กะหล่ำปลีน้ำปลาอาจจะเป็นเมนูคุ้นเคยสำหรับใครหลาย ๆ คน แต่สำหรับเรามันเป็นอะไรที่แปลกใหม่มากสำหรับเมนูนี้ ต้องเล่าก่อนว่าแต่ก่อนรู้จักแค่ผัดกะหล่ำปลีของแม่ที่ชอบผัดใส่หมูใส่ไข่ที่พอเห็นแล้วจะรู้สึกเบื่อทันที เพราะสีสันก็ดูจืดชืดไม่น่ากินเลยจึงทำให้ไม่ชอบเมนูนี้เอามาก ๆ จนโตก็ยังไม่ชอบกินเมนูกะหล่ำปลีที่เอามาผัดแบบต่าง ๆ อยู่ดี แต่วันหนึ่งได้ไปเที่ยวที่บุรีรัมย์และได้ไปสถานบันเทิงแห่งหนึ่งในบุรีรัมย์ วันนั้นเป็นวันที่เพื่อน ๆ หลายคนมารวมตัวกันเรียกได้ว่าต่อโต๊ะยาวโซนหน้าเวทีเลยก็ว่าได้ และแน่นอนว่าเมื่อมีคนเยอะแล้วการจะสั่งเพียงแค่เครื่องดื่มมันคงดูไม่มีสีสันเท่าไหร่ จึงมีเพื่อนที่เป็นเจ้าถิ่นจัดแจงสั่งกับแกล้มมาแบบเต็มโต๊ะ แต่เราไปสะดุดตากับเมนูกับแกล้มอันหนึ่ง ซึ่งมองยังไงก็เป็นแค่กะหล่ำปลีผัดธรรมดา ๆ เท่านั้น แต่แปลกใจมากที่ร้านใหญ่ขนาดนี้มีเมนูธรรมดาแบบนี้ขายด้วยหรอ หลังจากที่นั่งมองอยู่ซักพัก เพื่อนก็ตักมาวางใส่จานรองให้เราแล้วบอกให้ลองชิมดู ใจเราก็ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่กับเมนูกะหล่ำปลีผัด แต่ด้วยมารยาทเลยต้องชิมตามคำเรียกร้อง ผลปรากฏว่ามันฉีกรสชาติและความคิดที่เราฝังใจมาตลอดว่าเราไม่ชอบเมนูกะหล่ำปลีผัด มันมีความหอมของกระเทียมเจียวและกลิ่นของน้ำปลา แต่รสชาติเป็นเค็ม ๆ หวาน ๆ ตัดกันกะหล่ำปลีมีความกรอบ ไม่ได้ถูกผัดจนนิ่มเหมือนที่แม่เคยทำให้กินตอนเด็ก หลังจากที่ติดใจในรสชาติของกะหล่ำปลีผัดน้ำปลาแล้ว เราก็กลับมาลองทำกินเอง เพราะว่าวัตถุดิบคือไม่เยอะมีแค่ กะหล่ำปลีหั่นชิ้นพอดีคำ 1 - 2 ส่วนของกะหล่ำปลี 1 หัว กระเทียมทุบ 3 -5 กลีบ (แล้วแต่ความชอบ) ผงปรุงรส 0.5 ช้อนโต๊ะ น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ น้ำตาล 0.5 ช้อนโต๊ะ น้ำมันหอย 1 - 2 ช้อนโต๊ะ วิธีทำหลังจากที่ศึกษามาจากยูทูปอยู่พักหนึ่งก็คือ ตั้งกระทะให้ร้อน จากนั้นใส่น้ำมันพืชเพียงเล็กน้อย เมื่อน้ำมันเริ่มร้อน ให้ใส่กระเทียมลงไปเจียวให้หอม เมื่อกระเทียมเริ่มหอมและออกสีเหลืองแล้ว ให้ใส่กะหล่ำปลีที่หั่นเตรียมไว้ ผัดกะหล่ำปลีให้เข้ากับกระเทียมเล็กน้อย แล้วปรุงรสตามชอบ (ระวังอย่าหนักมือใส่น้ำปลามากไป เพราะจะทำให้เค็มโดดไม่กลมกล่อม) ใส่น้ำเล็กน้อยและผัดต่ออีก 1 – 2 นาที แล้วตักขึ้นเลย (ควรใช้ไฟแรงเพื่อช่วยให้กะหล่ำปลีกรอบและไม่นิ่มจนเกินไป) วัตถุดิบเพียงไม่กี่อย่างกับวิธีทำไม่กี่ขั้นตอนก็สามารถทำเมนูกะหล่ำปลีน้ำปลาได้แล้ว คือในช่วงที่หัดทำแรก ๆ ต้องบอกก่อนเลยว่ารสชาติจะหนักไปทางเค็มส่วนใหญ่ เพราะเข้าใจว่ามันต้องเน้นน้ำปลาตามชื่อของเมนูแต่พอลองทำไปเรื่อย ๆ เลยถึงบางอ้อว่าน้ำปลาเป็นแค่ตัวชูกลิ่นเท่านั้น แต่รสชาติจริง ๆ ของเมนูนี้คือต้องกลมกล่อมความหวานกับความเค็มต้องตัดกันพอดี พอหัดไปเรื่อย ๆ เลยได้รสชาติที่ถูกปากแล้ว แต่ยังติดอยู่ที่สีสันและความน่ารับประทานอาจจะน้อยกว่าตามร้าน เพราะเราใช้กระทะไฟฟ้าทำ แต่ตามร้านจะใช้กระทะเหล็กกับเตาแก๊สในการผัดมันจะให้อรรถรสของสีสันที่น่ารับประมากกว่ากันพอสมควร เครดิตภาพจากผู้เขียน