ภาพโดย unsplash ภาพโดย pixabay ถ้าหากพูดถึงชาคนไทยส่วนใหญ่จะนึกถึงชาจีน แต่ถ้ามองภาพรวมของคนส่วนมากในโลกก็คงต้องบอกว่าชาในสายตาของคนจะต้องนึกถึงชาของญี่ปุ่นพ่วงมาด้วยไม่มากก็น้อย โดยเฉพาะนึกภาพเกี่ยวกับกรรมวิธีชงชาสไตล์ญี่ปุ่นซึ่งมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวถือว่าเป็นพิธีกรรมชั้นสูงสำหรับต้อนรับอย่างมีเกียรติแก่ผู้ที่มาเยือนทีเดียวค่ะ หากพูดถึงชาญี่ปุ่น ชาญี่ปุ่นส่วนใหญ่เป็นชาเขียว ซึ่งก็คือชาปกตินี้แหละค่ะ แต่หลังเก็บแล้วจะไม่ผ่านกระบวนการหมักชาแต่ใช้วิธีอบไอน้ำและนวดใบชาจากนั้นจึงนำชาไปอบแห้งอีกทีหนึ่งค่ะ ชาเขียวของญี่ปุ่นก็แบ่งได้หลายชนิดเลยนะคะ ที่คนไทยคุ้นหูกันดี ก็ได้แก่ ชาเขียวมัทฉะ แต่จริง ๆแล้ว ยังมีชาเขียวอีกหลายแบบเลยค่ะ อาทิ ชาเขียวเกนไมฉะ ชาเขียวเซนฉะ ชาเขียวโฮจิฉะ เป็นต้นค่ะ ชาเขียวพวกนี้ที่แตกต่างกันก็เกิดจากกระบวนการเก็บและช่วงเวลาเก็บค่ะ แต่ที่โดดเด่นที่สุดก็เห็นจะเป็นชาเขียวมัทฉะเนี่ยแหละค่ะ เพราะชาเขียวมัทฉะเป็นชาที่ถูกบดเป็นผงด้วยหินนะคะไม่ใช่ด้วยเครื่องบดเพื่อให้ส่งความหอมของน้ำมันหอมระเหยออกมาค่ะ ชาเขียวมัทฉะจะใช้ในพิธีชงชาสำหรับต้อนรับผู้มาเยือนค่ะ แน่นอนว่าด้วยความที่ชามัทฉะได้ถูกบดจนเป็นผงทำให้เวลาชงจะให้น้ำชาที่มีสีเขียวและหอมมากค่ะ ยิ่งสีเขียวเข้มมากเท่าไรยิ่งมีคุณภาพสูงและมีราคาแพงตามไปด้วยนั้นเองค่ะ ภาพโดย pixabay ภาพโดย unsplash ชาญี่ปุ่นหากสืบค้นจากข้อมูลทางประวัติศาสตร์ก็คงต้องบอกว่าได้รับอิทธิพลมาจากวัฒนธรรมการดื่มชาของชาวจีนนั้นเองค่ะ มีเรื่องเล่าว่าครั้งหนึ่งได้มีพระสงฆ์ในพุทธศาสนานิกายชินโตของญี่ปุ่นรูปหนึ่งได้เดินทางไปศึกษาพระธรรมเพิ่มเติมที่ประเทศจีน เมื่อกลับมาญี่ปุ่นก็ได้นำเอาชาอัดแท่งกลับมาด้วยค่ะ และนำมาชงดื่มที่วัดของท่าน อยู่มาวันหนึ่งสมเด็จพระจักรพรรดิได้เสด็จมาเพื่อสนทนาธรรมกับพระรูปนี้ มาแล้วก็ทรงได้กลิ่นหอมของชา พระรูปนี้ท่านเลยชงชาถวายองค์พระจักรพรรดิค่ะ ทำให้องค์พระจักรพรรดิติดใจมาก จึงได้ส่งคนจากญี่ปุ่นเดินทางไปจีนเพื่อไปนำชากลับมาและนำต้นชากลับมาปลูกที่ญี่ปุ่นด้วยค่ะ ในระยะแรกการดื่มชาเมื่อมาทางองค์จักรรพรรดิเพราะฉะนั้นชาจึงแพร่หลายในกลุ่มชนชั้นสูงก่อน หลังจากนั้นจึงแพร่ขยายไปยังทุกชนชั้นในสังคม และด้วยความที่วัฒนธรรมการดื่มชามาจากชนชั้นสูงดังนั้นการดื่มชาจึงได้ถูกประดิษฐ์ขึ้นจนเป็นพิธีกรรมโดยเฉพาะขึ้นมาค่ะ และพิธีกรรมการชงชาได้สืบทอดผ่านกาลเวลาจนมาถึงปัจจุบันจัดเป็นวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของประเทศญี่ปุ่นอีกด้วยค่ะ และพิธีกรรมนี้นอกจากจะเป็นการชงชาเพื่อต้อนรับแขกแล้วยังมีหลักปรัชญาตามแบบนิกายเซนแฝงอยู่ด้วยนะคะ โดยพิธีกรรมจะสะท้อนความมีสมาธิจดจ่อรวมถึงความสงบเรียบง่ายแห่งจิตของผู้ประกอบพิธีและผู้มาร่วมพิธีอีกด้วยค่ะ ภาพโดย pixabay ภาพโดย unsplash สำหรับลำดับขั้นตอนพิธีกรรมชงชาของญี่ปุ่นนะคะ มีกรรมวิธีที่ละเอียดและประณีตมาก เริ่มตั้งแต่การเตรียมชงชาไม่ใช่แค่เตรียมภาชนะเท่านั้นนะคะ แต่ต้องเตรียมตั้งแต่ห้องที่ใช้สำหรับชงชาจะต้องตั้งอยู่ในทำเลที่สงบเงียบมองออกไปเห็นธรรมชาติที่มีความสวยงามสงบและเรียบง่าย แบบนิกายเซน ส่วนผู้ประกอบพิธีจะสวมใส่ชุดประจำชาติที่เป็นเอกลักษณ์ ผู้เข้าร่วมพิธีก็ต้องแต่งกายสุภาพกริยามารยาทต้องสำรวม และตลอดพิธีกรรมต้องใช้ความสงบและสำรวมจนจบพิธีค่ะ พิธีกรรมชงชาจะดำเนินอยู่ในห้องที่ปูด้วยเสื่อตาตามิ มองออกไปเห็นสวนสวยที่สงบและร่มรื่นให้ผู้มาร่วมพิธีได้ชื่นชมธรรมชาติที่สวยงามไปด้วยระหว่างรอชาไปด้วยค่ะ ภาพโดย pixabay เมื่อกระบวนการชงชาเสร็จเรียบร้อยผู้ชงชาจะส่งถ้วยชาให้แก่แขกที่มาร่วมพิธี เมื่อแขกจะดื่มชาที่ถูกส่งมาให้ก็ต้องหมุนถ้วยชา 1 รอบก่อน เพื่อแสดงให้เห็นว่าผู้ดื่มได้ชื่นชมความสวยงามและความประณีตของศิลปะบนถ้วยชาด้วยค่ะ จากนั้นจึงดื่มชาพร้อมกับรับประทานขนมหวานแบบญี่ปุ่นที่จะถูกเสิร์ฟมาพร้อมกันกับชา ตลอดพิธีกรรมจะสื่อให้เห็นถึงมารยาทและการให้เกียรติซึ่งกันและกันระหว่างผู้ชงชาและผู้มาเยือนที่เป็นแขกมาร่วมดื่มชาค่ะ ดังนั้นจะเห็นว่าวัฒนธรรมการดื่มชาของคนญี่ปุ่นไม่ใช่ให้ความสำคัญแค่การเป็นเครื่องดื่มแต่ถือว่าเป็นศิลปะขั้นสูงที่สะท้อนวิถีชีวิตแนวคิดและตัวตนของชนชาติญี่ปุ่นนั้นเองค่ะ