อะโวคาโด กินตอนไหนดีที่สุด กินทุกวันดีไหม คุณประโยชน์ดีอย่างไร พร้อมวิธีการเลือกอย่างละเอียด รับรองเลยว่า จะได้รู้จักกับสุดยอดของผลไม้สายสุขภาพนี้ดียิ่งขึ้นแน่นอนอะโวคาโด ทานตอนไหนดีที่สุด !?จริง ๆ แล้ว อะโวคาโดสามารถทานได้ในทุกช่วงเวลาตลอดทั้งวัน แต่เนื่องจากตัวอะโวคาโดเองนั้นมีแคลอรี่ค่อนข้างสูง จึงแนะนำให้หลีกเลี่ยงการทานอะโวคาโดในมื้อเย็น และมื้อค่ำ ดังนั้น ช่วงเวลาที่เหมาะสมอย่างยิ่งในการทานอะโวคาโด จึงควรเป็นมื้อเช้าเพราะเป็นมื้อที่ร่างกายสามารถนำพลังงานไปใช้ได้ตลอดทั้งวัน นอกจากนี้ อะโวคาโดเป็นผลไม้ที่มีใยอาหารสูง ดังนั้นการทานอะโวคาโดในมื้อเช้า นอกจากจะทำให้อิ่มท้องได้นานแล้วยัง ช่วยในเรื่องขับถ่ายได้ดีอีกด้วยอะโวคาโดมีกี่สายพันธ์ !??อะโวคาโดมีหลายสายพันธุ์มาก ๆ ซึ่งในเเต่ละสายพันธุ์ก็ให้รสชาติที่เเตกต่างกัน ดังเช่น สายพันธุ์ Hass , สายพันธ์ Gwen และสายพันธ์ Reed จะมีรสชาติเข้มข้น เหมือนถั่ว แต่สายพันธุ์ Zutano เเละ สายพันธ์ Bacon จะมีรสชาติอ่อนกว่า เป็นรสชาติแบบกลาง ๆ ทานง่ายประโยชน์ของอะโวคาโด มีอะไรบ้าง !?อะโวคาโด คือ ผลไม้ที่มีไขมันดีต่อสุขภาพ นอกจากจะช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลที่ไม่ดีแล้วยังมีประโยชน์ที่ดีอื่น ๆ อีกเพียบ ดังนี้1 ช่วยลดน้ำหนัก อะโวคาโดมีกรดโอเลอิกที่ช่วยกระตุ้นสมองให้อิ่มเร็ว ไม่หิวบ่อย และช่วยลดไขมันไม่ดีในเลือดให้ลดลง ทำให้มีผลให้น้ำหนักลงได้2 ช่วยให้ขับถ่ายได้ดี ลดอาการท้องผูก3 ช่วยลดไขมันที่ไม่ดี ลดคอเลสเตอรอลในเลือด จึงทำให้ไม่เกิดไขมันสะสม และช่วยลดการเกิดโรคหัวใจ และหัวใจตีบ4 ช่วยควบคุม และลดระดับน้ำตาลในเลือด5. ช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคปากนกกระจอก และอาการเหน็บชา6 ช่วยในการบำรุงสายตา และช่วยให้สุขภาพตาดีขึ้น7 ช่วยต้านสารอนุมูลอิสระ ช่วยปกป้องเซลล์ต่าง ๆ ภายในร่างกายไม่ให้ถูกทำลายจากมลพิษรอบตัว8 ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย ช่วยลดริ้วรอยแห่งวัย และช่วยบำรุงเส้นผม และผิวพรรณได้วิธีการเลือกอะโวคาโด และวิธีการเก็บรักษาการเลือกอะโวคาโด เลือกอย่างไรให้ได้ผลอะโวคาโดที่สด และใหม่ เหมือนเพิ่งเด็ดมาจากสวน จะนำมาปรุงเมนูไหน หรือ ทานกับอะไรก็อร่อยแน่นอนวิธีเลือก อะโวคาโด สามารถดูได้จากสีของขั้วอะโวคาโดเป็นหลัก หากสีของขั้วอะโวคาโดเป็นสีน้ำตาลเหลือง แปลว่า ผลอะโวคาโด ผลนี้สุกพร้อมรับประทานได้แล้ว แต่หากว่าเป็นสีน้ำตาลเข้ม แปลว่า ผลอะโวคาโดนี้สุกเกินไป และหากขั้วยังเป็นสีเขียวอยู่ แปลว่า ผลอะโวคาโดนี้ดิบ หรือ ยังไม่สุกนั่นเองอะโวคาโด สุกพร้อมรับประทาน สีของขั้วเป็นสีน้ำตาลเหลืองอะโวคาโด สุกเกินไป สีของขั้วเป็นสีน้ำตาลเข้มอะโวคาโด ดิบ หรือ ยังไม่สุก สีของขั้วเป็นสีเขียวเมื่อเลือกสีของขั้วอะโวคาโดแล้ว ให้ลองสัมผัสผลอะโวคาโดดูว่านิ่ม หรือ ยังแข็งอยู่ หากผลอะโวคาโด นิ่ม แปลว่า อะโวคาโดผลนี้สุกพร้อมรับประทาน แต่หากนิ่มเกินไป นั่นคือ สุกมานานแล้ว และหากสัมผัสแล้วผลอะโวคาโด ยังแข็งอยู่ แปลว่า ยังไม่สุก ซึ่งต้องดูสีของขั้วประกอบกันด้วยเสมออะโวคาโด สุกพร้อมรับประทาน ผลจะนิ่มอะโวคาโด สุกเกินไป หรือ สุกมานานแล้ว ผลจะนิ่มมากอะโวคาโด ดิบ หรือ ยังไม่สุก ผลจะแข็งสีของผลอะโวคาโดก็สามารถสังเกต และเลือกได้เช่นกัน หากอะโวคาโดมีสีเข้มมากไปถึงสีดำ แปลว่า ผลอะโวคาโดนี้สุกพร้อมรับประทานแล้ว หากยังมีสีเขียวอยู่อาจจะต้องรออีกซัก 2 - 3 วัน ก็จะสุกกำลังพอดี รับประทานได้อะโวคาโด สุกพร้อมรับประทาน ผลจะมีสีเข้มถึงสีดำอะโวคาโด ดิบ หรือ ยังไม่สุก ผลจะมีสีเขียว กรณีนี้ต้องรอประมาณ 2 - 3 วัน ก็จะสุกกำลังพอดีกลิ่นของอะโวคาโดก็สังเกตได้เช่นกัน หากกลิ่นของผลอะโวคาโดมีกลิ่นเเรง แปลว่า สุกแล้ว หากยังไม่มีกลิ่น แปลว่า ผลอะโวคาโดผลนี้ยังไม่สุกอะโวคาโด สุกพร้อมรับประทาน ผลจะมีกลิ่นแรงอะโวคาโด ดิบ หรือ ยังไม่สุก ผลจะยังไม่มีกลิ่นนอกจากนี้ การเลือกอะโวคาโด ยังจำเป็นต้องคำนึงถึงระยะเวลาที่ต้องการรับประทาน หรือ ระยะเวลาในการต้องการใช้ผลของอะโวคาโด ทั้งนี้เนื่องจากผลอาโวคาโดแต่ละลูกนั้น สุกไม่เท่ากัน ดังนั้นทางที่ดีที่สุด ก่อนที่จะเลือกอะโวคาโด คือ ต้องวางแผนก่อนว่าเราจะทานอะโวคาโดตอนไหน อยากทานเลย หรือ ซื้อมาเก็บไว้ก่อนค่อยรับประทานทีหลัง ทั้งนี้มีผลต่อการเลือกอะโวคาโดนั่นเอง หากต้องการทานเลยก็ให้เลือกผลอะโวคาโดที่สุก หากต้องการซื้อเก็บ และยังไม่ทาน ให้เลือกผลห่าม หรือ ยังดิบอยู่เพื่อรอระยะเวลาให้สุกเคล็ดลับในการเก็บรักษาอะโวคาโด เก็บอย่างไรไม่ให้ช้ำ และสามารถเก็บไว้นานกี่วันอะโวคาโดมีขั้นการสุก 5 ระดับ ดังนี้ระดับที่ยังดิบ หรือ แข็ง ควรเก็บไว้ในอุณหภูมิ 20 ถึง 25 องศาเซลเซียส ประมาณ 5 วันขึ้นไป ผลอะโวคาโดจะเริ่มสุก และรับประทานได้หากอยากเก็บให้นานกว่านี้ แนะนำให้ห่อด้วยกระดาษ และนำแช่ตู้เย็น จะทำให้คงความเขียวสดได้นานเพิ่มขึ่น 7-10 วัน โดยที่ไม่ช้ำเลยระดับที่ยังดิบ แต่เริ่มสุกบ้างแล้ว แนะนำให้เก็บที่อุณหภูมิ 20 ถึง 25 องศาเซลเซียสเช่นกัน ประมาณ 4 - 5 วัน ผลอาโวคาโดก็จะเริ่มสุก และรับประทานได้ระดับที่เริ่มสุก แนะนำให้เก็บที่อุณหภูมิ 20 ถึง 25 องศาเซลเซียส รอประมาณ 2 วัน ผลอาโวคาโดก็จะสุกระดับที่สุกกำลังดีพร้อมรับประทาน อาโวคาโดระดับนี้จะมีเนื้อที่เฟิร์มกำลังดีสามารถทานแบบสด ๆ ได้เลยระดับที่สุกมากเกินไป และเริ่มนิ่มแล้ว ระดับนี้อะโวคาโดจะมีเนื้อที่นิ่ม เหมาะสำหรับนำมาปรุงเป็นเมนูอร่อย ๆ มากมายหากอยากเก็บอะโวคาโดสุกแล้วให้ได้ทานได้นานขึ้นให้ผ่าอะโวคาโดออกแล้วทาด้วยน้ำมันบาง ๆ ให้ทั่วเนื้ออะโวคาโด หรือ จะทาด้วยมะนาวบาง ๆ ให้ทั่ว และเก็บใส่กล่องแช่เย็นไว้ วิธีนี้เนื้ออะโวคาโดจะไม่ช้ำ และไม่ดำ สามารถเก็บได้สดนานถึฝ 3-5 วัน พบกันใหม่ Ep หน้านะค้าาาาา 🌟🌟🌟🌟🌟🌟🌟🌟🌟🌟🌟🌟🌟🌟🌟🌟🌟🌟🌟🌟🌟🌟 ภาพหน้าปก และถ่ายทั้งหมดในบทความนี้ By BabePays 🐷บทความนี้เรียบเรียง และเขียนโดย BabePays 🐷 เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !