ทริคเลือกส้มแมนดาริน หวานอร่อย ดูยังไงดี น่าซื้อ | บทความโดย ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล คิดเหมือนกันไหมคะว่า ส้มแมนดารินเป็นผลไม้ที่รับประทานได้ไม่เบื่อเลย และมีรสชาติอร่อยเปรี้ยวอมหวานและหอมมาก และส้มแมนดารินหลายคนมักซื้อเวลาไปเดินที่ซุปเปอร์มาร์เก็ต เพราะว่าส้มชนิดนี้มักมีวางขายในซุปเปอร์มาร์เก็ตค่ะ ซึ่งการที่ส้มแมนดารินที่บอกว่าอร่อยหอมและหวานได้นั้น ก็ต้องเกิดจากการเลือกส้มแมนดารินลูกที่มีคุณภาพนะคะ แล้วส้มแมนดารินแบบไหนล่ะที่ดีและน่าซื้อ เคยสงสัยกันไหมคะ? โดยส้มแมนดารินที่ดีมีเคล็ดลับที่ต้องนำไปสังเกตอยู่เหมือนกันค่ะ ที่มีบางวิธีการที่จำเพาะเจาะจงเลยสำหรับเลือกส้มชนิดนี้ ซึ่งถ้าคุณผู้อ่านได้อ่านให้จบและทำความเข้าใจกับเคล็ดลับทั้งหมด จากนั้นนำไปใช้ตอนไปเลือกส้มแมนดาริน รับรองว่าได้ส้มอร่อยและรสชาติกลมกล่อมแน่นอนค่ะ ส่วนจะมีเทคนิคอะไรดีๆ และน่าสนใจบ้างนั้น อ่านต่อกันเลยดีกว่า ดังเนื้อหาต่อไปนี้ 1. เลือกซื้อจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ ที่ผู้เขียนได้เห็นมาบ่อยๆ คือ ส้มแมนดารินมักมีวางขายที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตค่ะ โดยสถานที่เหล่านี้มักมีมาตรฐานในการควบคุมคุณภาพและความสะอาดของสินค้า ทำให้มั่นใจได้ว่าส้มแมนดารินที่เราเลือกซื้อนั้นปลอดจากสารเคมีตกค้าง และเชื้อโรคต่างๆ ที่อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ เพราะปกติผลไม้ที่วางจำหน่ายในซูเปอร์มาร์เก็ตหรือร้านค้าที่ได้มาตรฐาน มักผ่านการคัดเลือกมาแล้วว่ามีคุณภาพดี รูปร่างสวยงาม และสุกกำลังดี ซึ่งเราก็สามารถสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับแหล่งที่มาของส้มแมนดาริน รวมถึงวิธีการปลูกและเก็บรักษาจากพนักงานได้ 2. สังเกตบรรจุภัณฑ์ หากส้มแมนดารินถูกใส่มาในถุงหรือบรรจุภัณฑ์ต่างๆ นอกจากการเลือกส้มแมนดารินจากตัวผลโดยตรงแล้ว การสังเกตบรรจุภัณฑ์ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้เราเลือกซื้อส้มแมนดารินได้อย่างมั่นใจและปลอดภัยยิ่งขึ้นค่ะ จากที่บรรจุภัณฑ์ที่สะอาดบ่งบอกถึงมาตรฐานการผลิตและการจัดเก็บที่ถูกสุขลักษณะ บรรจุภัณฑ์ที่แข็งแรงจะช่วยป้องกันส้มจากการกระแทก ช้ำ หรือเสียหายระหว่างการขนส่ง ควรระบุแหล่งที่มาของส้ม เช่น ประเทศผู้ผลิต หรือแหล่งปลูก โดยให้เลือกเลือกบรรจุภัณฑ์ที่ทำจากวัสดุที่ปลอดภัยต่ออาหารและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมค่ะ และตัวอย่างของบรรจุภัณฑ์ที่ดี ได้แก่ บรรจุภัณฑ์ที่ทำจากวัสดุที่แข็งแรง เช่น พลาสติกหรือกระดาษแข็ง บรรจุภัณฑ์ที่มีช่องระบายอากาศ บรรจุภัณฑ์ที่มีการห่อหุ้มแต่ละผลอย่างดี เพื่อป้องกันการเสียดสี 3. หลีกเลี่ยงส้มที่ถูกบีบมากเกินไป การเลือกซื้อส้มแมนดารินนั้นมีหลายปัจจัยที่ต้องพิจารณาค่ะ หนึ่งในนั้นคือการสังเกตว่าส้มถูกบีบมากเกินไปหรือไม่ ซึ่งเป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง เพราะมีผลเสียต่อคุณภาพของส้ม การบีบส้มแรงๆ จะทำให้กระบวนการสุกของส้มเร่งตัวขึ้น ทำให้ส้มสุกเกินไปเร็วกว่าที่ควรจะเป็น ส่งผลให้รสชาติเปลี่ยนแปลงไป อาจเปรี้ยวจัด หรือรสชาติไม่หวาน การบีบแรงๆ อาจทำให้เนื้อในของส้มเสียหาย เกิดรอยช้ำ หรือเนื้อแตก ทำให้เก็บไว้ได้ไม่นาน และอาจเน่าเสียได้ง่าย การบีบจะทำให้น้ำในส้มออกมา ทำให้ส้มสูญเสียความชุ่มฉ่ำและรสชาติที่หวานอร่อย ส้มที่ถูกบีบอาจมีรอยแตก หรือรอยช้ำ ซึ่งเป็นช่องทางให้เชื้อโรคเข้าไปปนเปื้อนได้ง่าย และวิธีสังเกตส้มแมนดารินที่ถูกบีบมากเกินไป มีดังต่อไปนี้ ผิวส้ม: สังเกตผิวส้มว่ามีรอยบุ๋ม รอยด่าง หรือรอยแตกหรือไม่ ถ้ามีแสดงว่าถูกบีบมากเกินไป ความรู้สึกเมื่อสัมผัส: ลองบีบส้มเบาๆ ถ้ารู้สึกว่าเนื้อส้มนิ่มเกินไป หรือมีน้ำซึมออกมาแสดงว่าส้มอาจสุกเกินไป หรือถูกบีบมาแล้ว สีส้ม: ส้มที่สุกเกินไป สีจะเข้มกว่าปกติ และอาจมีจุดด่างๆ 4. ตรวจสอบผิวส้ม การสังเกตผิวส้มแมนดารินเป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยให้เราเลือกซื้อส้มได้อย่างถูกต้องและได้ส้มที่หวานฉ่ำ เพราะผิวส้มจะบ่งบอกถึงคุณภาพและความสดใหม่ของส้มได้เป็นอย่างดี ผิวส้มที่เรียบเนียนและสดใสบ่งบอกว่าส้มมีความสดใหม่ ไม่เหี่ยวเฉา หรือเก็บไว้นานเกินไป ผิวส้มที่ไม่มีรอยช้ำหรือรอยด่าง จะช่วยให้มั่นใจได้ว่าเนื้อในของส้มจะสมบูรณ์และไม่มีส่วนที่เสียหาย ผิวส้มที่ดูดีมักจะให้รสชาติที่หวานฉ่ำ และมีกลิ่นหอมสดชื่นค่ะ ซึ่งผิวส้มที่ควรหลีกเลี่ยง เช่น ผิวขรุขระ: ผิวส้มที่ขรุขระหรือมีรอยย่นบ่งบอกว่าส้มอาจจะเก็บไว้นานเกินไปหรือเริ่มเน่าเสีย สีซีด: ผิวส้มที่ซีดจางหรือมีสีเหลืองซีดแสดงว่าส้มอาจจะสุกเกินไป หรือเก็บไว้นานจนสีซีด รอยด่างดำ: รอยด่างดำบนผิวส้มอาจเป็นสัญญาณว่าเนื้อในของส้มเน่าเสีย รอยช้ำ: รอยช้ำบนผิวส้มจะทำให้รสชาติของส้มเปลี่ยนไป และอาจทำให้ส้มเน่าเสียเร็วขึ้น 5. สังเกตสิ่งแปลกปลอม นอกจากการสังเกตผิวส้มที่เรียบเนียนแล้ว การตรวจสอบสิ่งแปลกปลอมบนผิวส้มก็เป็นอีกหนึ่งขั้นตอนสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพราะสิ่งแปลกปลอมเหล่านี้อาจเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคและส่งผลต่อสุขภาพของเราได้ สิ่งแปลกปลอม เช่น แมลง หรือสิ่งสกปรก อาจปนเปื้อนมาจากกระบวนการปลูกหรือการขนส่ง สิ่งแปลกปลอมอาจส่งผลต่อรสชาติและกลิ่นของส้ม ทำให้ส้มมีรสชาติที่ไม่พึงประสงค์ โดยตัวอย่างขอสิ่งแปลกปลอมที่พบบนผิวส้ม เช่น แมลง: มด มอด ไร ไข่มด สิ่งสกปรก: ฝุ่นดิน เศษใบไม้ ขนสัตว์ เชื้อรา: อาจเห็นเป็นจุดสีดำหรือสีขาว 6. เลือกส้มที่มีขนาดพอเหมาะ ขนาดของส้มแมนดารินนั้นมีผลต่อรสชาติและคุณภาพของผลไม้ โดยทั่วไปแล้วส้มแมนดารินขนาดกลาง มักจะมีรสชาติหวานฉ่ำและอร่อยกว่าส้มขนาดเล็กหรือใหญ่เกินไป และเหตุผลที่ควรเลือกส้มขนาดกลางก็เพราะว่า