La Vie ร้านอาหารฝรั่งเศสระดับหรูหราในโรงแรม VIE Hotel โรงแรมแห่งนี้เป็นโรงแรมระดับ 4 ดาวที่มีร้านอาหารหรูๆอยู่หลายแห่ง รวมถึงห้องอาหารฝรั่งเศสแห่งนี้ด้วยครับ ร้านนี้นั้นได้เชฟชื่อดังจากฝรั่งเศสลงมาควบคุมงานโดยตรง ทำให้เชื่อมือได้เลยว่าอาหารฝรั่งเศสของทางร้านเนี่ยรสชาติ authentic และอร่อยถูกใจไม่ต่างกับการไปทานในประเทศฝรั่งเศสอย่างแน่นอน [วิธีการเดินทาง] ร้านนี้ตั้งอยู่ที่ชั้น 11 ของโรงแรม VIE Hotel Bangkok ในย่านราชเทวีครับ เข้ามาแล้วขึ้นมาที่ชั้น 11 ออกมาก็จะเจอห้องอาหารนี้เลยครับ โรงแรมนั้นอยู่ติดกับรถไฟฟ้าสถานีราชเทวีพอดีเลย ฉะนั้นการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าน่าจะเป็นวิธีที่สะดวกที่สุดครับ แต่ถ้าใครอยากขับรถมาก็สามารถนำรถมาจอดในโรงแรมได้ด้วยเช่นกัน อย่าลืมนำบัตรจอดรถมาให้ทางห้องอาหารแสตมป์ด้วยนะครับ [บรรยากาศ/การบริการ] ร้านนี้บรรยากาศดี มีอุปกรณ์ในการทานพร้อมกับจัดโต๊ะได้สวยงามน่านั่งมากครับ วิวด้านนอกนั้นสามารถเห็นวิวรถไฟฟ้าแล้วก็กรุงเทพในยามค่ำคืนได้เยอะพอสมควรเลยครับ บรรยากาศด้านในห้องอาหารนั้นก็เหมาะกับการมาเดทเป็นอย่างยิ่ง ร้านกว้างขวาง จุลูกค้าได้เยอะพอสมควรครับ แต่ถ้าอยากได้วิวดีๆสวยๆ ริมหน้าต่างแนะนำให้โทรมาจองโต๊ะไว้ก่อนดีกว่าครับ ลูกค้าในร้านนั้นไม่เยอะเท่าไรในวันที่ผมไปทาน เรียกได้ว่าค่อนข้างเงียบหน่อยๆเลยก็ว่าได้ครับ ทำให้วันที่ไปทานนั้นค่อนข้างจะเป็นส่วนตัวอยู่พอสมควรเลย พนักงานนั้นคอยดูแลตั้งแต่เข้าร้านมาจนถึงออกจากร้าน ดูแลใกล้ชิดและดีมาก สอบถามถึงอาหารตลอด อยากได้อะไรเพิ่มเติมบอกพนักงานนั้นก็รีบนำมาให้อย่างรวดเร็ว ถือว่าประทับใจมากครับ หลังจากออเดอร์เมนูไปเสร็จปุ๊ป พนักงานจะนำขนมปังมาเสิร์ฟพร้อมกับเนยให้ทานเป็น complementary ก่อนอย่างแรกเลยครับ ขนมปังนั้นก็จะมีทั้งแบบปกติแล้วก็แบบบาเก็ต สามารถบอกพนักงานที่เดินมาเสิร์ฟได้เลยว่าอยากทานแบบไหนครับ นอกจากขนมปัง complementary แล้ว ทางร้านก็ยังเสิร์ฟ stick ขนมปังกรอบแท่งยาวบางๆมาให้ทานเพิ่มเติมก่อนที่เมนู Starter จะมาเสิร์ฟอีกด้วยครับ Foie Gras Escalop / Raspberry Coulis / Rocket Salad - เมนูเรียกน้ำย่อยของผมนั้นเลือกเป็นฟัวกราจากประเทศฝรั่งเศสที่นำไปทอดกรอบจนเกรียมน่าทาน ทางร้านเสิร์ฟมาบนขนมปังโลฟพร้อมกับราสเบอรี่หั่นโปะไว้ แล้วก็ราดมาด้วยซอสราสเบอรี่ ข้างๆกันก็มีสลัดร็อคเก็ตให้ทานด้วยเช่นกันครับ ฟัวกรานั้นอร่อยใช้ได้ครับ กรอบนอกนุ่มใน กึ่งสุกกึ่งดิบ ทานแล้วอร่อยไปอีกแบบ ซอสราสเบอรี่นั้นก็เข้มข้นใช้ได้ ผมไม่ค่อยชอบซอสราสเบอรี่เท่าไร วันนี้เลยเน้นทานฟัวกรากะขนมปังไปแทน ซึ่งก็ถือว่าไม่เลวร้ายครับ (3/5) Snow Fish / Mushroom Ragout / Sautéed Baby Spinach / Fish Veloute Emulsion - เมนูนี้เป็นปลาหิมะชิ้นหนาใหญ่นำไปทอดแบบ pan-fried ทำให้เนื้อด้านนอกนั้นกรอบนอก หอมอร่อย ทางร้านเสิร์ฟมาบนผักโขมเน้นๆ ด้านล่างเป็นทะเลซอสเวลูเต้สไตล์ฝรั่งเศสที่รสชาติจะออกครีมมี่มากๆ หวานมัน ทานคู่กับปลาหิมะเป็นอะไรที่อร่อยใช้ได้เลยทีเดียวครับ ปลาหิมะนี่ถือว่าเป็นไฮไลท์ของเมนูที่นี่เลยครับ (4/5) 150-Day Grain Fed Ribeye Steak / Truffle Purée with Beef Jus - เมนูนี้เป็นเมนูเนื้อริบอายจากประเทศออสเตรเลียที่ถูกเลี้ยงด้วยธัญพืชล้วนมากว่า 150 วัน ทำให้เนื้อนั้นมีความนุ่มอร่อย ทางร้านนำไปทำเป็นสเต็กแบบ medium rare ก่อนที่จะราดมาด้วยซอสสูตรพิเศษของทางร้าน ข้างๆกันก็ยังมีสวนผักสลัดย่อมๆราดมาด้วยซอสที่ก็อร่อยเช่นกัน ตัวเนื้อนั้นชิ้นเล็กไปหน่อในความคิดผม แถมยังย่างมาได้ไม่นุ่มเท่าที่ควร ถือว่าค่อนข้างธรรมดาครับสำหรับเมนคอร์สจานนี้ (3/5) Dark and White Chocolate Millefeuille - เมนูนี้เป็นมิลเฟย์สไตล์ฝรั่งเศสที่ใช้แผ่นดาร์คช็อกโกแลตมาวางเป็นชั้นๆสอดไส้มาด้วยไวท์ช็อกโกแลตมากมาย เรียกได้ว่าคนชอบช็อกโกแลตนั้นถูกใจแน่นอนครับ ทางร้านเสิร์ฟมาพร้อมกับไอศครีมราสเบอรี่ รสชาติเปรี้ยวนำ ทานแล้วยังไม่ค่อยชอบเท่าไร สำหรับเมนูนี้ครับ (2/5) Chocolate Fondant with Vanilla Ice-Cream - เมนูนี้ชื่อเมนูฟองดูแต่จริงๆแล้วทางร้านเสิร์ฟมาเป็นช็อกโกแลตภูเขาไฟลาวาที่เจาะแล้วไหลเยิ้ม พร้อมกับไอศครีมวานิลลาไว้ให้ทานคู่กัน รสชาติของช็อกโกแลตลาวานั้นเข้มข้นอร่อยใช้ได้ ไอศครีมวานิลลาค่อนข้างเฉยๆไปหน่อยครับ (3/5) โดยรวมแล้ววันนี้อาหารของทางร้านนั้นอยู่ในระดับที่เรียกว่าพอใช้ได้เท่านั้นครับ ไม่ได้อร่อยว้าวเท่าไร เซตของวงในนั้นก็ช่วยเพิ่มความคุ้มประหยัดไปได้เยอะเพราะจ่ายไปเพียงแค่ 699++ บาทเท่านั้น แต่ก็ไม่ได้รวมเครื่องดื่ม ซึ่งวันนี้ผมสั่งเครื่องดื่มเป็นไวน์มาทานเพิ่มเติม ก็จ่ายเพิ่มไปอีกนิดหน่อยครับ