เมื่อวานนี้แอบดอดไปจิบไวน์เก๋ๆ ที่ Homecoming คาเฟ่สไตล์สุดมินิมอลร้านประจำมาค่ะ เลยอยากรวบรวมบรรยากาศดีๆ มารีวิวให้เพื่อนๆ ได้ดูกัน โดยเฉพาะเพื่อนๆ คนไหนที่อยู่ในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่สนใจอยากมานั่งจิบไวน์ดีๆ ท่ามกลางบรรยากาศชิลๆ อาหารอร่อยลงตัว เพลงก็เสริมมู้ดได้ดีสุดๆ ตอนนี้คาเฟ่ Homecoming กำลังมีงานนั่งชิล แบบเปิดใจจอยๆ กับ Everything in Between อีเวนต์ชิลๆ ส่งท้ายปี 2022 ที่ยังเปิดจองโต๊ะและเข้ามาชิลกันได้จนถึงวันที่ 11 ธันวาคม 2565 นี้ บรรยากาศจะเป็นอย่างไรบ้างมาจอยกันต่อได้เลย EVERYTHING IN BETWEEN เพราะทุกสิ่งล้วนถูกร้อยเรียงเข้าด้วยกัน https://www.instagram.com/p/Cl58S-WPNfG/?utm_source=ig_web_copy_linkEVERYTHING IN BETWEEN เป็นอีเวนต์เล็กๆ ที่จัดอยู่ในร้านคาเฟ่ Homecoming ตั้งแต่วันที่ 9-11 ธันวาคม 2565 เป็นการ Cross Over กันระหว่าง Homecoming ที่จัดเมนูพิเศษมาให้เราได้เอ็นจอยกันถึง 6 จาน ตามมาด้วย Grapey ที่ยกทัพเอา Natural WINE รสเลิศมาให้เราได้ลิ้มรสกันกว่า 15 Labels ส่วนตัวเราประทับใจชื่ออีเวนต์อย่าง EVERYTHING IN BETWEEN มาก ฟังแล้วมันดู Cozy อบอวลไปด้วยมวลพลังของความเป็นหนึ่งเดียวกัน มีโอกาสได้สอบถามกับพี่เจ้าของร้านคาเฟ่ ที่ทางร้านตั้งใจสื่อถึง ความเชื่อมโยงกันของทุกสิ่งอย่างที่เกิดขึ้นในอีเวนต์นี้ ตั้งแต่บรรยากาศในร้าน พนักงานที่ยิ้มแย้มเป็นกันเอง ลูกค้าที่มาเพื่อการพักผ่อนหย่อนใจ เสียงเพลงที่เคล้าคลอ เครื่องดื่มรสเลิศจากธรรมชาติ และอาหารจานพิเศษ บรรยากาศในร้านถูกจัดให้ค่อนไปทางมืด มีแค่แสงไฟสลัวๆ จากโคมไฟสีทองดีไซน์เก๋ที่กลางโต๊ะของแต่ละโต๊ะเท่านั้น (อ้อ แอบกระซิบเพิ่มว่าต่อวันเขาเปิดรับแค่เพียง 8 โต๊ะเท่านั้นค่ะ บรรยากาศชิลๆ คนไม่แน่นจนเกินไป) เมื่อเดินเข้าร้าน พี่เจ้าของร้านก็จะเข้ามาต้อนรับด้วยความเป็นกันเองและเชิญไปโต๊ะที่เรา reserved เอาไว้ พร้อมนำใบรายการอาหารพิเศษและรายชื่อ Wine มาให้เราได้เลือก ซึ่งเมนูอาหารแต่ละเมนูทางร้านก็คัดเลือกเมนูที่เหมาะกับการดื่มคู่กับไวน์มาแล้วเป็นอย่างดีVEGGIES DASHI ผักย่างซอสดาชิPRAWN STAR กุ้งแทมบัสผัดเนยทอดกระเทียมหอมๆ เสิร์ฟคู่โนริสาหร่าย และแตงกวาดองLOFT STONE หอยนางรมพอนสึ ใช้หอยนางรมสดจากฟาร์มท้องถิ่นในจังหวัดสุราษฎร์ธานีFISHERMAN FAVOURITE ปลาช่อนทะเล จัดเสิร์ฟแบบซาชิมิMAGIC PASTA เฟตูชินี่ผัดเห็ดแชมปิญองHOTEL MOSMAN คลาสสิกสเต๊กNEVER TOO MUCH เค้กช็อกโกแลตสูตรไร้แป้ง + ไอศกรีมวานิลลา ส่วนไวน์ที่ทาง Gapey จัดมาก็น่าสนใจไปหมด มีให้เลือกมาถึง 15 labels มีทั้ง Red Wine / Skin Contact / Rose Wine และ White Wine สามารถสั่งแบบขวด โดยทางร้านจะมารีฟิลให้เรื่อยๆ หรือจะสั่งเป็นแก้วก็ได้เหมือนกันค่ะ (แบบแก้ว จะมีแค่เฉพาะ Red Wine / Skin Cantact : YETTI AND KOKONUT เท่านั้นค่ะ) ซึ่งส่วนตัวเราเป็นคนที่ไม่ค่อยดื่ม และไม่ค่อยมีความรู้ด้านไวน์เท่าไหร่เหมือนกัน ตรงนี้ไม่ต้องกังวลไปเลย เพราะทางร้านจะให้คำแนะนำเราเป็นอย่างดี สามารถบอกความต้องการได้เลยค่ะ ว่าอยากลองดื่มสัมผัสแบบไหน แบบเข้มๆ หรือแบบไลท์ๆ ดื่มสบาย ทางร้านจะแนะนำไวน์ที่เหมาะกับเรา แก้วไวน์ที่ทางร้านจัดเตรียมไว้ให้ มีการเพิ่มกิมมิกเล็กๆ ด้วยการให้เราเขียนข้อความ หรือชื่อของเราลงไปบนตัวแก้วได้ด้วย (มีความคล้ายกาแฟเงือกเขียว ฮา) ว่าแล้วก็วาดลวดลายแบบฉูดฉาดเลยทันที ด้วยการเขียนนามปากกาลงไป ซึ่งน่าจะมีแค่เราที่อ่านออกแค่คนเดียว (ฮา) เลือกเมนูเสร็จ ก็จิ้มสั่งไปจนครบพร้อมกับไวน์ ระหว่างที่กำลังนั่งรอ ชิลๆ ไปกับบรรยากาศ ทางร้านจะมีเมนู Local Appetizer จัดให้ฟรี ซึ่งเป็นเมนูเทมปุระปลาทราย ที่ใช้ปลายทรายจับสดใหม่จากเรือประมงท้องถิ่นในตำบลพุมเรียง มาทอดกรอบ คลุกเข้ากับพริกญี่ปุ่นและเห็ดทอด เราชื่นชมความเอาใจใส่ไปถึงผลผลิตและการกระจายรายได้ไปยังหลายๆ ส่วนภายในจังหวัดของร้านมากๆ ค่ะ เนื้อปลาสดใหม่รสหวานอร่อย ชุบแป้งในความหนากำลังดี ทอดมาแบบใหม่ๆ เนื้อปลาหวาน ได้ความกรอบจากแป้งเทมปุระด้านนอก มีเห็ดทอดแกล้มมาด้วยเล็กน้อย จิ้มน้ำจิ้มรสเค็มนิดๆ จัดเป็นจานเรียกน้ำย่อยที่ลงตัวเลยทีเดียว ส่วนอีกเมนูที่เราเลือกสั่งมา คือ VEGGIES DASHI ผักย่างซอสดาชิ ความน่าสนใจคือมีผักที่หลากหลาย ทั้งซูกินี่ มะเขือม่วง แคร์รอต มะเขือเทศเชอร์รีและพริกหวานแดง จัดเสิร์ฟมาใน portion กำลังดี ผักสีตัดกันน่าทานมาก รสชาติเค็มกำลังดี หอมกลิ่นเครื่องเทศ ผักสดใหม่มีความหวานในตัว รสเข้ากันดีมากๆ ระหว่างที่กำลังนั่งละเลียดอาหารไปทีละนิด (อาจจะไม่นิดเพราะว่าในภาพคือจะหมดแล้ว 55+) ทางร้านก็นำไวน์ที่สั่งไว้มาเสิร์ฟ โดยไวน์ที่เราสั่งไปจะเป็นแบบแก้ว 2 แก้ว คือ Red Wine และ Skin Cantact : YETTI AND KOKONUT อย่างละ 1 แก้ว ( 350.