เมล็ดของฝักบัวสด แกะยังไงดี ทำอะไรกินได้บ้าง ซื้อได้ที่ไหน มารู้กันเลย! เขียนโดย ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล รู้ไหมคะว่าในประเทศไทยเรายังมีเมล็ดบัว ที่สามารถนำมาใช้เป็นอาหารได้จริง และเป็นหนึ่งในของกินจากธรรมชาติที่มีเอกลักษณ์เฉพาะไม่เหมือนใคร ซึ่งเมล็ดบัวสดจากฝักบัวหลวงมักจะปรากฏให้เห็นในตลาดช่วงปลายฝนต้นหนาว เป็นช่วงที่บัวออกฝักเต็มบึง คนในท้องถิ่นแถวชนบทนิยมแกะเมล็ดออกมากินสด หรือใส่ในของหวานไทยแบบเรียบง่าย เช่น เมล็ดบัวเชื่อม ข้าวเหนียวมูน หรือแม้แต่กินเปล่าๆ ก็ได้รสหวานมันละมุนจนกลายเป็นของว่างยอดนิยมในหลายพื้นที่ค่ะ แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ เมล็ดบัวไม่เพียงเป็นอาหารจากธรรมชาติที่กินได้จริงเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงวิถีชีวิตของคนไทยที่ผูกพันกับน้ำและการเก็บของกินจากแหล่งธรรมชาติอย่างละเอียดอ่อนอีกด้วย โดยหลายคนอาจยังไม่รู้ว่าเมล็ดบัวของไทยมีหลายสายพันธุ์ ทั้งบัวหลวง บัวสาย และบัวฉัตร ซึ่งแต่ละชนิดมีรสสัมผัสและวิธีนำมาใช้ต่างกันไป บัวหลวงให้เมล็ดหวานและกินสดได้ ส่วนบัวสายมักนำไปต้มหรือคั่วให้สุกก่อนกิน ซึ่งความหลากหลายนี้ทำให้เมล็ดบัวกลายเป็นหนึ่งในพืชน้ำที่คนไทยใช้ประโยชน์ได้ครบทุกส่วน ตั้งแต่ราก ใบ ดอก ฝัก จนถึงเมล็ด ที่เป็นเสน่ห์ของอาหารพื้นบ้านที่สืบต่อมาจากรุ่นสู่รุ่น และควรค่าแก่การอนุรักษ์ให้คงอยู่ในครัวไทยต่อไปค่ะ เมล็ดบัวสดคืออะไรในฝักบัว? คุณผู้อ่านรู้ไหมคะว่า เมล็ดบัวสดคือเมล็ดที่อยู่ภายในฝักบัวหลวง ซึ่งเป็นพืชน้ำที่คนไทยคุ้นตาตามบึง หนอง หรือแหล่งน้ำธรรมชาตินั้น ฝักบัวมีลักษณะเป็นรูปทรงกลมแบนคล้ายฝักอัดเมล็ดไว้แน่นแต่ละช่อง และในแต่ละช่องจะมีเมล็ดบัวซ่อนอยู่ เมล็ดบัวสดนี้เองที่สามารถกินได้โดยตรงเมื่อแกะออกจากฝัก โดยภายนอกจะมีเปลือกแข็งบางสีเขียวอ่อนหุ้มอยู่ ข้างในเป็นเนื้อสีขาวนวลนุ่มนิ่ม มีกลิ่นหอมอ่อนๆ และรสหวานธรรมชาติ ถือเป็นของกินเล่นจากธรรมชาติที่คนไทยรู้จักกันมานานโดยเฉพาะในฤดูที่บัวออกฝักมาก โดยเราจะเห็นคนขายฝักบัวสดตามตลาดหรือตามริมถนนในต่างจังหวัดบ่อยๆ ภายในเมล็ดบัวสดจะมีส่วนประกอบสำคัญอยู่สามชั้นค่ะ คือ เปลือกนอกสีเขียวเข้ม เนื้อในสีขาวนวลที่เป็นส่วนที่เรานิยมรับประทาน และส่วนกลางคือหน่ออ่อนสีเขียวอ่อนลักษณะคล้ายเส้นเล็กๆ ซึ่งมีรสขมเล็กน้อย หากต้องการกินให้อร่อยจึงควรแกะหน่ออ่อนส่วนนี้ออกก่อน วิธีแกะที่นิยมคือผ่าครึ่งตามยาวแล้วค่อยดึงหน่อออก หรือบางคนใช้ปลายมีดแซะออกอย่างเบามือ เมล็ดบัวสดที่แกะดีแล้วจะมีเนื้อแน่นกรอบนุ่ม มีกลิ่นหอมอ่อนคล้ายกลิ่นข้าวใหม่ กินแล้วสดชื่น นิยมกินเล่นคล้ายถั่วลิสงสด ทั้งยังสามารถนำไปประกอบอาหารและขนมได้หลากหลาย เมล็ดบัวสดเป็นวัตถุดิบที่มีเอกลักษณ์เฉพาะในประเทศไทย เพราะให้รสสัมผัสที่ทั้งกรอบ นุ่ม และหวานในเวลาเดียวกัน หลายพื้นที่นิยมใช้เมล็ดบัวสดในเมนูขนมไทย เช่น เมล็ดบัวต้มเชื่อม เมล็ดบัวใส่ข้าวเหนียวมูน หรือใช้เป็นส่วนผสมในน้ำสมุนไพร นอกจากนี้ยังสามารถกินร่วมกับผลไม้สด หรือโรยหน้าในสลัดเพื่อเพิ่มความน่าสนใจของจานอาหารได้อีกด้วยค่ะ ด้วยลักษณะเป็นของสดที่ต้องใช้ฝีมือในการแกะและเก็บรักษา จึงมักมีขายเฉพาะช่วงที่ฝักบัวหลวงสุกเต็มที่เท่านั้น ทำให้เมล็ดบัวสดกลายเป็นของกินตามฤดูกาลที่หลายคนรอคอยในแต่ละปี และความน่าสนใจของเมล็ดบัวสดยังอยู่ที่การเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตคนไทยมาแต่โบราณ เราจะพบว่าชาวบ้านในแถบภาคกลางและภาคเหนือ มักเก็บฝักบัวจากบึงหรือแหล่งน้ำใกล้บ้าน เพื่อนำมาแกะขายหรือกินกันในครัวเรือน เด็กๆ มักชอบช่วยผู้ใหญ่แกะฝักบัวและชิมเมล็ดสดระหว่างทาง ซึ่งเป็นภาพของความเรียบง่ายที่ผูกพันกับธรรมชาติ เมล็ดบัวสดจึงไม่เพียงเป็นอาหารจากพืชน้ำเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงความสัมพันธ์ระหว่างคนกับสิ่งแวดล้อมรอบตัวอย่างลึกซึ้ง เพราะทุกเมล็ดที่ได้จากฝักบัวหนึ่งฝักล้วนเกิดจากความอุดมสมบูรณ์ของผืนน้ำ และเป็นของกินที่เชื่อมโยงความทรงจำระหว่างรุ่นคนในชนบทไทยไว้อย่างอบอุ่น รสชาติและสัมผัสของเมล็ดบัวสดเมื่อกินดิบ เมล็ดบัวสดเมื่อแกะออกจากฝักใหม่ๆ จะให้รสชาติและสัมผัสที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ยากจะหาจากพืชชนิดอื่นค่ะ โดยเนื้อในของเมล็ดมีสีขาวนวล มันเงาเล็กน้อย