เข้าสู่หน้าทุเรียนอีกครั้งสำหรับเมืองไทย ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ไอเจ้าทุเรียนลูกเขียวมีหนามรอบตัวแต่เนื้อในล้ำค่าดั่งทองคำนี้ เป็นผลไม้อันโอชะของใครหลาย ๆ คน ถึงแม้ว่าราคาจะแสนแพงซะเหลือเกินในช่วงนี้ แต่หลายคนก็ยังซื้อหามารับประทานจนบางครั้งของขาดตลาด ทั้งยังเป็นหนึ่งในสินค้าส่งออกที่สร้างรายได้ให้กับเกษตรกรชาวไทยอีกด้วย โดยส่วนตัวคิดว่าอร่อยคุ้มค่าการรอคอย ที่หนึ่งปีมีไม่บ่อยนัก และคุ้มที่จะจ่ายเพื่อแลกกับรสชาติอร่อยตามแบบฉบับของ "ราชผลไม้" ที่ไม่ว่าคนไทย คนจีน หรือคนต่างชาติที่เมื่อได้ทานแล้วเป็นต้องอยากทานอีก !! "ทุเรียน" มีหลากหลายสายพันธุ์ที่ให้รสชาติ และเนื้อสัมผัสแตกต่างกันไป สำหรับที่บ้านเรา (ภาคใต้ จังหวัดสงขลา) จะแบ่งทุเรียนออกเป็นสองประเภท คือ ทุเรียนบ้าน และทุเรียนพันธุ์ ความแตกต่างกันคือ ทุเรียนบ้านจะมีลูกเล็กและมีกลิ่นที่เป็นกลักษณะเฉพาะแรงกว่าทุกเรียนพันธุ์ แต่ทุเรียนพันธุ์จะมีขนาดลูกรวมทั้งพูทุเรียนใหญ่กว่าตามแต่ละสายพันธุ์ ไม่ว่าจะเป็นสายพันธุ์ที่เราคุ้นหูกันดีอย่างเช่น หมอนทอง พวงมณี หรือสายพันธุ์ที่น้อยคนนักจะรู้จักอย่าง ทุเรียนพันธุ์ป่าละอู และทุเรียนพันธุ์กระดุม เป็นต้น โดยส่วนตัว เราเกิดและโตมาทางภาคใต้ ทุกปีที่เป็นหน้าทุเรียน เรามักจะได้ทานทั้งทุเรียนจากสวนคุณป้าที่ปลูกไว้ และทุเรียนที่คนมักจะแบ่งปันกันกินภายในหมู่บ้าน แต่พอเข้าไปเรียนต่อในกรุงเทพแล้วก็ไม่ค่อยได้ทานทุเรียน ด้วยสองปัจจัยหลักคือ หาซื้อยาก และราคาแพง หากจะซื้อก็ซื้อไว้ทานแค่พอให้หายอยาก ถ้าจะซื้อทั้งทีจึงต้องเลือกดี ๆ เพื่อไม่ให้สูญเงินไปเปล่า ซึ่งวันนี้เราจะมาแชร์วิธีการเลือกทุเรียนง่าย ๆ ที่สามารถทำได้ด้วยตัวเอง และการปอกทุเรียนแบบมือโปรด้วย 4 ขึ้นตอนง่าย ๆ ถ้าพร้อมแล้วไปเริ่มกันเลย.... วันนี้เราเลือกทาน ทุเรียนหมอนทอง ซึ่งเหมาะกับคนหัดทานทุเรียน หรือคนที่ไม่ชอบกลิ่นแรง ๆ ทั้งนี้ความดีงามอีกหนึ่งสิ่งสำหรับคนรักในการทานทุเรียน คือ เนื้อแน่นไม่เละ ส่วนวิธีการเลือกแบบพื้นฐานง่าย ๆ เราขอแบ่งออกเป็นสองส่วนคือ สังเกตก้าน ก้านของทุเรียนหมอนทองทีดีต้องใหญ่จับถนัดมือ ไม่แข็งจนเกินไปสามารถบีดไปมาได้ ถือว่าสุกพร้อมทาน สังเกตเปลือก หากดูจากสีในรูปจะเห็นว่าปลายของหนามทุเรียนจะเป็นสีเข้มนั้นก็ถือว่าเป็นสัญญาณแห่งการสุกพร้อมทาน แต่บางครั้งหากสังเกตจากสองข้อข้างต้นแล้วไม่แน่ใจ เราแนะนำให้ใช้จมูกพิสูจน์ค่ะ ดม ดม ดม... เว้นระยะห่างจากทุเรียนสักเล็กน้อย และใช้จมูกของเราดมไปที่เปลือก หากว่าได้กลิ่นเหม็นเขียวเปลือกแปลว่ายังไม่สุก แต่หากว่าได้กลิ่นหอมมาระเรื้อแล้วนั้น...