คุณแม่มือใหม่หลายท่านจะรู้สึกดีมาก ๆเมื่ออาหารที่บรรจงปรุงให้ลูกรัก เป็นที่ถูกอกถูกใจลูก จึงพยายามเปิดตำรา เปิดคู่มือ เพื่อค้นหาอาหารวิเศษเหล่านั้น อย่างเช่น ข้าวผัดรูปกระต่าย ใช้ลูกเกดเป็นตา ใส้กรอกเป็นจมูก หรือผัดสปาเก็ตตี้หมูสับใส่ซอสมะเขือเทศ จัดเรียงบนผักกาดหอมสด(ที่มักไม่ค่อยกิน) อะไรทำนองนี้ จนบางครั้งรู้สึกเหนื่อย รู้สึกเป็นภาระที่ต้องออกไปหาซื้อของทุกวัน เพื่อจัดอาหารให้ได้รูปร่าง หน้าตา รสชาติ เหมือนกับในคู่มือเหล่านั้น วันนี้ป้ารุจึงขอนำเสนออาหารตามชื่อเรื่อง คือ "อาหารเด็กแสนอร่อย คุณแม่ทำได้บ่อย ไม่มีเบื่อ" ถ้าจะถามว่า เมนูนี้คืออะไรกัน เป็นไปได้หรือที่รับประทานกันบ่อย ๆแล้วไม่เบื่อ ขอเฉลยเลยค่ะ คงทายกันไม่ยาก อาหารเมนูนี้เป็นเมนูประจำสำรับกับข้าวของบ้านเรา...."แกงจืด" เห็นด้วยใช่มั้ยคะ เรารับประทานแกงจืดกันมาแต่เล็กแต่น้อย เพียงแต่ปรับเปลี่ยนเนื้อสัตว์ กับผักเท่านั้น เป็นต้นว่า แกงจืดฟักเขียว หมูสับ, แกงจืดฟักเขียวกับไก่, แกงจืดผักกาดขาว หมูสับ(บางวันอาจเพิ่มเต้าหู้อ่อนวุ้นเส้น) และอีกหลาย ๆ แกงจืด แม้กระทั่งไข่น้ำ เติมผัก เติมเนื้อสัตว์ลงไป ซึ่งบางครั้งกับข้าวเพียงเท่านี้ ก็พอแล้วสำหรับเมนู "ราดหัวชาม" คราวนี้ขอพูดถึงวัตถุดิบ รวมทั้งการเทคนิคการเตรียม ที่ใช้ในแกงจืดระดับพื้นฐาน และเหมาะกับเด็ก ๆ กัน กลุ่มแรก เป็นกลุ่มของเนื้อสัตว์ ได้แก่ - หมูสับ แม้จะซื้อแบบเป็นแพ็คมาก็ขอให้ปรุงเพิ่มนิดหน่อยค่ะ ใช้กระเทียม รากผักชี พริกไทย,ใส่ลงไปนิดหน่อย ถ้าไม่มีไม่ต้องใส่) ตำให้ละเอียด แล้วเอาไปสับรวมกับหมู ขณะที่สับใส่น้ำเปล่าลงไปผสมด้วยทีละน้อย หมูสับที่ได้จะนุ่ม เคี้ยวง่ายขึ้น - กระดูกหมู ต้องล้างให้สะอาดมาก ๆเพื่อไม่ให้เศษกระดูกเล็ก ๆไปหลงเหลืออยู่ในน้ำแกง หลังจากต้มเสร็จแล้วกรองเอาแต่น้ำไปทำแกงจืด ส่วนตัวกระดูกจัดใส่จานทำน้ำจิ้มก็ได้อาหารเพิ่มอีก 1 จาน - ไก่ แนะนำให้ใช้ส่วนที่มีกระดูกด้วยในการนำมาทำแกงจืด ใช้หลักการเดียวกับกระดูกหมู หมดแล้วค่ะพวกเนื้อสัตว์ ซื้อมาเก็บในตู้เย็นช่องแช่แข็งแยกใส่กล่องสำหรับใช้แต่ละครั้งเพื่อความสะดวก กลุ่มที่ 2 คือผัก ให้เลือกผักที่เป็นกลาง ๆ กลิ่นไม่ฉุนเกินไป เช่น ผักหวาน ผักตำลึง ฟักเขียว หัวไชเท้า ผักกาดขาว