เมื่อกัดลงไปจะรู้สึกถึงความแน่นกรุบแบบนุ่ม ไม่แข็งและไม่เหนียวเกินไป รสชาติออกหวานอ่อนๆ คล้ายถั่วอ่อนผสมข้าวโพดอ่อน มีกลิ่นหอมจางๆ ที่ให้ความรู้สึกสดชื่นและธรรมชาติ เป็นรสหวานที่ไม่ได้มาจากน้ำตาลแต่เกิดจากเนื้อในของเมล็ดเอง จึงให้ความรู้สึกเรียบง่ายแต่กลมกล่อม เหมาะสำหรับกินเล่นในช่วงอากาศร้อนหรือหลังทำงานกลางแจ้ง เพราะให้ความสดชื่นแบบธรรมชาติแท้จริง เมื่อกินดิบเมล็ดบัวสดจะให้ความรู้สึกแตกต่างจากเมล็ดบัวแห้งหรือเมล็ดที่ผ่านการต้ม เพราะความกรอบนุ่มของเนื้อในยังคงอยู่ครบถ้วน ขณะเดียวกันความหวานธรรมชาติก็ยังไม่ถูกความร้อนทำให้จืดลง หากเรากัดเคี้ยวช้าๆ จะสัมผัสได้ถึงความมันละเอียดเล็กน้อยที่ค่อยๆ เคลือบลิ้น ซึ่งเป็นจุดเด่นของเมล็ดบัวสดแท้ ไม่เหมือนถั่วชนิดอื่น ความหอมละมุนที่ซ่อนอยู่ในเนื้อบัวจะค่อยๆ ปล่อยกลิ่นเมื่อเคี้ยว ทำให้หลายคนติดใจในรสชาติที่ทั้งเบาและละเอียด เหมือนของว่างจากธรรมชาติที่กินได้โดยไม่ต้องปรุงแต่งใดๆ นอกจากนี้เมล็ดบัวสดยังมักมีกลิ่นหอมเฉพาะตัวที่ให้ความรู้สึกคล้ายกลิ่นข้าวใหม่ผสมกลิ่นบัวอ่อน จึงไม่เพียงแต่อร่อยแต่ยังให้ความรู้สึกผ่อนคลายและเย็นใจ หลายคนชอบนำมากินระหว่างเดินตลาด หรือตอนเดินทางไปต่างจังหวัด เพราะช่วยดับกระหายและให้ความสดชื่นในขณะเดียวกัน การกินเมล็ดบัวสดดิบจึงไม่ใช่แค่การลิ้มรสเท่านั้น แต่ยังเป็นการเชื่อมต่อกับธรรมชาติในแบบเรียบง่าย กินแล้วรู้สึกสงบ เหมือนได้กลับไปสู่วิถีพื้นบ้านที่เคยเก็บฝักบัวจากบึงมากินเล่นอย่างอร่อยและเพลิดเพลินค่ะ ขั้นตอนการแกะเมล็ดบัวสดแบบไม่ช้ำ เริ่มจากการเตรียมอุปกรณ์ให้พร้อมเพื่อให้เมล็ดบัวไม่ช้ำค่ะ โดยเราใช้มีดปลายแหลมเล็กๆ หรือกรรไกรครัว เขียงสะอาด ชามน้ำเย็นที่ใส่น้ำแข็งได้เล็กน้อย ผ้าเช็ดครัวแห้ง และกล่องมีฝาปิด จากนั้นเลือกฝักบัวที่สด ผิวสีเขียว แน่น ไม่มีรอยช้ำ ล้างฝักให้สะอาด ซับน้ำให้แห้ง จากนั้นวางฝักบนเขียง ด้านฐานฝักคว่ำลงเพื่อให้ฝักนิ่งไม่กลิ้ง จับฝักให้มั่นโดยบีบเบาๆ ที่ขอบ ไม่กดโดนช่องเมล็ดโดยตรง เพื่อลดแรงกดบนเมล็ดภายใน แล้วค่อยๆ เริ่มขั้นตอนการแกะค่ะ วิธีดึงเมล็ดออกจากฝักแบบไม่ช้ำ ให้ใช้ปลายมีดกรีดผิวฝักตื้นๆ เป็นรูปกากบาทเฉพาะตรงปากช่องเมล็ด