- บาท / แก้ว) ตรงนี้ออกตัวนิดนึงว่าเราเองก็ไม่ได้ช่ำชองเรื่องไวน์เลย ในระหว่างกำลังรินไวน์ ทางร้านจะอธิบายคร่าวๆ ให้เราฟังเกี่ยวกับ Base รสชาติไวน์แต่ละแก้วว่าเป็นอย่างไรบ้าง รสชาติจะประมาณไหน เมื่ออุณหภูมิเปลี่ยนไปแล้วรสชาติจะปรับไปอย่างไร ซึ่งทางร้านจะมีการ์ดรายละเอียดไวน์ที่เราสั่งมาให้เราได้ดูรายละเอียดด้วยค่ะ เรียกว่าเอาใจใส่สุดๆ อย่างใบนี้จะเป็นของตัว Red Wine ที่ตัวรสชาติจะมีแครนเบอร์รี ทับทิม เชอร์รี และ red licorice และด้านล่างจะบอกว่าควรดื่มคู่กับเมนูไหน ซึ่งไวน์แดงก็ควรดื่มคู่กับพวกเมนูเนื้อหมู เนื้อปลา เนื้อวัว และของหวาน อย่างที่บอกไปเลยค่ะว่าไวน์ที่เขาคัดมาเป็น Natural Wine ซึ่งเป็นไวน์ที่เน้นการหมักบ่มด้วยวิธีธรรมชาติ ใส่สารเคมีเพื่อปรุงแต่งแบบน้อยที่สุด ตัวรสชาติของไวน์จึงใสมาก อย่างไวน์แดงก็จะมีสัมผัสที่เข้ม หวานเล็กน้อย กลิ่นแอลกอฮอล์เบา หรืออย่างแก้ว Skin Contact ของเราก็จะมีความใสและเบา ดื่มง่ายมากกว่า (เหมาะสำหรับคนไม่ค่อยดื่มแบบเรา) ยิ่งจังหวะแรกที่ไวน์กำลังเย็นๆ ดื่มง่าย รสชาติดี ตัดกับอาหารที่ทยอยมาเสิร์ฟเรื่อยๆ ได้ดีเลยค่ะ ดื่มไวน์ไปสักพักอาหารจานที่สองก็มาเสิร์ฟพอดีค่ะ สั่งมาเพราะเห็นว่าเป็น ปลาช่อนทะเล แถมยังเสิร์ฟแบบซาชิมิด้วย!! กับจานนี้ FISHERMAN FAVOURITE ปลาช่อนทะเล จัดเสิร์ฟแบบซาชิมิ เห็นเมนูก็ร้องเอ้ะ...ว่ามันจะคาวไหม แต่พอได้เห็นจานและลองชิม ก็เข้าใจเลยว่าทำไมถึงเมนูนี้ติดโผเข้ามาในเมนูพิเศษด้วย เนื้อปลาช่อนทะเลเนื้อมัน หวานและสด มีความเด้งสู้ลิ้นเล็กน้อย กลิ่นปลาน้อยมากถึงมากที่สุด ไม่ทำให้รู้สึกคาวเลยค่ะ ตัดกลิ่นสร้างความเฟรชให้จานด้วยผักชีลาว หัวหอม น้ำมันมะกอก และกระเทียมเล็กน้อย จานนี้เรียกว่า perfect เลยจริงๆ มากินแบบเอาจริงเอาจังมาก ผ่านไปสัก 10-15 นาที เมนูเนื้อที่สั่งไว้ก็ตามมาเป็นอย่างสุดท้ายกับจานนี้ HOTEL MOSMAN คลาสสิกสเต๊ก ที่เราสั่งแบบมีเดียมแรร์มาค่ะ เมนูนี้ตัวเนื้อชิ้นเล็กกว่าที่เราคิดไปหน่อย บวกกับแอบคิดว่าผักเครื่องเคียงจะจัดเต็มอีกนิด โดยรวมความสุกของเนื้อกำลังดี ด้านในฉ่ำ เสิร์ฟมาคู่กับ เกรวี่ซอส มันบดโฮมเมด ที่รสชาติมัน เค็มกำลังดี และผักวอเตอร์เครส ว่าแล้วก็รีฟิลไวน์เพิ่มกันอีก 2-3 แก้ว กระเพาะคาวเต็มแล้ว ก็ไม่ควรปล่อยให้กระเพาะของหวานว่างเปล่า เพราะของหวานและขนมเค้กมัน NEVER TOO MUCH สมชื่ออยู่แล้ว!! ชอบมากที่เป็นเค้กแบบไร้แป้ง เนื้อเค้กด้านนอกสุกกำลังดี ด้านในมีความเป็นลาวาช็อกโกแลตที่ยังอุ่นๆ นิด ตัดกับความหวานเย็นของไอศกรีมวานิลลาที่ท้อปมาด้านบน คือ อร่อยมาก ยิ่งได้จิบคู่กับไวน์แดงคือที่สุด!! สรุปรวมความประทับใจบรรยากาศแสนชิล @Homecoming EVERYTHING IN BETWEENบรรยากาศ 10/10 บรรยากาศอบอวลไปด้วยความสบาย ความอบอุ่น ความน่ารักและเอาใจใส่ของเจ้าของร้าน และพี่ๆ พนักงานทุกคนค่ะ บรรยากาศมืดๆ ของร้านมันชวนให้เราสบายใจ นั่งคุยกับคนอีกฝั่งของโต๊ะได้แบบไพรเวต อากาศเย็นสบายกำลังดี และที่สำคัญเพลงดีสุดๆอาหาร 9/10 เราว่าเมนูอาหารมีความน่าสนใจหลายเมนูเลยค่ะ เมนูที่แนะนำว่าต้องสั่งเลยก็คือ VEGGIES DASHI ผักย่างซอสดาชิ / FISHERMAN FAVOURITE ปลาช่อนทะเล จัดเสิร์ฟแบบซาชิมิ และของหวานอย่าง NEVER TOO MUCH รับประกันว่าอร่อยไม่มีผิดหวัง ด้านอาหารเราชอบในความเอาใจใส่ชุมชนรอบข้างด้วยการเลือกเอาวัตถุดิบหลักในจังหวัดสุราษฎร์ธานีมาใช้ เพื่อกระจายรายได้ไปอีกทางด้วยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นปลาทราย หอยนางรม และปลาช่อนทะเล ที่ถูกเอามาปรุงเป็นเมนูที่แปลกใหม่และน่าสนใจทุกจานไวน์ ตรงนี้เราขอเว้นส่วนคะแนนไว้หน่อยค่ะ เพราะเราไม่ถนัดด้านไวน์เลยจริงๆ แต่รับรองได้เลยว่าการไปลองดื่มในอีเวนต์นี้จะเปิดโลก Natural Wine ให้คุณได้อย่างแน่นอน ด้วยสัมผัสของไวน์ที่แตกต่างไปจากไวน์ที่เราเคยดื่มกันมา มีให้เลือกมากกว่า 15 Labels ร้านให้บริการและช่วยให้ข้อมูลเกี่ยวกับไวน์กับเราได้ดีมากๆ ใครเป็นที่คอไวน์ สายไวน์ ชอบไวน์แปลกๆ เราว่าห้ามพลาดเลยค่ะการบริการ/ Service mind 10/10 เรื่องนี้เอาใจเราไปเต็มๆ ค่ะ เพราะทุกคนทั้งเจ้าของร้าน และพี่ๆ พนักงานคือยิ้มแย้ม น่ารัก และเป็นกันเองมากๆ เหมือนเราได้ไปนั่งจอยๆ ชิลๆ กับเพื่อนเลยจริงๆ และนี่ก็เป็นสรุปรวมบรรยากาศสุดชิคจากอีเวนต์สุดชิลอย่าง EVERYTHING IN BETWEEN ที่ร้าน Homecoming ชาวสุราษฏร์ฯ คนไหนที่สนใจอยากไปลองดื่มด่ำบรรยากาศค่ำๆ ท่ามกลางสวนยาง อากาศเย็นๆ ไวน์ดีๆ อาหารอร่อย สามารถสอบถามเข้าไปที่เพจของร้าน Homecoming ได้เลยค่ะ อีเวนต์มีจนถึงวันที่ 11 ธันวาคม 2565 นี้เท่านั้น ส่วนข้อมูลการเดินทาง เราแนบ map มาด้วยค่ะภาพหน้าปก โดย ผู้เขียน แต่งด้วย canvaภาพเนื้อหา : ภาพที่ 1 จาก homecoming.cafe / ภาพที่ 2-15 โดย ผุู้เขียนหิวใช่ไหม อยากหาของกินอร่อย ๆ ใช่หรือเปล่า ส่องร้านเด็ดร้านดังได้ที่ App TrueID โหลดฟรี !