9 เทคนิคจัดเก็บอาหารที่เหลือ ในตู้เย็น แบบไหนถูกสุขลักษณะ อ่านกันเลย! เขียนโดย ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล จากที่เราทุกคนต่างก็ต้องรับประทานอาหารเป็นประจำทุกวัน และหลายครั้งก็มีอาหารเหลือจากการรับประทาน ดังนั้นการเก็บอาหารที่เหลืออย่างถูกวิธี จึงเป็นเรื่องพื้นฐานที่เราทุกคนควรใส่ใจค่ะ เพราะหากทำไม่ถูกวิธี อาหารที่ดูเหมือนจะปลอดภัยก็อาจกลายเป็นแหล่งสะสมของสิ่งก่อความเจ็บป่วยที่มองไม่เห็นได้ง่ายๆ ซึ่งหลายคนยังไม่รู้ว่า จุลินทรีย์จะเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วในอาหารที่ถูกทิ้งไว้ในอุณหภูมิที่ไม่เหมาะสม และเมื่อเรานำอาหารเหล่านั้นกลับมาบริโภคโดยที่จุลินทรีย์ยังอยู่ สถานการณ์นี้จะทำให้เราเจ็บป่วยได้ตั้งแต่เล็กน้อยไปจนถึงอาการที่รุนแรงถึงขั้นต้องเข้าโรงพยาบาลได้เลยนะคะ ดังนั้นการมีความรู้ความเข้าใจเรื่องการเก็บอาหารที่ถูกสุขลักษณะ จึงไม่ใช่แค่เรื่องของความสะอาดเท่านั้น แต่เป็นเรื่องของการป้องกันและปกป้องสุขอนามัยของตัวเอง และคนที่เรารักจากความเจ็บป่วยที่มาจากอาหารเป็นสื่อ เราจึงควรใส่ใจในทุกขั้นตอนเลยค่ะ ต่อให้เป็นการเก็บรักษาอาหารในตู้เย็นก็ตาม เพราะความรู้ด้านสุขาภิบาลจะช่วยให้เราสามารถจัดการกับอาหารที่เหลือได้อย่างปลอดภัยมากขึ้น และทำให้ทุกมื้ออาหารที่เรากินนั้น เต็มไปด้วยความสบายใจโดยไม่ต้องกังวลเรื่องสุขอนามัยมากนัก และต่อไปนี้คือแนวทางสำหรับเก็บรักษาคุณภาพอาหารที่เหลือในตู้เย็น ที่จำเป็นต้องรู้นะคะ 1. ทำให้อุณหภูมิลดลงก่อนเก็บ หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่า หากมองในมุมของด้านสุขอนามัยแล้ว การลดอุณหภูมิอาหารก่อนนำเข้าตู้เย็นมีความสำคัญอย่างยิ่งนะคะ เพราะเป็นการหยุดยั้งการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ ที่สามารถทำให้อาหารเน่าเสียและทำให้เราเจ็บป่วยได้ เพราะเมื่ออาหารถูกปรุงสุกใหม่ๆ อาหารจะอยู่ในช่วงอุณหภูมิที่เหมาะสมสำหรับจุลินทรีย์ในการเพิ่มจำนวน ซึ่งเราเรียกช่วงอันตรายนี้ว่า "Danger Zone" ในขณะที่หากเราปล่อยให้อาหารอยู่ในอุณหภูมิห้องนานเกินไป จุลินทรีย์จะเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็วและสร้างสารพิษขึ้นมาได้ในระหว่างนั้นค่ะ ดังนั้นการปล่อยให้อาหารเย็นลงในระดับหนึ่งก่อนนำไปแช่ตู้เย็น จะช่วยให้อาหารผ่านช่วงอุณหภูมิอันตรายนี้ไปได้อย่างรวดเร็ว ทำให้จุลินทรีย์มีโอกาสเจริญเติบโตน้อยลง และเมื่อนำไปแช่ในตู้เย็นที่อุณหภูมิต่ำกว่า 4 องศาเซลเซียส