หลีกเลี่ยงกดลึกถึงเมล็ด จากนั้นใช้นิ้วโป้งดันฐานช่องเบาๆ เมล็ดจะผุดขึ้นมาเอง ถ้าฝักแน่นมากให้ใช้ปลายช้อนเล็กงัดขอบช่องช่วย เมื่อได้เมล็ดแล้วรีบหย่อนลงชามน้ำเย็นทันที เพื่อให้คงความกรอบนุ่มและกันอากาศทำให้ผิวแห้ง จากนั้นแกะเปลือกเขียวบางรอบเมล็ดโดยเริ่มจากปลายแหลม จับตัวเมล็ดเบาๆ แล้วลอกตามรอยตะเข็บตามแนวธรรมชาติ เมล็ดที่สดจะลอกง่ายและเนื้อขาวนวลไม่ช้ำ หากมือเริ่มอุ่นให้จุ่มนิ้วในน้ำเย็นครู่หนึ่งแล้วค่อยแกะต่อ จะช่วยลดการอุ่นเมล็ดจนผิวนิ่มค่ะ ขั้นตอนสุดท้ายเพื่อรสอร่อยไม่ขม ให้ผ่าเมล็ดตามยาวครึ่งหนึ่งด้วยปลายมีดหรือใช้เล็บค่อยๆ แยก แล้วดึงหน่ออ่อนสีเขียวออกอย่างเบามือ หน่อส่วนนี้เป็นต้นเหตุของรสขม เมื่อลดทอนออกแล้วให้ล้างผ่านน้ำเย็นเร็วๆ อีกครั้ง สะเด็ดน้ำ วางบนผ้าให้แห้ง จากนั้นเลือกใช้กินทันทีหรือเก็บในกล่องปิดสนิท แช่ตู้เย็นช่องธรรมดา 1–2 วันค่ะ ถ้าต้องการคงความกรอบให้นานขึ้น แช่เมล็ดในน้ำเย็นจัด 5–10 นาที ก่อนเสิร์ฟ และถ้าต้องแกะจำนวนมาก ก็ให้ทำแบบเดิม คือ ดันออกจากฝัก → แช่น้ำเย็น → ลอกเปลือก → เอาหน่อออก → ล้างเร็ว → เก็บหรือกินทันที ความต่างระหว่างเมล็ดบัวในฝักสดกับบัวหลวง บัวสาย และบัวฉัตร เมล็ดบัวในฝักสดที่เราคุ้นเคยกันส่วนใหญ่จะมาจากบัวหลวงค่ะ ซึ่งเป็นสายพันธุ์บัวที่นิยมปลูกเพื่อเก็บทั้งดอก ฝัก และเมล็ดกินได้ เมล็ดบัวหลวงสดจะมีเปลือกนอกสีเขียวเข้ม เนื้อในสีขาวนวล รสหวานอ่อนและมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว ลักษณะกลมแน่นขนาดพอดีคำ เมื่อแกะออกจากฝักจะเห็นหน่ออ่อนสีเขียวกลางเมล็ดที่ต้องดึงออกก่อนกินเพื่อไม่ให้ขม เมล็ดบัวหลวงเป็นชนิดที่หากินง่ายที่สุดในตลาด เพราะปลูกกันแพร่หลายทั่วประเทศทั้งในบ่อและบึงธรรมชาติ เหมาะสำหรับกินสดหรือทำขนมไทยหลายชนิด เช่น เมล็ดบัวเชื่อม หรือใส่ในข้าวเหนียวมูน ส่วนบัวสายเป็นบัวน้ำชนิดที่ลำต้นยืดลอยตามผิวน้ำ มีดอกบานเช้าโรยเย็น เมล็ดของบัวสายมีขนาดเล็กกว่าและไม่แน่นเท่าบัวหลวง สีของเมล็ดออกเขียวอมเทา เปลือกแข็งกว่า เนื้อในบางและรสชาติไม่หวานเท่าบัวหลวง จึงไม่นิยมกินสด แต่ชาวบ้านบางพื้นที่ยังคงนำไปคั่วหรือบดเป็นผงใช้ทำขนมพื้นบ้าน