กระบก เป็นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ที่มักขึ้นอยู่ตามป่า ซึ่งเราสามารถที่จะนำเมล็ดของมันมากินได้ แถวไร่ของผู้เขียนนั้นค่อนข้างจะหาได้ง่ายเรียกว่าเดินไปทางไหนก็เจอแต่ต้นกระบก แค่เฉพาะในไร่ของผู้เขียนก็มีอยู่ถึงห้าต้นแล้ว สามารถที่จะเก็บเอาเมล็ดมากินกันทั้งปีก็ไม่มีหมด จริง ๆ กระบกในไร่ทั้งห้าต้นก็เคยมีคนจากต่างหมู่บ้านมาขอเก็บไปแล้วรอบนึง ซึ่งผู้เขียนก็ให้เก็บไปเลยไม่ได้คิดเงินแต่อย่างใด และหลังจากวันนั้นผู้เขียนก็คิดว่าคนที่มาเก็บคงเก็บเอาไปหมดแล้ว แต่พอได้เข้าไปเดินสำรวจดู กลับกลายเป็นว่ายังเหลือเมล็ดกระบกกองอยู่บนพื้นอีกเยอะมาก ผู้เขียนจึงเอากระสอบไปตามเก็บไว้กระบกใต้ต้นที่ยังคงหลงเหลืออยู่และจะมาเขียนเป็นบทความให้เพื่อน ๆ ได้อ่านกันครับ ผลของกระบกนั้นจะมีสีเขียวห้อยรวมกันอยู่เป็นพวงใหญ่และค่อนข้างจะดกมาก จากนั้นพอถึงหน้าฝนก็จะเริ่มทยอยหล่นจากต้นลงมาสู่พื้นดิน ในช่วงเวลานี้จึงต้องระวังเป็นกันซักหน่อย เพราะผลของกระบกนั้นมีความแข็ง หากเดินไปใต้ต้นแบบไม่ระวังอาจจะโดนผลของมันหล่นลงมาใส่หัวได้ ซึ่งผลที่หล่นลงมากองกันอยู่เต็มพื้นจะกลายเป็นอาหารของวัวที่เดินผ่านไปมาและส่วนที่รอดจากการถูกวัวกินก็จะเน่าและกลายเป็นปุ๋ยให้กับดินบริเวณใต้ต้น เหลือไว้เพียงเมล็ดกระบกที่รอคอยให้เราได้ไปเก็บเอามากินกัน เปลือกเมล็ดกระบกนั้นจะมีน้ำตาลอ่อนและเข้มผสมกันไป ผิวของเปลือกมีลักษณะเป็นขนและขรุขระ เวลาเราจะเอาเมล็ดกระบกออกมา ก็จะต้องใช้พร้าหรือมีดที่มีคมผ่าลงบนเมล็ด เพื่อให้เปลือกของมันแยกออกจากกันเป็น 2 ซีก แล้วเราก็จะได้เป็นเมล็ดกระบกสีแดงปนน้ำตาลที่มีความมันวาว มองดูก็คล้ายกับเม็ดอัญมณี และภายใต้เปลือกสีแดงปนน้ำตาลนี้เองก็จะเป็นเนื้อสีขาวของเมล็ดกระบก ซึ่งเป็นส่วนที่เราจะเอามากินกันครับ เมื่อได้เมล็ดกระบกมาแล้ว วิธีการนำมากินก็คือเราจะต้องเอาเมล็ดของมันไปคั่วซะก่อนครับ โดยเอากระทะขึ้นตั้งไฟแล้วก็คั่วกับเกลือด้วยไฟอ่อน ๆ หากใช้ไฟแรงเกินไปเมล็ดกระบกมันจะไหม้เอาได้ ตอนคั่วเราจะรู้สึกได้ถึงกลิ่นที่หอม และรสชาติของเมล็ดกระบกหลังจากที่คั่วเสร็จแล้วนั้นจะมีสีเหลืองน่ากิน รสชาติจะคล้ายกับเมล็ดมะม่วงหิมพานต์ คือมีรสมัน ๆ สามารถนำมากินเป็นของกินเล่นได้อย่างเอร็ดอร่อยไม่แพ้กันเลยทีเดียว แต่ก็มีเรื่องที่ต้องระวังอยู่นิดนึง คือหากเรากินเมล็ดกระบกเยอะเกินไป จะเกิดอาการเวียนหัวขึ้นได้ เพราะฉะนั้นก็ต้องกินแค่พอดีเท่านั้นครับ ในทุกวันนี้ผู้คนแถวหมู่บ้านของผู้เขียนก็ไม่ค่อยได้สนใจที่จะเก็บเม็ดกระบกแล้วผ่าเอาไปขายเหมือนกับสมัยอดีตอีกแล้ว ด้วยความที่ผู้คนส่วนมากต่างก็มีงานในไร่และมีภารกิจในแต่ละวันจนแทบจะหาเวลาปลีกตัวไปไหนไม่ได้ ดังนั้นเมล็ดกระบกในผืนป่าที่หล่นลงมาจากต้นส่วนมากก็จะถูกเมินเฉยและปล่อยทิ้งเอาไว้แบบนั้นโดยไม่มีการเก็บมาทำอะไร ซึ่งก็เป็นที่น่าเสียดายมากเลยครับ รูปภาพทั้งหมดเป็นของผู้เขียน