สัมผักแป้น (กิมจิอีสาน) ส้มผัก เป็นเครื่องเคียงที่อยู่คู่กับชาวบ้านในภาคอีสานมาอย่างยาวนาน เมื่อรับประทานอาหารในแต่ละครั้งนั้นสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยก็คือต้องมีส้มผัก เพื่อเพิ่มอรรถรสในการรับประทานมากยิ่งขึ้น กรรมวิธีในการทำส้มผักนั้นแตกต่างกันออกไป แล้วแต่สูตรของชุมชนใดหรือบรรพบุรุษพาทำมาอย่างไร เพราะความชอบและรสชาติที่ต่างกัน จึงรังสรรค์ส้มผักให้ออกมาในฉบับที่ตนเองถนัดนั่นเอง ผักที่นำมาทำนั้นก็เป็นผักที่ปลูกไว้กินเองอยู่แล้ว โดยสูตรการทำส้มผักนี้เป็นสูตรของคุณย่านักเขียนเอง จะเลือกใช้ผักแป้น จึงเรียกว่า ส้มผักแป้น และการที่เรียกว่า กิมจิอีสาน ก็เนื่องมาจากกรรมวิธีที่มีความคล้ายคลึงกันกับกิมจิของเกาหลี ด้วยการนำเอาผักมาดองไว้เช่นเดียวกัน กรรมวิธีในการทำไม่ยุ่งยากหรือซับซ้อน ทุกคนสามารถทำตามได้ โดยมีขั้นตอนในการทำ ดังต่อไปนี้ • เก็บผักแป้นที่ปลูกไว้มาปริมาณพอเหมาะสำหรับจะทำ จากนั้นมาคัดแยกส่วนที่ตายออก นำไปล้างน้ำสะอาดหลาย ๆ รอบ จนไม่มีเศษดินติดมา • นำผักแป้นที่ล้างสะอาดแล้วมาใส่กระด้ง เพื่อง่ายต่อการขยำเครื่องต่าง ๆ ให้เข้ากัน ซึ่งเครื่องปรุงที่ใช้ก็จะมี เกลือ ผงปรุงรส ข้าวสวย และน้ำสะอาด • ทำการขยำผักแป้นกับเครื่องปรุงให้เข้ากันจนได้ที่ สังเกตจากสีของผักจะค่อนข้างเข้มขึ้น เป็นอันเสร็จ นำใส่ภาชนะที่ต้องการได้เลย เมื่อทำเสร็จแล้วสามารถรับประทานได้เลยหรือค้างคืนไว้ 1 คืน ก็จะอร่อยมาก แต่ไม่ควรเกิน 7 วัน เพราะจะเปรี้ยวมาก คุณย่าบอกว่า ส่วนมากก็จะทำกินเองหรือแจกจ่ายให้กับลูก ๆ หลาน ๆ บางครั้งก็ทำขายบ้างเล็ก ๆ น้อย ๆ พอได้ออกกำลังกาย ส้มผักแป้นตามฉบับของคุณย่านี้ทุกท่านสามารถนำไปดัดแปลงได้ตามวัตถุดิบที่หาได้หรือมีอยู่ เช่น ผักกะหล่ำปลี ต้นหอม ผักกาดขาว ก็ได้ ส่วนรสชาตินั้นปรุงได้ตามชอบเลย แต่ส่วนสำคัญที่เห็นก็คงจะเป็นเกลือและข้าวสวย เกลือช่วยถนอมอาหารให้สามารถเก็บไว้ได้นานมากยิ่งขึ้น ส่วนข้าวสวยนั้นมาเป็นส่วนเพิ่มความกลมกล่อมให้แก่ส้มผัก วิธีการทำอาหารแบบฉบับของคนอีสานนับว่าเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์ และสืบทอดให้คงอยู่กับประเทศไทยตลอดกาล ภาพถ่ายโดยนักเขียน : อิราณี (จุฑามณี สีผลสมอ)