ส้มขนาดกลางมักจะมีการกระจายของน้ำตาลที่สมดุล ทำให้รสชาติหวานอร่อยทั่วทั้งผล ส้มขนาดกลางมักจะสุกกำลังดี ไม่สุกเกินไปหรือดิบเกินไป ทำให้ได้รสชาติที่กลมกล่อม ส้มขนาดกลางจะมีปริมาณเนื้อที่พอเหมาะ ไม่มากเกินไปหรือน้อยเกินไป ทำให้ได้อัตราส่วนของเปลือกต่อเนื้อที่เหมาะสม ในขณะที่ส้มแมนดารินขนาดเล็ก อาจมีเปอร์เซ็นต์ของเปลือกมากกว่าเนื้อ ทำให้ได้เนื้อน้อย และรสชาติอาจไม่หวานชื่นเท่าที่ควร ส่วนส้มแมนดารินขนาดใหญ่ อาจสุกเกินไปหรือมีเมล็ดเยอะ จึงทำให้รสชาติเปรี้ยวหรือเนื้อแห้งได้ค่ะ 7. หลีกเลี่ยงการซื้อส้มในปริมาณมากเกินไป การเลือกซื้อส้มแมนดารินในปริมาณที่พอเหมาะเป็นเรื่องสำคัญมากค่ะ เพราะหากซื้อมากเกินไป อาจทำให้ส้มเน่าเสียก่อนที่จะได้รับประทานหมด เนื่องจากส้มเป็นผลไม้ที่มีอายุการเก็บรักษาจำกัด หากซื้อมากเกินไป ส้มอาจสุกเกินไป หรือเน่าเสียก่อนที่จะได้รับประทานค่ะ แต่การซื้อส้มในปริมาณที่พอเหมาะจะช่วยให้ส้มคงความสดใหม่ได้นานขึ้น ดังนั้นแทนที่จะซื้อส้มทีละมากๆ ลองซื้อทีละน้อยๆ เพื่อความสดใหม่ และเปลี่ยนเป็นเลือกซื้อได้บ่อยครั้งแทนค่ะ 8. สังเกตสภาพแวดล้อมในการจัดเก็บ การสังเกตสภาพแวดล้อมในการจัดเก็บส้มแมนดารินเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพราะสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมจะช่วยยืดอายุการเก็บรักษาและรักษาคุณภาพของส้มให้อยู่ได้นานขึ้นค่ะ เพราะสภาพแวดล้อมที่ชื้นหรืออับชื้นเป็นแหล่งเพาะพันธุ์เชื้อรา ซึ่งอาจทำให้ส้มเน่าเสียได้ อุณหภูมิที่สูงเกินไปหรือต่ำเกินไปอาจส่งผลต่อรสชาติและคุณภาพของส้ม สภาพแวดล้อมที่ไม่สะอาดอาจดึงดูดแมลงมาทำลายส้ม การมีอากาศที่ถ่ายเทได้สะดวกจะช่วยลดความชื้นและป้องกันการเกิดเชื้อรา และสถานที่จัดเก็บควรสะอาด ปราศจากฝุ่นละอองและสิ่งสกปรกต่างๆ ไม่โดนแสงแดดเพราะการสัมผัสแสงแดดโดยตรงอาจทำให้ส้มเสียรสชาติและสีสันค่ะ 9. เลือกซื้อส้มแมนดารินในช่วงฤดูกาล ส้มแมนดารินที่เราเห็นวางขายในประเทศไทยนั้น มีแหล่งที่มาที่หลากหลาย ทั้งจากภายในประเทศและต่างประเทศค่ะ ซึ่งแต่ละแหล่งก็จะมีลักษณะและรสชาติที่แตกต่างกันไปเล็กน้อย โดยประเทศไทยของเราก็มีการปลูกส้มแมนดารินเองนะคะ โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือ เช่น เชียงใหม่ เชียงราย และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เช่น เลย หนองคาย ซึ่งสภาพอากาศหนาวเย็นและดินที่อุดมสมบูรณ์ ทำให้ส้มที่ปลูกออกมาได้รสชาติหวานฉ่ำ และมีคุณภาพดีค่ะ ส้มแมนดารินในประเทศไทยนั้น โชคดีที่เราสามารถหาซื้อได้เกือบตลอดทั้งปีนะคะ เนื่องจากสภาพอากาศของประเทศไทยเอื้ออำนวยต่อการปลูกส้มแมนดารินหลายสายพันธุ์ และเรายังมีการนำเข้าส้มจากต่างประเทศอีกด้วย เช่น ประเทศจีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และสหรัฐอเมริกา และฤดูกาลของส้มแมนดารินในแต่ละประเทศ คือ จีน: จีนเป็นผู้ผลิตส้มแมนดารินรายใหญ่ของโลก มีการปลูกส้มแมนดารินหลากหลายสายพันธุ์ ทำให้มีผลผลิตตลอดทั้งปี แต่ช่วงที่ส้มมีคุณภาพดีที่สุดและมีปริมาณมากที่สุดมักจะเป็นช่วงฤดูใบไม้ร่วงถึงฤดูหนาว ญี่ปุ่น: ญี่ปุ่นมีส้มแมนดารินหลายสายพันธุ์เช่นกัน ช่วงฤดูกาลเก็บเกี่ยวจะแตกต่างกันไปตามสายพันธุ์ แต่โดยทั่วไปจะอยู่ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงถึงฤดูหนาว เกาหลีใต้: เกาหลีใต้มีส้มแมนดารินที่ขึ้นชื่อเรื่องความหวานและรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ ช่วงฤดูกาลเก็บเกี่ยวจะอยู่ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงถึงต้นฤดูหนาว สหรัฐอเมริกา (แคลิฟอร์เนีย): ส้มแมนดารินจากแคลิฟอร์เนียมีชื่อเสียงเรื่องขนาดใหญ่และรสชาติหวาน ช่วงฤดูกาลเก็บเกี่ยวจะอยู่ในช่วงฤดูหนาวถึงต้นฤดูใบไม้ผลิ อย่างไรก็ตามถึงแม้จะมีส้มแมนดารินให้ทานตลอดปี แต่ช่วงเวลาที่ส้มแมนดารินในไทยจะมีรสชาติหวานฉ่ำและอร่อยที่สุด มักจะเป็น ช่วงฤดูหนาว ซึ่งเป็นช่วงที่ส้มได้รับแสงแดดและอุณหภูมิที่เหมาะสม ทำให้รสชาติหวานกลมกล่อม ดังนั้นหากคุณผู้อ่านต้องการลิ้มลองรสชาติของส้มแมนดารินที่ปลูกในไทย ลองไปเดินตลาดหรือซูเปอร์มาร์เก็ตในช่วงฤดูหนาวดูนะคะ รับรองว่าจะได้พบกับส้มแมนดารินที่หวานฉ่ำและอร่อยถูกใจอย่างแน่นอนค่ะ ยังไงนั้นตอนไปเลือกซื้อส้มแมนดารินก็อย่าลืมประยุกต์ใช้เคล็ดลับดีๆ ในนี้นะคะ เพราะแนวทางข้างต้นผู้เขียนก็ได้นำไปใช้ โดยมักซื้อส้มแมนดารินจากซุปเปอร์มาร์เก็ตใกล้บ้าน ที่จะดูขนาดของส้มแมนดารินเสมอ สังเกตผิวของส้มแมนดาริน และซื้อมาแค่พอดีทาน โดยเคล็ดลับในนี้สามารถเลือกส้มแมนดารินได้รวดเร็วขึ้นค่ะทุกคน ซึ่งผู้เขียนหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับคุณผู้อ่านไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง หากชอบบทความแบบนี้อีก ก็อย่าลืมกดติดตามหรือกดบุ๊กมาร์กหน้าโปรไฟล์ไว้นะคะ เพราะจะได้ไม่พลาดบทความใหม่ๆ ที่จะได้นำมาเผยแพร่ในเร็วๆ นี้ค่ะ เครดิตภาพประกอบบทความ ภาพหน้าปกและภาพประกอบเนื้อหาโดยผู้เขียน ออกแบบภาพหน้าปกใน Canva เกี่ยวกับผู้เขียน ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล จบการศึกษา: พยาบาลศาสตรบัณฑิต จากวิทยาลัยพยาบาลศรีมหาสารคาม กระทรวงสาธารณสุข และสาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต (อนามัยสิ่งแวดล้อม) จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น มีความสนใจและประสบการณ์เกี่ยวกับ: สุขภาพ จิตวิทยาเชิงบวก การจัดการน้ำเสียและสิ่งปฏิกูล บทความอื่นที่น่าสนใจโดยผู้เขียน https://food.trueid.net/detail/Wnx3BDZA5a1J https://food.trueid.net/detail/O7dmYXnN52m1 https://food.trueid.net/detail/Vpr1jDR9vY12 หิวใช่ไหม อยากหาของกินอร่อย ๆ ใช่หรือเปล่า ส่องร้านเด็ดร้านดังได้ที่ App TrueID โหลดฟรี !