ผักกวางตุ้ง ฯลฯ อย่าซื้อมาเก็บไว้นาน เอาเป็นว่าวันไหนอยากรับประทานอะไรค่อยซื้อ เพราะการซื้อผักมาเก็บในตู้เย็นนาน ๆ แม้จะยังไม่ถึงกับเน่าเสีย แต่สี กลิ่น รสชาติอาจแตกต่างจากที่ควรจะเป็น หรือบางครั้งเป็นเชื้อราที่เป็นอันตรายและเราไม่สามารถสังเกตุเห็นได้ ขั้นตอนของการปรุงแกงจืดสามารถเปิดดูได้จากอินเตอร์เน็ต มีเทคนิคและขั้นตอนแตกต่างกันไปบ้าง เลือกใช้ให้เหมาะกับตัวเราถือเป็นใช้ได้ค่ะ เพราะสิ่งที่จะขอนำเสนอในวันนี้คือ การปรับเปลี่ยนเมนูแกงจืด ให้เด็ก ๆ ได้รับประทานกันแบบไม่มีเบื่อ ดังนั้น บางครั้งเมนูแกงจืด ก็ปรับเปลี่ยนรสชาติให้เข้มข้นขึ้นกลายเป็น "ต้มยำ" อาหารขึ้นชื่อของบ้านเราที่นานาชาติรู้จัก เพราะกรรมวิธีโดยรวมก็ไม่ต่างกันมาก เพียงแต่มีสมุนไพรหลักคือ ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด คุณแม่อาจใช้เมนูต้มยำ เป็นการเริ่มให้เด็ก ๆรู้จักรสชาติของอาหารที่แตกต่างไป วิธีทำโดยพื้นฐานก็เหมือนของผู้ใหญ่ เพียงแต่ต้องไม่เผ็ด และเมื่อฝึกรับประทานใหม่ ๆ อย่าเพิ่งบีบมะนาวลงไป ทำรสให้เป็นกลาง ๆ ไว้ก่อน เมื่อเด็กเริ่มคุ้นเคยกับกลิ่นสมุนไพรค่อยเพิ่มโน่นนิดนี่หน่อยเข้า เทคนิคพิเศษที่ทำให้อาหารของคุณแม่อร่อยเพิ่มขึ้น และเด็ก ๆ จะรู้สึกอยากรับประทานเพิ่มขึ้น มีหลายวิธี เช่น 1.การไปจ่ายตลาดด้วยกัน ให้เด็ก ๆ มีส่วนในการตัดสินใจว่า แกงจืดวันนี้เป็นผักอะไร เป็นเนื้อสัตว์ชนิดไหน 2.การให้เด็กช่วยหยิบจับ ลงมือทำด้วยตัวของเขาเอง เช่นวันนี้จะแกงจืดผักตำลึงหมูสับ ให้เด็กลงมือเด็ดผักเองคุณแม่คอยให้คำแนะนำ ให้ช่วยล้างผัก (น้ำสุดท้ายหลังจากคุณแม่ล้างเสร็จแล้วจะดีมาก) 3.ในขั้นตอนการปรุง ให้เด็ก ๆ ลองช่วยชิม (ความจริงคุณแม่คงชิมเรียบร้อยแล้ว) รับรองได้ว่าแกงจืดตราแม่ลูกชามนี้อร่อยกว่าชามไหน ๆเลยทีเดียว สิ่งพิเศษที่เกิดจากการสร้างสรรค์เมนูแกงจืดนี้ นอกจากความอร่อยไม่มีเบื่อ ยังเป็นช่วงเวลาปลูกฝังสิ่งดี ๆ ลงไปในตัวเด็ก ทั้งเรื่องการเลือกซื้อของในตลาด ความสะอาดในการจัดเตรียมและการปรุงอาหาร ความเป็นระเบียบวินัยเก็บข้าวของเครื่องใช้ในครัวให้ถูกที่ถูกทาง และเรื่องอื่น ๆ จิปาถะ ที่คุณแม่จะสอนให้ลูก ไม่น่าเชื่อเลยนะคะว่าแกงจืดชามนี้มีคุณค่ามากมายเหลือเกิน วันนี้ที่บ้านแกงจืดอะไรคะ