ก็จะช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ที่เหลืออยู่ได้อีกด้วย ซึ่งทั้งหมดนี้ทำไปก็เพื่อให้อาหารที่เราเก็บไว้มีความปลอดภัยและถูกสุขอนามัยก่อนจะนำกลับมาบริโภคอีกครั้งนะคะ 2. ทิ้งเมื่อหมดอายุ ทุกคนต่างก็เคยมีประสบการณ์ซื้ออาหารมาเยอะจนกินไม่หมด และตัดสินใจจะเก็บไว้กินวันหลังกันทั้งนั้น ใช่ไหมคะ? แต่สิ่งสำคัญที่หลายคนอาจมองข้ามไป คือ การตรวจสอบวันหมดอายุบนฉลากอาหารค่ะ ซึ่งเป็นข้อมูลที่ผู้ผลิตระบุไว้เพื่อความปลอดภัยของเรา แม้ว่าบางครั้งอาหารจะยังดูดี ไม่มีกลิ่นเหม็น หรือสีที่เปลี่ยนไป แต่เมื่อพ้นวันหมดอายุที่ระบุไว้แล้ว นั่นหมายถึงคุณภาพของอาหารที่ลดลงนะคะ และที่สำคัญคืออาจมีจุลินทรีย์ที่มองไม่เห็นเจริญเติบโตอยู่ภายใน ซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขอนามัยของเราได้ ดังนั้นการทิ้งอาหารที่หมดอายุไปจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุด ที่จะช่วยให้เราปลอดภัยจากความเสี่ยงนั้น และถือเป็นการใส่ใจในสุขอนามัยของตัวเองอย่างง่ายที่สุดด้วยค่ะ 3. ใช้ภาชนะที่เหมาะสม คุณผู้อ่านรู้ไหมคะว่า ภาชนะที่ไม่เหมาะสมอาจจะทำให้มีสารเคมีปนเปื้อนลงในอาหารได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเรานำอาหารร้อนๆ ไปใส่ในภาชนะที่ไม่ทนความร้อน หรือใช้ภาชนะพลาสติกที่ไม่ได้มาตรฐานนำไปเข้าไมโครเวฟ นอกจากนี้การใช้ภาชนะที่ไม่ปิดสนิท ก็มีส่วนทำให้เกิดการปนเปื้อนจากจุลินทรีย์หรือสิ่งสกปรกอื่นๆ เข้าไปได้อีกด้วย ดังนั้นการเลือกใช้ภาชนะที่ทำจากแก้ว เซรามิก หรือพลาสติกเกรดสำหรับอาหารโดยเฉพาะและมีฝาปิดที่มิดชิด จะช่วยให้อาหารที่เราเก็บไว้ยังคงความสดใหม่ ปลอดภัย และคงคุณค่าทางโภชนาการไว้ได้นานขึ้นด้วยค่ะ 4. แบ่งเป็นส่วน เวลาทำอาหารเยอะๆ แล้วมักจะมีอาหารเหลือจากที่กินไม่หมด และหลายคนก็มักจะเก็บอาหารที่เหลือทั้งหมดไว้ในภาชนะเดียว ซึ่งพฤติกรรมนี้อาจจะดูสะดวกดีในสถานการณ์จริง แต่ในด้านสุขาภิบาลกลับกลายเป็นข้อเสียที่มองข้ามไม่ได้นะคะ เพราะเมื่อเราต้องการนำอาหารออกมาอุ่นเพียงบางส่วน เราจำเป็นต้องเอาอาหารทั้งหมดออกมาสัมผัสกับอุณหภูมิห้อง ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้จุลินทรีย์เจริญเติบโตได้ง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเราทำแบบนี้ซ้ำๆ หลายครั้ง อาหารก็จะยิ่งเสี่ยงต่อการปนเปื้อนมากขึ้น ดังนั้นการแบ่งอาหารที่เหลือออกเป็นส่วนเล็กๆ ตั้งแต่แรก แล้วนำไปเก็บในภาชนะที่เหมาะสม จะช่วยให้เราสามารถนำอาหารออกมาอุ่นเท่าที่ต้องการได้ง่ายขึ้น