สวัสดีครับทุกคน วันนี้มาพบกับสาระความรู้กับเครื่องดื่มใกล้ตัวกันครับ เคยสงสัยกันหรือเปล่าครับ ว่าเครื่องดื่มชูกำลังที่กินแล้วกระปี้กระเป่า ลุยงานโต้รุ่งได้สบายๆนั้น มีต้นกำเนิดมาจากไหนและปัจจุบันทำไมมันถึงฮอตฮิตขนาดนี้ ถ้าคุณอยากรู้แล้ว งั้นไปกันเล๊ยย !! ต้นกำเนิดของเครื่องดื่มชูกำลัง แรกเริ่มเดิมที เครื่องดื่มชูกำลังเคยเป็นเพียงแค่หนึ่งในรูปแบบผลิตภัณฑ์ที่เกิดขึ้นในวงการน้ำอัดลมมาก่อน ไม่ได้แยกออกมาเป็นเครื่องดื่มอีกแบบเหมือนในปัจจุบัน โดยเครื่องดื่มอัดลมชูกำลังนั้น ถูกผลิตขึ้นครั้งแรกที่บริษัท “IRONBREW” ที่ประเทศสก็อตแลนด์ในปี 1889 และด้วยความแปลกใหม่และความโด่งดังของมันนี้เอง มันจึงถูกนำไปย้อมแมวและขายต่อโดยผู้คนมากมาย จนกระทั่งทางบริษัทได้เปลี่ยนชื่อเป็น “IRN-BRU” พร้อมกับออกผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มชูกำลังที่ไม่ใช่แค่น้ำอัดลมอย่างเป็นทางการในปี 1901 นี่จึงเป็นการเปิดหน้าตำนานเครื่องดื่มชูกำลังเลยก็ว่าได้ . ส่วนที่สหรัฐอเมริกาเอง ทางบริษัท Coca-Cola ก็คิดจะทำเครื่องดื่มอัดลมชูกำลังแบบน้ำอัดลมบ้าง จึงได้ใช้วัตถุดิบหลักสองอย่างเพื่อให้เครื่องดื่มของพวกเขามีส่วนช่วยให้รู้สึกตื่นตัว ได้แก่ โคเคนที่สกัดจากใบโคคา และคาเฟอีนจากถั่วโคลา หลังจากที่ปล่อยเครื่องดื่มตัวนี้ไปไม่นานก็เริ่มเกิดปัญหาขึ้น เพราะในปี 1904 ทางองค์กรตรวจสอบและควบคุมอาหารและยาพบว่า ปริมาณของโคเคนที่มีในเครื่องดื่มนั้นมากไปจนเกินเกณฑ์ ทางบริษัท Coca-Cola จึงเปลี่ยนมาใช้ใบโคคาที่เจือจางแล้วแทน เพื่อให้มีปริมาณโคเคนที่น้อยลง แต่ปัญหาก็เกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อไม่ใช่แค่โคเคนที่เป็นตัวปัญหา แต่รวมถึงปริมาณคาเฟอีนที่สูงลิ่วจนน่าวิตกอีกด้วย ทำให้ในปี 1916 ความคิดที่จะนำความชูกำลังมาใส่ในน้ำอัดลมก็จบลงเพียงแค่นี้ สำหรับทางบริษัท Coca-Cola . ต่อมาในปี 1929 ณ สหราชอาณาจักร ได้เริ่มมีการใช้เครื่องดื่มที่มีคุณสมบัติคล้ายยาชูกำลังอย่าง “Lucozade energy” ในฐานะของตัวช่วยในการฟื้นฟูร่างกายผู้ป่วย ซึ่งจะใช้ในโรงพยาบาลเท่านั้น ก่อนที่ในช่วงปี 1980 มันจะอยู่ในฐานะเครื่องดื่มทดแทนพลังงานคล้ายกับเกลือแร่แทน ซึ่งคนทั่วไปสามารถดื่มได้ด้วย . ส่วนน้ำอัดลมชูกำลังที่วางจำหน่ายในตลาดอย่างเป็นทางการจริงๆในยุคแรก มีชื่อว่า “Dr.Enuf” ส่วนต้นกำเนิดของมันเราต้องขอย้อนไปในปี 1949 เมื่อ William Mark Swartz นักธุรกิจจากชิคาโก้ได้ถูกรบเร้าจากเพื่อนร่วมงานของเขา ให้ทำน้ำอัดลมที่ไม่ให้พลังงาน และใช้วิตามินแทนน้ำตาล เขาจึงได้ใส่คาเฟอีน น้ำตาล และวิตามิน B ลงไปในเครื่องดื่มนั้น และใช้ชื่อว่าเป็นเครื่องดื่มชูกำลังในที่สุด จากนั้นเขาก็จับมือกับ Charles Gordon จากบริษัทเครื่องดื่ม Tri-city เพื่อที่จะสามารถนำโซดาไปใส่ในตัวเครื่องดื่มของเขา พร้อมออกวางขายได้ ซึ่งในปัจจุบันนี้ Dr.Enuf ก็ผลิตและจัดจำหน่ายอยู่ โดยมีต้นสายการผลิตอยู่ที่เมือง Johnson ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ทำให้นี่เป็นก้าวแรกที่ทำให้เครื่องดื่มชูกำลังเริ่มมีชื่อขึ้นมาจริงๆ แม้ว่าจะยังเป็นน้ำอัดลมชูกำลังก็ตาม . ส่วนกระแสความโด่งดังจริงๆของเครื่องดื่มชูกำลังที่ไม่ได้จับไปผสมกับโซดาและเป็นแค่น้ำอัดลมนั้น มีจุดเริ่มต้นอยู่ที่ช่วงหลังของสงครามโลก ในประเทศญี่ปุ่นช่วงปี (ประมาณปี1945) โดยเครื่องดื่มชูกำลังนั้นจะไม่ได้มีการใส่โซดาลงไปผสมให้เป็นเหมือนกับน้ำอัดลมข้างต้น แต่เป็นเครื่องดื่มที่มีจุดประสงค์ในการเพิ่มความตื่นตัวโดยตรง ซึ่งมีส่วนผสมหลักคือตัวยาแอมเฟตามีน หรือหากจะให้พูดง่ายๆ มันคือสารเสพติดที่อยู่ใน “ยาบ้า” แน่นอนว่าไม่นาน ปี 1950 สารตัวนี้ก็ถูกสั่งระงับไม่ให้มีการใช้อีก กระทั่งเครื่องดื่มชูกำลังนั้นเริ่มกลับมาผงาดในวงการเครื่องดื่มอีกครั้งในปี 1962 บริษัทไทโชฟาร์มาซูติคอล ได้คิดเครื่องดื่มชูกำลังชื่อว่า “ลิโพวิตันดี (Lipovitan D)” ขึ้นมาอย่างถูกกฎหมาย ลักษณะของตัวผลิตภัณฑ์นั้น ก็คล้ายกับปัจจุบันคือเป็นขวดเล็กๆสีชา มีสรรพคุณช่วยให้กระปี้กระเป่า หลังจากนั้นช่วง 1980 การใส่วิตามินต่างๆอีกมากมาย เข้าไปเสริมประโยชน์ด้วยในเครื่องดื่มชูกำลังเริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นในหมู่คนทำงานหลายๆแบบ พร้อมๆกับที่หลายบริษัทน้ำอัดลมทั่วโลกกำลังมุ่งมั่นที่จะผลิตเครื่องดื่มชูกำลังออกมาเป็นของตัวเองให้ได้ . ในขณะที่ความสำเร็จของเครื่องดื่มชูกำลังในญี่ปุ่นนั้นได้แผ่ขยายเป็นวงกว้างอย่างมาก ตั้งแต่เอเชียไปจนถึงยุโรปนั้นเอง ก็ทำให้ Dietrich Mateschitz นักธุรกิจชาวออสเตรียคนนี้ที่เดิมทีขายผลิตภัณฑ์สุขภัณฑ์ สามารถค้นพบสูตรเครื่องดื่มชูกำลังเป็นของตัวเองได้สำเร็จ ในขณะที่กำลังเดินทางไปทำธุรกิจที่กรุงเทพ เมื่อเป็นเช่นนั้น เขาตัดสินใจลาออกจากงานเดิมที่เขาทำอยู่ทันที แล้วร่วมมือกับทางผู้ผลิตเครื่องดื่มในไทยสร้างแบรนด์ “กระทิงแดง” ออกมาได้สำเร็จ หลังจากนั้น 3 ปี ผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มอัดลมชู ก็ได้ถูกวางขายที่ประเทศบ้านเกิดของเขาด้วยภายใต้ชื่อ "กระทิงแดง" . ความสำเร็จของเขานั้นยังได้ไปต่อที่อเมริกาในปี 1997 พร้อมๆกับการครองตลาดเครื่องดื่มชูกำลังทั้งหมดในตอนนั้น ทำให้ความสำเร็จนี้ก็ยิ่งขยายต่อไปอีกเรื่อยๆ จนในปัจจุบันนี้มีเครื่องดื่มชูกำลังหลายแบรนด์มากมายในท้องตลาดทั่วโลก เช่น Monster, Rockstar หรืออย่าง Red bull นั้นก็ต่างได้รับความนิยมอย่างเสมอต้นเสมอปลายนั่นเองงงงงง เป็นยังไงบ้างครับกับสาระความรู้ในครั้งนี้ ถ้าชอบก็สามารถบอกต่อไปได้นะครับ ขอบคุณมากๆนะครับที่เข้ามาอ่านมาชมกัน ขอขอบคุณอ้างอิงทั้งหมดด้วยนะครับ หน้าปก HAJI21-cz / reverent / shpejtim : Pixabay IRN-BRU / Coca-Cola / Lucozade Energy / Dr.Enuf / Lipovitan D / Red Bull / : Facebook เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !