เมนูต่าง ๆ ได้รับการปรุงขึ้นโดยแม่ครัวจากเกาหลีใต้ สามารถพูดภาษาไทยได้ จึงทำให้การรับประทานอาหารในร้านนี้มีความรู้สึกผ่อนคลาย ได้รู้จักเมนูหลาย ๆ อย่างมากขึ้น และทำให้บรรยากาศภายในร้านมีความเป็นกันเองมากขึ้น ในระหว่างที่ผู้เขียนกำลังหาแรงบันดาลใจในการเขียนบทความสถานที่ท่องเที่ยวในไทย แต่ให้บรรยากาศเหมือนอยู่ต่างประเทศ ซึ่งห้างสุขุมวิทพลาซ่านี้ก็เป็นหนึ่งในสถานที่ที่ให้บรรยากาศเหมือนอยู่ในเกาหลีใต้ ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร, ร้านค้า ของกินของใช้, การตกแต่งร้าน รวมถึงหนังสือภาษาเกาหลีที่แจกฟรีตามจุดต่าง ๆ ไหน ๆ ก็อุตส่าห์เดินทางมาถึงย่าน Korean Town ทั้งที ก็ต้องหาร้านอาหารที่ให้ความรู้สึกเหมือนได้ไปเกาหลีใต้ กรุงโซล อินช็อน พูซาน แดกู ซึ่งร้านอาหารเกาหลีใต้ในย่านนี้หลัก ๆ จะเป็นพวกบุฟเฟ่ต์เนื้อย่าง อาหารทะเล และบาร์ต่าง ๆ ซึ่งมีบางร้านที่เปิดให้บริการด้วยอาหารเกาหลีแบบท้องถิ่นเหมือนพ่อครัว-แม่ครัวจากโสมขาวมาเสิร์ฟ ให้บรรยากาศที่เป็นกันเอง เน้นรับประทานได้ทั้งคนเดียว จับกลุ่มเพื่อน หรือไปเป็นครอบครัว จนกระทั่งได้พบกับร้านนี้... Mat Ja Rang (มัชจารัง) ภาพประกอบโดย Mr. Leviathan แม้ร้านดังกล่าวอยู่เกือบ ๆ ด้านหลังจนคนแทบไม่ค่อยได้เข้าถึง แต่ตัวร้านมาพร้อมกับป้ายไฟสีเหลือง ตู้แช่ที่อยู่ด้านนอกที่ชวนสะดุดตา แม้จะเป็นร้านห้องเล็ก ๆ หนึ่งห้อง แต่ด้วยข้อความภาษาเกาหลี ป้ายร้านต่าง ๆ รวมถึงเมนูที่หลากหลาย ก็ชวนให้ผู้เขียนอยากรู้ว่าความรู้สึกการรับประทานอาหารเกาหลีใต้จริง ๆ นั้นจะให้ความรู้สึกที่ต่างไปจากการทานอาหารเกาหลีตามร้านหรือฟู้ดคอร์ทมากน้อยแค่ไหน ภาพประกอบโดย Mr. Leviathan ภายในร้านจะมาพร้อมกับโต๊ะนั่งขนาดใหญ่แบบ 4 ที่นั่ง พร้อมกับโต๊ะยาวสำหรับรองรับครอบครัวหรือคนกลุ่มใหญ่ ๆ มีป้ายเมนูภาษาเกาหลีติดผนังมากมาย หากคุณไม่สันทัดภาษาเกาหลีมากนัก ก็ยังมีเมนูภาษาไทยให้รองรับด้วย ภาพประกอบโดย Mr. Leviathan หลังจากที่สั่งอาหาร ก็จะได้รับชุดช้อน ตะเกียบโลหะแบน ๆ จานชามกระเบื้อง ส่วนเครื่องดื่มมาตรฐานจะเป็นขวดน้ำแช่เย็น ไม่มีน้ำแข็ง ซึ่งตัวขวดก็น่ารักดีทีเดียว แต่ถ้าอยากได้เครื่องดื่มแบบอื่น ๆ ก็มีน้ำอัดลม น้ำผลไม้ โซจูด้วย ภาพประกอบโดย Mr. Leviathan