เพราะให้กลิ่นหอมคล้ายธัญพืชปนดินเบาๆ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของบัวสายที่คนรุ่นเก่าบางกลุ่มยังคงคุ้นเคยอยู่บ้าง ส่วนบัวฉัตรเป็นบัวหลวงอีกชนิดหนึ่งแต่มีดอกซ้อนหลายชั้นและนิยมปลูกประดับมากกว่านำมาบริโภค เมล็ดของบัวฉัตรมีลักษณะคล้ายบัวหลวงแต่ขนาดเล็กกว่า เนื้อแน่นแต่ไม่หวาน มีรสออกมันเล็กน้อย เปลือกนอกมักหนาและแข็งกว่า หากจะกินต้องต้มให้นิ่มก่อนจึงจะอร่อย การนำเมล็ดบัวฉัตรมากินสดจึงพบไม่บ่อยนัก เพราะมักใช้ประโยชน์ทางประดับ ดอกบูชา หรือเก็บไว้เป็นพันธุ์ปลูกมากกว่า ที่โดยรวมแล้วเมล็ดบัวหลวงจึงถือเป็นเมล็ดบัวสดแท้ที่กินได้อร่อยที่สุด เหมาะสำหรับใช้ในเมนูขนมไทยและของกินเล่นจากธรรมชาติค่ะ วัฒนธรรมการกินเมล็ดบัวในท้องถิ่นไทย รู้ไหมคะว่าวัฒนธรรมการกินเมล็ดบัวในท้องถิ่นไทย เป็นสิ่งที่สะท้อนความผูกพันระหว่างคนกับธรรมชาติอย่างลึกซึ้ง โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีบึง หนอง หรือทุ่งน้ำกว้าง เช่น ภาคกลาง ภาคเหนือ และภาคอีสาน ที่ผู้คนอยู่ใกล้น้ำและปลูกบัวไว้ทั้งเพื่อบูชาพระและเพื่อกิน ช่วงที่บัวออกฝักจะเป็นช่วงเวลาที่เด็กๆ และผู้ใหญ่ในหมู่บ้านมักพายเรือไปเก็บฝักบัวสดจากบึง นำกลับมาแกะกินกันในครอบครัว ภาพของฝักบัวสดวางเรียงบนกระด้งหรือบนเสื่อในช่วงบ่าย เป็นภาพคุ้นตาของวิถีพื้นบ้านไทยมานาน เมล็ดบัวสดในฝักเป็นของกินเล่นที่มีเสน่ห์เฉพาะ ไม่ต้องปรุงแต่ง แต่ให้รสชาติสดชื่นและหอมธรรมชาติ เป็นสิ่งที่คนท้องถิ่นถือว่าเป็นของว่างจากน้ำที่ได้จากความอุดมสมบูรณ์ของผืนน้ำในชุมชน ในภาคกลาง เช่น จังหวัดสุพรรณบุรี อยุธยา หรือปทุมธานี ซึ่งมีบึงบัวหลวงมาก คนมักนิยมขายฝักบัวตามตลาดเช้าหรือริมทาง โดยเฉพาะในฤดูฝักแก่เต็มที่ค่ะ แม่ค้าจะใช้มีดเล็กๆ ผ่าเปลือกให้ลูกค้าแกะกินสดๆ ได้ทันที บางครอบครัวนำเมล็ดบัวมาต้มเกลือกินคล้ายถั่วลิสงต้ม หรือผสมน้ำตาลทรายเล็กน้อยเป็นของว่างแบบเรียบง่าย ส่วนทางภาคเหนือ เช่น เชียงใหม่ ลำพูน และพะเยา จะนิยมเก็บบัวในบึงธรรมชาติที่เรียกว่า “หนองบัว” เมล็ดบัวสดจากพื้นที่สูงมีรสหวานมันและเนื้อแน่นกว่าเพราะอากาศเย็นค่ะ การกินเมล็ดบัวในท้องถิ่นภาคเหนือมักทำร่วมกับการจัดขันโตกหรือใช้เป็นของฝากในเทศกาลงานบุญ สำหรับภาคอีสานวัฒนธรรมการกินเมล็ดบัวผูกโยงกับการใช้ประโยชน์จากทุกส่วนของต้นบัว ทั้งราก ใบ ดอก และเมล็ด ชาวบ้านนิยมเก็บฝักบัวสายหรือบัวหลวงจากหนองน้ำ นำมาขายริมถนนในตลาดท้องถิ่น โดยเด็กๆ จะนั่งช่วยผู้ใหญ่แกะฝักและแบ่งกินกันอย่างเพลิดเพลิน ถือเป็นกิจกรรมครอบครัวช่วงฤดูน้ำหลากที่อบอุ่นและเรียบง่าย ในบางพื้นที่ เช่น อุบลราชธานีหรือศรีสะเกษ ยังมีการนำเมล็ดบัวไปผสมในข้าวต้มมัดหรือน้ำสมุนไพรพื้นบ้านอีกด้วย ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าการกินเมล็ดบัวไม่ใช่เพียงเรื่องของรสชาติ แต่เป็นวัฒนธรรมแห่งการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างรู้คุณค่าที่สืบต่อกันมาหลายชั่วรุ่นค่ะ ไอเดียการใช้เมล็ดบัวสดในชีวิตประจำวัน เมล็ดบัวสดกำลังกลายเป็นของว่างทานเล่นที่ได้รับความนิยมมากขึ้น เพราะให้รสหวานอ่อนๆ และสัมผัสกรุบแน่นแบบธรรมชาติ ไม่ต้องปรุงแต่งก็อร่อย กินเพลิน และให้ความรู้สึกสดชื่นเบาๆ เราสามารถแกะเมล็ดบัวสดใส่กล่องเล็กๆ พกติดตัวไว้เป็นของกินเล่นระหว่างวันแทนขนมกรุบกรอบทั่วไป หรือจัดใส่ถ้วยเสิร์ฟคู่กับชาเขียว น้ำมะพร้าว หรือน้ำสมุนไพรเย็นๆ ก็เข้ากันได้ดีค่ะ เมล็ดบัวสดยังเหมาะสำหรับคนที่ชอบของทานเล่นแนวธรรมชาติ ไม่มีน้ำมัน ไม่มีเกลือส่วนเกิน และมีกลิ่นหอมละมุนที่เป็นเอกลักษณ์ นอกจากนี้เมล็ดบัวสดยังสามารถต่อยอดเป็นสินค้าท้องถิ่นที่ขายได้จริงในตลาดและร้านของฝาก เพราะรูปลักษณ์ดูสะอาดสวยงามและสื่อถึงความเป็นธรรมชาติ เราอาจบรรจุในถุงใสสุญญากาศเล็กๆ หรือกล่องพลาสติกใสที่มีฉลากเรียบง่ายแต่ดูอบอุ่น พร้อมติดป้ายชื่อสินค้าหรือโลโก้ท้องถิ่น เช่น “เมล็ดบัวสดจากบึงบ้านเรา” เพื่อสร้างภาพลักษณ์เชิงชุมชนและความจริงใจให้ผู้บริโภครู้สึกใกล้ชิดกับแหล่งผลิต การขายสามารถเริ่มจากตลาดนัดของฝาก ร้านกาแฟเพื่อสุขอนามัย หรือช่องทางออนไลน์ที่เน้นสินค้าธรรมชาติและอาหารในท้องถิ่น และเมล็ดบัวสดยังเป็นของฝากที่เหมาะสำหรับเทศกาลและงานบุญค่ะ เพราะให้ความรู้สึกดีทั้งในด้านวัฒนธรรมและสัญลักษณ์ของความบริสุทธิ์ เป็นของฝากที่ดูเรียบง่ายแต่มีคุณค่า