ยินดีต้อนรับทุกท่านที่กดเข้ามาอ่านในบทความนี้ หนึ่งในจุดประสงค์นั้นก็ไม่ต้องสืบ คือเพราะต้องการทราบรีวิวจากการจั่วหัวด้านหน้าบทความนั่นเอง ถ้างั้นเราก็อย่ารอช้า ไปเริ่มต้นรีวิว บุฟเฟ่ต์ปิ้งย่าง เท็นโจ กันเลยดีกว่า ขอออกตัวตรงนี้ก่อนเลยนะคะ ว่าไม่ใช่สายปิ้งย่าง (ฮ่า ๆ) ดังนั้นการรีวิวจึงว่าไปตามใจฉันมาก ๆ และเราไม่เคยไปกินเท็นโจมาก่อน ซึ่งในครั้งนี้เป็นการไปกินครั้งแรกของเรา (ที่สาขาเมก บางนาจ้า) ดังนั้นควรใช้จักรยานในการอ่าน (ต้องวิจารณญาณไหมเล่า) และดื่มด่ำกับตัวอักษรไปพร้อม ๆ กัน หลับตาประหนึ่งว่าทุกท่านกำลังนั่งอยู่หน้าเตาย่าง ที่กรุ่นกลิ่นของเนื้อลอยหอมฉุย พร้อมกับอาหารละลานตาตั้งอยู่ตรงหน้า บุฟเฟ่ต์พรีเมี่ยมเท็นโจ มีอะไรน่าประทับใจบ้างหนอ 1. บรรยากาศ บรรยากาศในร้านเราถือว่าโอเค ไม่ได้เสียงดังมาก แล้วที่นั่งก็สบาย ๆ ค่ะ สำหรับเรื่องควันเราว่าไม่เป็นปัญหา เพราะเทียบกับร้านที่เราเคยไปกินมา (ซึ่งก็ประมาณ 2-3 ร้าน) เราก็ว่าดีเลย ไม่มีควันลอยฟุ้ง กลิ่นก็ไม่แรงมาก ถ้าเป็นร้านเกาหลีแท้ ๆ ต้องยอมรับเลยค่ะว่าเดินเข้าไปหิวเหม็นแน่ ๆ บางที่อาจร้ายถึงขั้นแสบตาก็มี แต่ที่นี่ (เท็นโจ) ไม่มีเรื่องนั้นให้กวนใจจ้า 2. เครื่องไม้เครื่องมือ เครื่องไม้เครื่องมือเรายังแอบขัดใจ เพราะว่าที่คีบมี ตะเกียบมี แต่ไม่มีกรรไกร! หรือว่าเราไม่ได้ขอเขา? แต่เราเหลือบมองโต๊ะอื่น ๆ ทุกคนต่างเจออุปสรรคอย่างเดียวกันค่ะ คือ เนื้อชิ้นใหญ่ แต่ใช้ตะเกียบเขี่ย ๆ ให้มันแยกออกจากกัน ซึ่งถ้าเป็นร้านสีแดงจะมีกรรไกรตัดเนื้อให้พร้อมเลย เลยทำให้อรรถรสในการกินมันขาดแหว่งไปนิดนึงจ้า 3. รสชาติเนื้อ สิ่งที่โดดเด่นสำหรับ เท็นโจ เราว่าน่าจะเป็นความหอมของเนื้อที่ปิ้ง กลิ่นมันโดดกว่าที่อื่น ๆ เหมือนพอคีบเข้าปากแล้วได้กลิ่นควันจาง ๆ ลอยอวลอยู่ด้านใน เนื้อที่เราสั่งเป็นเนื้อหมูนะคะ เช่น เบค่อน ชาชู สันคอ ประมาณนี้ ที่เหลือเนื้อวัวเราไม่ได้ทานค่ะ เพราะปกติไม่ชอบทานเนื้อวัวโดยส่วนตัวอยู่แล้ว หากใครรอคอมเมนต์จากเนื้อวัวต้องขออภัยน้า กลับมาที่เรื่องเนื้อหมูกันต่อ.. สำหรับเรา เราแนะนำให้สั่งเป็นเบค่อนกับสันคอค่ะ เนื้อชาชูแข็งไป ทานแล้วเคี้ยวยาก ทิ่มคอ แรก ๆ ยังพอใช้ได้นะคะ หลัง ๆ เราเหนื่อยเคี้ยว ฮ่า ๆ ก็เลยจะโปรดเป็นเบค่อนมากกว่า ส่วนในเรื่องขนาดของชิ้นเนื้อ เขาเรียงมาสวยมากเลยค่ะ บอกเลยว่าทุกชิ้นลายงามราวหินอ่อนบนคฤหาสน์ โดยด้านหน้าจะทาเหมือนคล้าย ๆ ซอสงามาให้ หอม ๆ ดีค่ะเวลานำไปปิ้ง แต่แนะนำว่าไม่ต้องปิ้งนานนะคะ เอาพอหอม ๆ สุกกำลังพอดี ให้น้ำเนื้อออกมาชุ่ม ๆ หน่อย ทานแล้วน้ำมันของหมูจะซึมรวมกับน้ำจิ้มเผ็ด ๆ โหย.. ไม่อยากจะจินตนาการค่ะ หิว 5. รสชาติแซลม่อน แง แม่จ๋า หนูยอมแพ้ให้แซลม่อนพี่เขา อาจจะไม่สู้ซูชิระดับพรีเมี่ยมที่อื่น แต่ไม่ใช่ไก่กาเลยจ้า แซลม่อนอร่อยดีค่ะ เนื้อดึบ ๆ และชิ้นใหญ่ สั่งได้ไม่อั้นเลยด้วย เราทานจนเลี่ยนเลยค่ะ เพราะโปรดปรานการทานแซลม่อนมาก (เน้นว่ามาก) ถ้าใครอยากทาน แนะนำเป็นเมนูแซลม่อนเบิร์น หรือ แซลม่อนย่างไฟนะคะ อร่อยจนน้ำตาไหล 6. น้ำจิ้ม ที่เท็นโจมีน้ำจิ้ม 3 แบบค่ะ เป็นซีฟู๊ด น้ำจิ้มงา แล้วก็น้ำจิ้มดำ (เผ็ด ๆ ปะแล่ม ๆ เหมือนเป็นซอสปรุงของเกาหลีค่ะ) นอกจากนี้ก็ยังมีโคชูจัง (ซอสเผ็ดเกาหลี) กระเทียมและพริกให้เติมด้วย ถามว่าน้ำจิ้มไหนอร่อยสุด แน่นอนว่าคนไทยอย่างเรา ๆ ก็ต้องซีฟู๊ดค่ะ แต่ถามว่าโดดเด่นขนาดนั้นไหม ก็ไม่ เรื่องน้ำจิ้มเรายังให้เฉย ๆ เบสิค อาจจะถูกปากสำหรับคนชอบทานรสพอดี ๆ แต่เราเป็นคนชอบทานรสจัด ชอบทานเผ็ด ที่นี่เลยยังไม่ได้โดนใจเท่าไหร่จ้า 7. บริการ โอ้ย พี่ ๆ สาขาที่เราไปทานน่ารักมากค่ะ ไม่ต้องกวักมือเรียกให้เปลี่ยนตะแกรงปิ้งเลย พี่เขาก็เข้ามาดูแลให้เอง เปลี่ยนให้บ่อยด้วยค่ะ ไม่ใช่แค่ครั้งสองครั้ง หน้าตานี่ไม่มีใครบึ้งตึง มองไปทางไหน สบตาใครยิ้มให้ตลอด ตรงนี้ได้ใจเราไปเต็ม ๆ ความรู้สึกหลังได้ไปทานบุฟเฟ่ต์ร้าน เท็นโจ (Tenjo) สำหรับการทานบุฟเฟ่ต์ปิ้งย่าง แน่นอนว่ามันมีเสน่ห์หลายอย่างนะในมุมมองเรา ได้ทั้งความสนุกที่ได้มาทานกับเพื่อน ๆ หรือว่าได้ความโรแมนติกที่มาทานกับคนรัก ในขณะเดียวกันเราได้เห็นมิติบางอย่างของการปิ้งย่างเนื้อต่าง ๆ ให้กัน เราชอบความรู้สึกเหล่านี้มาก ๆ ตอนได้ไปทาน รวมถึงที่นี่ด้วยเช่นกัน ถ้าจะให้ระบุเป็นเรื่อง ๆ เราว่าที่นี่มีเอกลักษณ์โดดเด่นตรงเนื้อ แต่อาจจะเป็นเพราะเราไม่ทานเนื้อวัว มันเลยอาจจะยังไม่ครบสูตร แต่เราเชื่อว่าเนื้อวัวของเขาก็ต้องหอมอร่อยมากแน่ ๆ เพราะทุกครั้งที่เราวางแผ่นเนื้อลงบนเตาถ่าน เราได้กลิ่นหอมจากคุณภาพเนื้อที่ชัดเจน ขนาดเรากินบุฟเฟ่ต์ไม่บ่อย เรายังฟินเลย ถ้าคนชอบทานได้มาลอง เราว่ามีน้ำตาเอ่อแน่ ๆ (ลืมบอกไป เราทานในราคา 499 นะคะ ได้แซลม่อนไม่อั้นแล้วจ้า) โดยเอาเป็นว่า ถ้าให้พูดตามตรงเราชอบ แต่เราไม่ชอบเท่าร้านสีแดง ฮ่า ๆ ร้านนั้นมีหมักหมูแบบเกาหลี และให้ความเป็นปิ้งย่างแบบเกาหลีสไตล์มากกว่า แต่ถ้าถามว่าเท็นโจดีไหม เราบอกเลยว่า ดี-มาก! เพราะความน่ารักของร้าน ของพนักงาน คุณภาพหมู และแซลม่อนสด ๆ ที่สำคัญใครที่อยากทานของหวานเขาก็มีบริการด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นไอศกรีม แพนเค้ก น้ำหวานต่าง ๆ ทำให้เราเทใจให้กับที่นี่ได้ไม่ยาก และสำหรับใครที่อยากจะไปลิ้มลอง ที่นี่เขามีด้วยกันประมาณ 3 ราคานะคะ คือ 499 , 799 และ 1000 นิด ๆ ไม่แน่ใจตัวเลข ซึ่งราคาตรงนี้ยังไม่รวม Vat นะคะ ถ้ารวมภาษีแล้วมันจะบวกเพิ่มไปอีกประมาณเกือบ ๆ 100 ใครที่กำลังอยากไปทาน และผ่านมาอ่านรีวิวนี้ ก็หวังว่าจะได้ประโยชน์กันไปบ้างจ้า สามารถเช็คสาขาร้าน Tenjo Yakiniku กันได้ ที่นี่ ค่ะ ราคาต่อหัว : มีด้วยกัน 3 ราคา คือ 499, 799, และ 1040 บาท เวลาในการทาน : 1.30 นาที