ทุกวันนี้อาหารที่เราทานเข้าไป ล้วนแล้วแต่เป็น "อาหารอาบยาพิษ" ก็ว่าได้ โดยเฉพาะวิถีชีวิตคนเมือง ลองนึกดูสิว่ามีมื้ออาหารใดบ้างไหมที่ไม่บริโภคสิ่งที่เป็นพิษต่อร่างกายเข้าไป คำตอบคือ...ไม่มี ไม่ว่าจะเป็นผัก หมู เห็ด เป็ด ไก่ ส่วนใหญ่ล้วนมาจากวิธีการปลูก และการเลี้ยงโดยใช้สารเคมีทั้งสิ้น ผักก็ฉีดยาฆ่าแมลง หมู ไก่ ปลา ก็เลี้ยงแบบเร่งให้มันโตเร็ว ๆ อาหารที่ปรุงในแต่ละมื้อก็ต้องใส่เครื่องปรุงหลากหลายยี่ห้อ เพื่อเพิ่มความอร่อย ซึ่งในความเป็นจริง ความอร่อยของอาหารควรมาจากรสชาติเดิมของวัตถุดิบนั้น ๆ ต่างหาก แต่ปัจจุบัน ยิ่งกิน ก็ยิ่งไม่มีรสชาติที่ว่าเลย เพราะพืชผักและเนื้อสัตว์เหล่านั้น ไม่ได้รับสารอาหารเต็มที่ในตอนเลี้ยง ตอนปลูก...จึงไม่แปลกเลยที่เรา ๆ จะมีโรคภัยไข้เจ็บรุมเร้ากันอยู่เสมอ และเป็นโรคภัยที่ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ จึงอยากชวนทุกคนมานั่งล้อมวงกินข้าวด้วยกันที่บ้านป่าของน้า จังหวัดฉะเชิงเทรา มากินอาหารปลอดสารแบบทิพย์ ๆ กันสักสองสามมื้อ ก่อนที่จะต้องกลับไปกินอาหารสารเคมีในโลกของความจริงต่อไป มื้อแรก เตาถ่าน ที่บ้านป่าแห่งนี้ไม่มีเตาแก๊ส ไม่ใช่ว่าไม่มีงบ แต่เป็นการประหยัดงบที่ดีมากต่างหาก...เตาถ่านนี่แหละดีที่สุด รอบบ้านเต็มไปด้วยป่าไม้ที่น้าปลูกขึ้นมาเอง ผลผลิตจากต้นไม้ไม่ใช่เฉพาะอากาศที่บริสุทธิ์เท่านั้น แต่มันคือ "ฟืน" กิ่งก้านไม้แก่ ร่วงหล่นลงมาใต้ต้น พร้อมให้เจ้าของบ้านเก็บมาหุงหาอาหารได้ทุกวัน แถมกับข้าวที่ทำออกมา หอมน่ากินกว่าใช้แก๊สหลายเท่าเลย ไข่เจียว มาดูกันเลยว่าจะหอมอย่างที่ว่าจริง ๆ หรือเปล่า อาหารที่สะดวก รวดเร็ว ทุกคนกินได้ หนีไม่พ้น...ไข่เจียวหนา ๆ หอม ๆ หมูทอด ต่อด้วยหมูทอดสูตรธรรมดา ๆ แต่ความหอมอร่อยไม่ธรรมดา...หมักใส่น้ำปลา พริกไทย กระเทียม รสดีนิดหน่อย (จริง ๆ ที่บ้านน้าแทบจะไม่ใช้เครื่องปรุงพวกนี้เลย อาหารทุกอย่าง ปรุงใส่แค่เกลือ น้ำปลา เครื่องแกง...พื้นฐานเป็นหลักแค่นี้ก็อร่อยแล้ว เพราะความอร่อยมาจากตัววัตถุดิบ โดยที่ไม่ต้องใช้เครื่องปรุงแบบคนเมือง) แกงจืดโครงไก่ และปิดท้ายอาหารที่ปรุงจากเตาถ่านด้วยแกงจืดโครงไก่ร้อน ๆ น้ำแกงจืดหวาน ๆ จากโครงไก่และผักกาด ปรุงสุดท้าย ผักจะได้ไม่เหี่ยว ซดน้ำซุปร้อน ๆ แก้ฝืดคอ แล้วมื้อแรกก็พร้อมทาน มีข้าวสังข์หยด ข้าวพื้นเมืองของจังหวัดพัทลุง เป็นข้าวกล้องสีแดงเข้ม มีคุณค่าทางอาหารหลายอย่าง ลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจ โรคมะเร็ง และโรคระบบภูมิคุมกันทำงานผิดปกติได้ เป็นข้าวที่น้าปลูกเอง และปลูกตามวิธีธรรมชาติ ไม่ใช้สารเคมีใด ๆ กินกับหมูทอด แกงจืด ผักสด น้ำพริก...