ผู้รับสามารถนำไปกินเล่น หรือต้มเป็นของหวานต่อได้ การจัดบรรจุภัณฑ์ให้สวยงาม เช่น ใส่ในกล่องกระดาษคราฟต์หรือกระเช้าไม้ไผ่ขนาดเล็ก พร้อมการ์ดเล่าเรื่อง “วิถีบัวในบ้านเรา” จะยิ่งเพิ่มเสน่ห์ให้เมล็ดบัวสดกลายเป็นของฝากที่คนจดจำได้ ทั้งในมิติของรสชาติและความหมายเชิงวัฒนธรรมที่สื่อถึงความใส่ใจจากธรรมชาติสู่มือผู้รับค่ะ ที่โดยสรุปแล้วเมล็ดบัวสดคือของว่างจากธรรมชาติที่อยู่คู่ครัวไทยมาช้านาน แต่กำลังค่อยๆ เลือนหายไปจากวิถีชีวิตคนเมือง ทั้งที่แท้จริงแล้วเป็นอาหารพื้นถิ่นที่มีคุณค่าทั้งในด้านรสชาติ ความหมาย และความผูกพันกับธรรมชาติค่ การหันมากินเมล็ดบัวสดจึงไม่ใช่เพียงการเลือกของกินเล่นที่อร่อยและปลอดภัยเท่านั้น แต่ยังเป็นการรักษาเสน่ห์ของอาหารไทยดั้งเดิม ที่สะท้อนความเรียบง่ายและความเคารพต่อสิ่งแวดล้อมรอบตัวไว้ในทุกเมล็ดที่เราหยิบขึ้นมากินแต่ละครั้ง การสนับสนุนเมล็ดบัวสดจากชุมชนไทย ยังเป็นการช่วยให้เกษตรกรผู้ปลูกบัวมีรายได้เพิ่มขึ้น เพราะบัวไม่ได้ให้เพียงดอกหรือใบสำหรับบูชาเท่านั้น แต่ฝักและเมล็ดยังสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มได้อีกมาก เมื่อเราซื้อหรือกินเมล็ดบัวสดในฤดูกาล เรากำลังส่งต่อพลังให้ชุมชนในพื้นที่ชุ่มน้ำยังคงดำรงอยู่ และรักษาความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติให้คงอยู่ต่อไปในระยะยาว เป็นการกินที่มีความหมายทั้งต่อผู้ผลิตและผู้บริโภคอย่างแท้จริง การกินเมล็ดบัวจึงเปรียบเสมือนการอนุรักษ์อาหารพื้นถิ่นไทยในรูปแบบที่เข้ากับยุคสมัย เราสามารถประยุกต์ให้เข้ากับวิถีชีวิตปัจจุบันได้ทั้งในฐานะของว่าง ของฝาก หรือของกินคู่เครื่องดื่มธรรมชาติ การกลับมาให้คุณค่ากับเมล็ดบัวจึงไม่เพียงช่วยรักษารสชาติและภูมิปัญญาท้องถิ่นเท่านั้นค่ะ แต่ยังปลูกจิตสำนึกเรื่องการกินอย่างรู้คุณค่าให้คนรุ่นใหม่ได้เรียนรู้ว่าอาหารไทยแท้ ที่ไม่ได้อยู่แค่ในตำรา แต่อยู่ในสิ่งเรียบง่ายรอบตัวเราที่ควรอนุรักษ์ไว้ด้วยความภูมิใจค่ะ สำหรับที่นี่ผู้เขียนมีโอกาสได้กินเมล็ดบัวจากทั้งสองแบบนะคะ คือ บัวหลวงซึ่งส่วนมากซื้อจากตลาดและตามแหล่งอื่นๆ ที่นำมาขาย โดยเคยผ่านไปแถวอำเภอคำตากล้า จังหวัดสกลนคร