สวัสดีค่ะเพื่อนๆนักอ่านทุกท่าน วันนี้คุณครูก็พาเข้าครัวเช่นเคย ช่วงนี้อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ เลยต้องมีหลาย ๆ เมนูคลายเหงากันนะคะ ทำทานเองก็ได้บรรยากาศไปอีกแบบได้มี โอกาสโชว์ฝีมือให้ครอบครัวและคนที่บ้านทานสร้างความสัมพันธ์ ทำแล้วก็สามารถแบ่งปันเพื่อนบ้านได้อีกด้วยแต่เวลาออกไปพบเจอกันอย่าลืมป้องกันตัวเองด้วยนะคะ สวมหน้ากากอนามัย กลับมาก็ล้างมือด้วยแอลกอฮอล์ ฉนั้นเราต้องทำเป็นหลาย ๆ เมนู อาหาร คาวหวานต้องคบ ฝึกทำบ่อย ๆ เดียวก็เก่งเองค่ะ วันนี้คุณครูก็จะพาทำขนมหวานไทย ๆ กันนะคะด้วยเมนูของฟักทอง ปกติโดยส่วนตัวก็เป็นคนชอบฟักทอง แกงบ้าง นึ่งบ้าง ปั่นเป็นน้ำฟักทองบ้าง แล้วแต่ความชอบ คุณครูยังเคยใช้เป็นเมนูลดน้ำหนักเลย ได้ผลดีที่เดียว การเลือกฟักทอง ก็เป็นขั้นตอนสำคัญอย่างหนึ่ง ก็แล้วแต่ว่าเราจะมาใช้ทำเมนูอะไร ส่วนเมนู "แกงบวดฟักทอง" ต้องใช้ฟักทองแก่จัดและมันนะคะ และเป็นฟักทองพื้นบ้าน เพราะฟักทองก็มีหลายสายพันธุ์ แต่ละพันธุ์ก็จะใช้ประกอบอาหารแตกต่างกันออกไป การเลือกฟักทอง ดูสีของฟักทองเป็นอันดับแรก ถ้าฟักทองแก่จะมีสีเหลืองออกส้ม เปลือกแข็ง ถ้าเป็นฟักทองหวานจะมีสีส้มทั่วเนื้อจนถึงเปลือก ถ้าฟักทองมัน สังเกตจะมีสีเขียวบริเวณวงรอบในของเปลือก และสีจะออกส้มเขียว ต้องมองดูด้วยตานะคะ เพราะบ้างที่เขาก็ไม่ได้ให้เราหยีกดูที่เปลือกว่าแข็งหรืออ่อน ฟักทองมันนั้นไม่จำเป็นต้องแก่ก็มัน เพียงแต่ว่าเนื้อจะเลอะเลยไม่นิยมนำมาแกงบวด วัสดุ อุปกรณ์ ฟักทองแก่ 1 กิโล น้ำตาทรายขาว 4 ขีด เกลือ 1 ช้อนชา กะทิ 5 ขีด น้ำเปล่า 5 ขีด (สูตรคุณครูใช้ฟักทองแก่จะไม่แช่น้ำปูนขาวนะคะ) ขั้นตอนการทำ นำฟักทองแก่ มาปอกเปลือก แล้วหั่นเป็นท่อน สี่เหลี่ยม พอคำ ไม่ต้องเล็กมาก ตั้งน้ำกะทิเคี้ยวจนแตกมัน เติมน้ำเปล่ารอน้ำเดือด ใส่ฟักทองลงไปปิดฝาหม้อ ให้เดือด 10 นาที ใส่เกลือ ตามด้วยน้ำตาล ไม่ต้องคนนะคะ ปิดฝารอเดือดอีกรอบสังเกตดูว่าฟักทองสุกหรือยัง ถ้าสุก ชิมรสชาติ หวานเค็มเติมตามใจชอบ ตักใส่ถ้วยใช้น้ำกะทิสดโรยหน้า พร้อมเสิร์ฟ ที่จริงแล้วอยากจะขอสารภาพเลย ว่ามีมะพร้าวเป็นลูก แต่ปอกไม่ได้เลยใช้มะพร้าวกล่องแทน ก็ใช้ได้เหมือนกันค่ะแต่อาจจะไม่หอมมันเหมือนมะพร้าวจากต้น ฝากบอก : ฟักทองที่จริงแล้วถ้านึ่ง จะเป็นอาหารคลีน ใช้ลดหุ่นได้ แต่มาทำเป็นแกงบวด ถ้าทานเยอะก็มีสิทธิ์น้ำหนักขึ้นนะคะ อย่างไรก็ตามร่างกายเราต้องได้รับสารอาหารครบ 5 หมู่ เมนูนี้จึงไม่เหมาะกันท่านที่เป็นโรคเบาหวานนะคะ เพราะทั้งน้ำตาลและกะทิ ภาพและเนื้อหาโดย : ครูดอกหญ้า