แต่ไข่เจียวหายไป 555 (คงถ่ายไว้ไม่หมด) มื้อที่สอง ใช้เตาถ่านเหมือนเดิม นี่คือความสนุกของการทำอาหารอย่างนึง เมื่อ 20 กว่าปีก่อน ตอนอยู่กับย่า กว่าจะได้กินอาหารแต่ละมื้อ ต้องเตรียมทุกอย่างเองอย่างพิถีพิถัน และหนึ่งในสิ่งที่สนุกมากที่ได้ทำก็คือ โอกาสที่จะได้เล่นฟืนไฟแบบที่ไม่โดนผู้ใหญ่ดุ มีเพียงช่วงเวลาเดียวนั่นก็คือ ตอนทำกับข้าวกินกันจริง ๆ ในบ้าน เพราะถ้าแอบไปจุดไฟเล่นกันข้างนอกเมื่อไหร่ แล้วโดนจับได้ อย่าหวังว่าครั้งต่อไปจะมีโอกาสแอบเล่นได้ง่าย ๆ อีก ถ่าน ไม้ฟืน ฟางแห้ง และไฟ องค์ประกอบหลักในการติดเตา ปลาดุกคลุกขมิ้นย่าง "มีข้าวในนา มีปลาในหนอง" จึงเป็นวันเมนูแห่งปลาดุก กลิ่นหอม ๆ ที่ลอยมาแตะจมูกอย่างแรกไม่ใช่อะไรที่ไหน แต่เป็นปลาดุกคลุกขมิ้นย่าง หอมกลิ่นขมิ้น กลิ่นตะใคร้ และกลิ่นหอมจากหนังปลาดุกที่ย่างจากเตาถ่าน ปลาดุกธรรมชาติจากท้องนา เนื้อสดหวาน เชื่อว่าต่อให้มีเงิน คนในเมืองอย่างเราก็หาซื้อมากินไม่ได้ แกงส้มปลาดุกใส่มะเขือ กลิ่นแสบตาแสบจมูกชวนจาม ลอยมาจากหม้อแกงส้มหม้อนี้ แกงที่มื้ออาหารใต้ขาดไม่ได้ เครื่องแกง ความเผ็ดร้อนของแกงส้มที่ชวนแสบจมูกแต่อร่อย มาจากวัตถุดิบข้าง ๆ บ้านทั้งหมดนี้ นานาผักสด สิ่งที่ขาดไม่ได้คือผักเคียงสด ๆ แกล้มเพิ่มความอร่อยขึ้นไปอีก ยอดมันปู - รสชาติมัน ๆ ฝาด ๆ เหมาะกินสด ๆ กับน้ำพริก แกงต่าง ๆ หรือกินเป็นผักเคียงขนมจีนก็ยิ่งอร่อย จะนำมาลวกก่อนก็ได้ ต้มกะทิก็ได้ แต่สำหรับเรา สด ๆ อร่อยที่สุดแล้ว ผักกาดขาว - ผักที่คนเมืองคุ้นเคย กินกับอะไรก็ได้ เจริญอาหารดี มะเขือ - กินกับน้ำพริกก็อร่อย กับแกงส้ม แกงคั่ว ผัดเครื่องแกง ได้หมด แล้วอาหารทิพย์ของมื้อนี้ก็หน้าตาแบบนี้ มีไม่กี่อย่าง นั่งล้อมวงกินข้าวกันบนแคร่ไม้ แต่เจริญอาหารมากกว่านั่งกินในร้านหรู ๆ หลายเท่าเลย นอกจากความหอมของอาหารที่ปรุงจากเตาถ่านแล้ว รสชาติของอาหารที่ได้วัตุดิบดี คือส่วนสำคัญที่ทำให้ยิ่งกินยิ่งเพลิน ไม่ต้องกังวลว่าสิ่งที่กินจะมีสารพิษตกค้าง กินอย่างสบายใจ มะม่วง ช่วงกลางวันก็ได้ผลไม้ตบท้ายมื้ออาหารของเช้าวันนี้ เป็นมะม่วงลูกใหญ่ ๆ บึ้ม ๆ (แต่ลืมไปแล้วว่าพันธุ์อะไร) ที่จำได้แน่ ๆ คือ กินกับน้ำปลาหวานอร่อยมาก มะเฟือง เก็บจากใต้ต้นข้างบ้าน เปรี้ยวไปหน่อย แต่ก็อร่อยแบบเปรี้ยว ๆ มื้อที่สาม ผักไชยา หรือ คะน้าเม็กซิโก ก่อนกลับ ไปเก็บผักไชยา หรือ คะน้าเม็กซิโกที่น้าปลูกไว้ริมนามาลวกจิ้มน้ำพริก และแกล้มกับข้าวกัน ผักชนิดนี้มีคุณค่าทางอาหารสูงมาก ทั้งช่วยย่อยอาหาร มีแคลเซียม ธาตุเหล็ก และสารต้านอนุมูลอิสระสูง แก้ปัญหาเรื่องข้อเข่าเสื่อม ช่วยเรื่องความจำ และช่วยลดคอเลสเตอรอลได้ นอกจากลวกกินกับข้าวจะอร่อยแล้ว น้าบอกว่าเอาไปผัดแบบผัดคะน้าน้ำมันหอยก็อร่อยเหมือนกัน เพราะก้านของมัน กรอบ และมัน เผลอๆ อาจจะอร่อยกว่าผัดผักคะน้าด้วย หน่อไม้ไผ่หวานกินสด ใช่...สีขาว ๆ ในถาดคือ หน่อไม้ไผ่หวานกินสด หรือชื่อพันธุ์ "ไผ่บงหวานเพชรน้ำผึ้ง" เป็นหน่อไม้ที่ไม่ต้องไปลวกก่อนกิน เพราะไม่ขม และไม่มีเสี้ยน สามารถปอกเปลือกกินสดได้เลย รสชาติก็ตามชื่อ ทั้งหวาน และกรอบ บอกได้เลยว่าเป็นบุญลิ้นมาก เพราะไม่เคยกินหน่อไม้ชนิดนี้และอร่อยแบบนี้มาก่อน หาค่อนข้างยาก และเห็นว่าราคาค่อนข้างสูงด้วย ใครที่ไม่ชอบหน่อไม้ดอง หรือเคยกินแต่หน่อไม้สดที่ต้องต้มก่อนกิน ถ้าได้กินหน่อไม้ไผ่หวานกินสด เชื่อว่าอยากเอาไปปลูกในที่ดินของตัวเองแน่นอน อีกหนึ่งคุณประโยชน์จากไผ่ ซึ่งน้าปลูกเอาไว้รอบบ้าน ต่อให้กระแสโลกข้างนอกจะวุ่นวาย ขาดแคลนขนาดไหน แต่ที่นี่มีทรัพย์ในดินที่ให้ผลกับคนที่ลงมือปลูกได้ไม่สิ้นสุด มะเขือเทศราชินี บอกตรง ๆ ว่าชีวิตนี้ ไม่เคยกินมะเขือเทศราชินีที่อร่อยแบบนี้มาก่อน นึกไปถึงตอนหนึ่งจากหนังสืออิคิไก ที่เขียนโดยอาจารย์เคน โมหงิ ตอนที่เล่าว่า เมล่อนร้านเซนบิคิยะ จะแพงเป็นพิเศษ เวลาที่ใครได้ไปเป็นของขวัญ คนที่ได้รับจะรู้สึกดีใจมาก ไม่ใช่เพราะเมล่อนจากร้านนั้นแพง คนรับจึงดีใจ แต่เป็นเพราะเขาปลูกเมล่อนด้วยวิธีการ...ให้เมล่อนหนึ่งต้น มีเพียงแค่ลูกเดียว ลองนึกตามว่า ถ้าต้นเมล่อนต้นนั้นมีเมล่อนห้อยต่องแต่งอยู่เพียงลูกเดียว จะเกิดอะไรขึ้น แปลว่าสารอาหารทั้งหมดที่ดูดซึมจากดินขึ้นมา จะมารวมกันอยู่ที่เดียวคือที่เมล่อนลูกนั้น เพราะฉะนั้น ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมมันจึงแพง และคนรับดีใจเป็นพิเศษ เพราะมันน่าจะรสชาติดีมาก ๆ หอมหวานมาก ๆ ความรู้สึกคนกินคงไม่ต่างกับที่เราได้กินมะเขือเทศราชินีที่นี่ ถึงแม้น้าจะไม่ได้ปลูกให้มะเขือเทศหนึ่งต้นมีเพียงลูกเดียวก็ตาม แต่แร่ธาตุ สารอาหารต่าง ๆ ในดินที่ปลูก มะเขือเทศต้นนี้ได้รับมาเต็ม ๆ อย่างแน่นอน แล้วอาหารทิพย์มื้อที่สาม ที่จะชวนทุกคนนั่งล้อมวงกินข้าวกันก็หน้าตาอย่างที่เห็น นานาผักลวก นานาผักสด แกงเลียง น้ำพริกกะปิ ผัดเครื่องแกงปลาดุก แกงส้มปลาช่อน และไข่เจียว ทั้งหมดนี้ปลอดสารพิษ อาหารที่ดี ไม่ใช่อาหารที่แพง แต่เป็นอาหารแบบที่ชวนพวกเรานั่งล้อมวงกินข้าวกันทั้งสามมื้อ เข้าใจดีว่าเราเลือกกินอาหารแบบนี้ทุกมื้อไม่ได้ แต่ถ้าใครมีโอกาส อย่าลืมให้โอกาสตัวเองสร้างทรัพย์ในดินสินในน้ำเหล่านี้ไว้บ้างนะ จะได้มีอาหารทิพย์ รสชาติทิพย์ไว้กินกันจริง ๆ ไม่ต้องกินแบบทิพย์ ๆ ขอขอบคุณผู้อ่านทุกคน ขอให้ทุกคน "เจริญอาหารทิพย์" เรื่องและภาพโดย a Moment Diary หิวใช่ไหม อยากหาของกินอร่อย ๆ ใช่หรือเปล่า ส่องร้านเด็ดร้านดังได้ที่ App TrueID โหลดฟรี !