ที่นั่นมีการทำนาบัวและมีฝักบัวที่มีเมล็ดสดๆ มาวางขายริมทางค่ะ เป็นของฝากจากในชุมชน และบัวฉัตรเป็นอีกหนึ่งชนิดที่ผู้เขียนเพิ่งได้กินปีนี้ โดยเป็นเมล็ดบัวที่ได้จากบัวฉัตรในพื้นที่ชุมชนในพื้นที่ของตัวเองค่ะ คือก่อนหน้านี้ก็มีบัวชนิดนี้อยู่แต่ส่วนมากปลูกไว้เพื่อขายดอก มาปีนี้ไม่ค่อยได้ขาย ประกอบกับดูแลอย่างจริงจัง จึงพบว่าเมล็ดบัวจากบัวฉัตรก็อร่อยไปอีก ช่วงนี้เลยไม่ได้ซื้อเมล็ดบัวจากที่ไหนค่ะ เพราะถ้าอยากได้ก็แค่แวะไปบ้านสวนเท่านั้นเองค่ะ แต่ถ้าอยากซื้อที่ตลาดใกล้บ้านมีค่ะ และผู้เขียนเคยเห็นแถวตลาดน้ำตามที่ต่างๆ ก็มักมีฝักบัวสดขายนะคะ โดยการกินสดเป็นสิ่งที่ผู้เขียนชอบทำมากที่สุดค่ะ เด็กๆ กินได้ ผู้สูงอายุก็ชอบค่ะ หวาน กรอบและอร่อยค่ะ เป็นของว่างได้ดีในทุกๆ วันนะคะ ก็ลองไปหาเมล็ดบัวสดมาลิ้มลองรสชาติกันค่ะ เดี๋ยวจะหาว่าทำไมไม่บอกตั้งนานแล้ว และด้วยความตั้งใจ ผู้เขียนหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับผู้อ่านไม่มากก็น้อย หากคุณผู้อ่านชื่นชอบเนื้อหาแนวนี้ อย่าลืมกดติดตามหรือบันทึกโปรไฟล์ไว้ เพื่อจะได้ไม่พลาดข้อมูลใหม่ๆ ในบทความถัดไป หากสนใจอ่านบทความทั้งหมดของผู้เขียน ก็สามารถกดเข้าไปดูได้จากโปรไฟล์เช่นกันค่ะ #ประโยชน์ของเม็ดบัว #อาหารพื้นบ้าน #วิธีกินเม็ดบัว #ฝักบัวสด #LotusSeed เครดิตรูปภาพประกอบบทความ รูปภาพทำหน้าปกและออกแบบหน้าปกโดยผู้เขียน ใน Canva รูปภาพประกอบเนื้อหา ถ่ายภาพโดยผู้เขียน เกี่ยวกับผู้เขียน ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล จบการศึกษา: พยาบาลศาสตรบัณฑิต จากวิทยาลัยพยาบาลศรีมหาสารคาม กระทรวงสาธารณสุข และสาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต (อนามัยสิ่งแวดล้อม) จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น มีความสนใจและประสบการณ์เกี่ยวกับ: สุขภาพ จิตวิทยาเชิงบวก การบำบัดน้ำเสียและกำจัดสิ่งปฏิกูล ลูกสมอไทยสด ทำอะไรได้บ้าง รสชาติยังไง อร่อยไหม มะอึก คืออะไร รสชาติแบบไหน ทำอะไรได้บ้าง ปลูกอ้อยหน้าบ้าน มีประโยชน์อะไรบ้าง ทำเมนูของว่าง ยังไงดี หิวใช่ไหม อยากหาของกินอร่อย ๆ ใช่หรือเปล่า ส่องร้านเด็ดร้านดังได้ที่ App TrueID โหลดฟรี !