย ทำให้เราไม่จำเป็นต้องรีบทานเนื้อแต่อย่างใด รสชาติอาหารโดยรวมถือว่าดีเลยครับ ชอบคอนเซปของร้านที่เราสามารถมานั่งทานชิวๆ ได้คนเดียวโดยไม่ต้องง้อเพื่อนฝูงแต่ถ้าอยากจะมากันยกแก๊ง ก็ยังได้ความเพลิดเพลินจากการปิ้งในเตาเล็กๆ แบบที่ไม่มีร้านใดในไทยทำได้ครับ ปริมาณอาหารสามารถปรับได้ตามความต้องการซึ่งถือเป็น option ที่ดีเช่นกัน ที่บางทีเราอยากจะทานสองสามคำต่อชนิด และเปลี่ยนไปชิมอย่างอื่นบ้าง ทำให้ไม่รู้สึกจำเจและแน่นท้องจนเกินไป สุดท้ายนี้ หากจะทานเนื้อย่างกรุบกริบ ลองมาทานที่ร้านนี้สักครั้ง แล้วคุณจะติดใจร้าน Yakiniki Likeที่อยู่: ชั้น 1 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว กรุงเทพฯเวลาเปิดปิด: ตามเวลาห้าง #ภาพถ่ายทั้งหมดโดยผู้เขียน#บทความดังกล่าวถูกเรียบเรียงและแต่งขึ้นโดยนักเขียนเองทั้งหมด หิวใช่ไหม อยากหาของกินอร่อย ๆ ใช่หรือเปล่า ส่องร้านเด็ดร้านดังได้ที่ App TrueID โหลดฟรี !