หลังจากสั่งอาหารแล้ว สิ่งที่จะได้พบเป็นครั้งแรกก็คือเครื่องเคียง 6 รายการ แม้จะใส่จานขนาดเล็ก หากได้กินเป็นกับข้าวสวยร้อน ๆ มีอิ่มแน่นอน (แล้วก็ได้ข้าว 1 ชามเพิ่มด้วย) แต่นั่นเป็นแค่ออร์เดิฟ ของจริงคือจากนี้... ภาพประกอบโดย Mr. Leviathan โดยผู้เขียนได้สั่ง "บูแดจิแก" (พูแดจีแก หรือ บูเดชิเก) เป็นเมนูประเภทหม้อไฟใส่เครื่องหลากหลาย นิยมเสิร์ฟพร้อมกับหม้อใบใหญ่และเตาแก๊ส โดยสูตรของร้านนี้จะพบกับปริมาณเต้าหู้ หมูสามชั้น เห็ดเข็มทอง ไส้กรอก ผักกาดขาว และอื่น ๆ ที่ปรุงด้วยโกซูจังและกิมจิ แม้จะไม่มีบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปด้วย แต่เครื่องนั้นก็จัดเต็มเกินคุ้ม แถมกลิ่นซุปที่หอมกระแทกใจ รสชาติกลมกล่อม ตัวหมูสามชั้นมีความนุ่มกรอบสดขนาดใหญ่กำลังดี เต้าหู้ก้อนใหญ่แน่นเต็มคำ ประทับใจทีเดียว ด้วยความจัดหนักของบูแดจิแก ทำให้ผมเสียใจกับความประมาทของตัวเองอย่างมาก รู้อย่างงี้ชวนเพื่อนมาร่วมรับประทานก็ดี แม้จะไม่แพงอย่างที่คิด แต่เล่นเอาจุกยาวเลย ภาพประกอบโดย Mr. Leviathan อีกเมนูที่สั่งตามมาติด ๆ ก็คือ Gamjajeon หรือแพนเค้กมันฝรั่งสไตล์เกาหลี โดยทำมาจากมันฝรั่งบดมาทอดบนกระทะเหล็กแบน ๆ ให้เหลือง ไม่กรอบมาก นุ่มเหนียวกำลังดี รสชาติเหมือนทานเฟรนซ์ฟรายหรือมันฝรั่งทอดนุ่ม ๆ หอม ๆ โดยจะรับประทานคู่กับซอสซีอิ๊วขาวปรุงพิเศษที่มีความเค็มนำ เผ็ดเล็กน้อย โดนใจสุด ๆ ซึ่งเมนูต่าง ๆ ได้รับการปรุงขึ้นโดยแม่ครัวจากเกาหลีใต้ สามารถพูดภาษาไทยได้ จึงทำให้การรับประทานอาหารในร้านนี้มีความรู้สึกผ่อนคลาย ได้รู้จักเมนูหลาย ๆ อย่างมากขึ้น และทำให้บรรยากาศภายในร้านมีความเป็นกันเองมากขึ้น ภาพประกอบโดย Mr. Leviathan Mat Ja Rang (มัชจารัง) เป็นหนึ่งในร้านอาหารเกาหลีใต้แบบท้องถิ่นที่ตอบโจทย์ทั้งชาวเกาหลีที่อาศัยอยู่ในเมืองไทย ไปจนถึงนักท่องเที่ยว และคนไทยที่ชื่นชอบอาหารเกาหลีแบบไม่ตามกระแส ตอบโจทย์ทั้งรับประทานคนเดียว มาเป็นเพื่อนฝูง ครอบครัวใหญ่ ไปจนถึงการสังสรรค์ของคนในแผนกบริษัท กับบรรยากาศที่เป็นมิตรภายใต้ป้ายไฟสีเหลืองที่สะดุดตากว่าร้านอื่น ๆ โดยผู้อ่านที่สนใจจะไปลิ้มลอง ก็สามารถอุดหนุนได้ที่ร้าน Mat Ja Rang ซึ่งจะอยู่ภายในห้างสุขุมวิทพลาซ่า ชั้น 2 ด้านในสุด หากพบป้ายไฟสีเหลืองเด่นชัดก็ใช่เลย