แปลว่าคุณมาถูกทางแล้วหล่ะค่ะ จากทริคที่เราบอกไป รับรองว่าคุณจะได้ทุเรียนที่สุกกำลังดีมาทานแบบฟิน ๆ อย่างแน่นอน สำหรับใครที่ซื้อทุเรียนเป็นลูกมาปลอกเองเรามาดู วิธีการปอกทุเรียน แบบมือโปรด้วย 4 ขึ้นตอนง่าย ๆ กันดีกว่าค่ะ สำหรับอุปกรณ์ที่ต้องมีคือ มีด แนะนำให้เป็นมีดที่มีขนาดใหญ่จะง่ายในการปลอกกว่ามีดเล็กค่ะ ขั้นตอนที่ 1 ใช้มีดกดที่ร่องทีเรียน ทุเรียนบางชนิดอาจจะใช้วิธีการผ่าจากทางก้นได้ เช่น ทุเรียนบ้าน แต่สำหรับทุเรียนหมอนทอง เราแนะนำใช้เริ่มผ่าจากทางขั้วจะง่ายกว่า โดยเริ่มจากการสังเกตพูทุเรียน ซึ่งแต่ละพูจะมีเส้นแบ่งกั้นไว้ จากนั้นใช้ปลายมีดกดลงไปให้มีความลีกประมาณ 3-4 เซนติเมตร โดยใช้มืออีกข้างหนึ่งยึดจับลูกทะเรียนไว้ไม่ให้ขยับไปมาเพื่อความปลอดภัย ขั้นตอนที่ 2 แซะตามร่อง หลังจากที่เราได้ทำการลงมีดไปที่ส่วนหัวของทุเรียนแล้ว ก็ค่อย ๆ ทำการแซะลงมาเรื่อย ๆ ตามร่องของพูทุเรียน ขั้นตอนนี้ต้องใช้ความระมัดระวัง และการลงน้ำหนักมือ เพราะหากพลาดแซะไม่ตรองร่องอาจจะไปโดนเนื้อทุเรียนทำให้เนื้อไม่สวย และยากต่อการทาน ขั้นตอนที่ 3 ใช้ปลายมีดแงะเปลือก ขั้นตอนนี้ต้องใช้ความระทัดระวังสักนิด โดยเมื่อเราเเซะตามร่องมาจนสุดถึงปลายแล้ว ให้ใช้ปลายของมีดแงะเปลือกให้ง่างออกมา เพื่อให้ง่ายต่อการใช้เมื่อปอกในขึ้นตอนต่อไป ขั้นตอนที่ 4 ใช้มือง่างเปลือกออก ใช้มือหนึ่งข้างจับทุเรียนไว้ให้มั่น และใช้มืออีกหนึ่งข้างที่ถนัด ค่อย ๆ ง่างเปลือกออก ถ้าเราทำขั้นตอนที่ 1-3 มาตามลำดับขั้นตอนมาดีและถูกต้อง จะทำให้ขั้นตอนที่ 4 เราจะสามารถใช้มือง่างเปลือกออกได้อย่างง่ายดาย แบบไม่ต้องใช้มีดช่วยอีกรอบ ทุเรียนหมอนทอง ลูกนี้ที่เราปอกขนาดพูใหญ่กำลังดี เม็ดขนาดกลาง ๆ มีกลิ่นหอมที่ไม่ฉุนจนเดินไป เนื้อแน่นกำลังดี หวานมันหอมอร่อยมาก ๆ หากใครอยากทานสามารถหาซื้อได้ตามตลาดนัด หรือเฟซบุ๊คที่มีการโพสต์ขายซึ่งจะมีการตั้งราคาที่แตกต่างกันไปตามคุณภาพของทุเรียน แต่จากที่เราสังเกต ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 100-150 บาท ต่อกิโลกรัมค่ะ อ๋อออ...หลังจากที่ทานเนื้อแล้วเมล็ดยังสามารถเก็บไว้ปลูกได้ด้วยนะ ภาพประกอบและบทความโดย : ครูอิงลิชอิสมี