และยังช่วยลดความเสี่ยงที่อาหารจะเสียก่อนเวลาอันควรด้วย อีกทั้งยังทำให้เราได้กินอาหารที่คงคุณภาพเหมาะสมด้วยนะคะ 5. อุ่นให้ร้อนทั่วถึง ในการจัดการอาหารที่เหลือ หลายคนอาจจะเคยประสบปัญหาเรื่องอาหารที่อุ่นแล้วยังไม่อร่อยเท่าตอนทำใหม่ๆ หรือบางครั้งอาหารก็เย็นชืดอยู่ข้างใน ซึ่งจริงๆ แล้วเรื่องนี้มีความสำคัญมากกว่าแค่เรื่องรสชาติค่ะ เพราะการอุ่นอาหารแบบไม่ทั่วถึง มักเป็นเหตุทำให้สิ่งที่สามารถก่อความเจ็บป่วยได้แฝงตัวอยู่ในอาหาร และยังไม่ได้ถูกทำลายอย่างสมบูรณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนที่ยังเย็นอยู่ ซึ่งจุลินทรีย์จะสามารถเจริญเติบโตต่อไปและก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขอนามัยได้ ดังนั้นเมื่อเรานำอาหารที่เหลือมาอุ่นใหม่ จึงควรให้ความสำคัญกับการอุ่นอาหารให้ร้อนอย่างทั่วถึงนะคะ ที่ต้องทำแบบนั้นก็เพื่อทำให้แน่ใจว่าอาหารของเรานั้นปลอดภัยต่อการบริโภคค่ะ ซึ่งไม่ว่าจะเป็นการใช้ไมโครเวฟ การตั้งไฟอุ่น หรือการนึ่งก็ตามแต่ ควรคนอาหารเป็นระยะๆ เพื่อให้อาหารร้อนเท่ากันทั้งภาชนะ ซึ่งจะช่วยให้เราได้กินอาหารที่ปลอดภัยและอร่อยเหมือนเดิมอีกด้วยนะคะ 6. ติดป้ายระบุวัน-เวลา เคยไหมคะ? ที่เปิดตู้เย็นแล้วเจออาหารเหลือที่เก็บไว้จนลืมไปแล้วว่าเก็บไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ และไม่แน่ใจว่ายังกินได้อยู่ไหม? ซึ่งสถานการณ์แบบนี้สามารถเกิดขึ้นได้บ่อยครั้งในสถานการณ์จริง ถ้าเราไม่ได้เขียนวันและเวลาที่จัดเก็บอาหารนั้นๆ นะคะ โดยในหลายๆ ครั้งอาหารที่เก็บไว้ในตู้เย็นอาจจะยังดูดีอยู่ ที่ไม่ได้มีกลิ่นผิดปกติ แต่จริงๆ แล้วอาจจะมีจุลินทรีย์เจริญเติบโตอยู่ภายในแล้ว ดังนั้นการฝึกนิสัยง่ายๆ อย่างการติดป้ายระบุวันเวลาที่จัดเก็บอาหาร จะช่วยให้เราสามารถจัดการอาหารในตู้เย็นได้อย่างเป็นระบบมากขึ้น ทำให้เราทราบได้ทันทีว่าอาหารชิ้นไหนควรนำมาบริโภคก่อน และชิ้นไหนที่หมดอายุแล้ว ซึ่งไม่เพียงแต่จะช่วยลดการทิ้งอาหารโดยไม่จำเป็น แต่ยังช่วยให้เรามั่นใจได้ว่าอาหารทุกอย่างที่เรานำมารับประทานนั้นยังคงความสดใหม่และปลอดภัยต่อสุขอนามัยอยู่เสมอค่ะ 7. เก็บในตู้เย็นหรือช่องแช่แข็ง จากที่เราก็รู้กันแล้วว่าการปล่อยให้อาหารวางไว้ในอุณหภูมิห้องเป็นเวลานานๆ นั้นอันตรายอย่างยิ่ง เพราะเป็นช่วงเวลาที่จุลินทรีย์จะเจริญเติบโตได้ดีที่สุด และมีส่วนทำให้เกิดการปนเปื้อนในอาหารของเรา ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของความเจ็บป่วยจากอาหารเป็นสื่อ ดังนั้นวิธีที่ปลอดภัยและถูกสุขลักษณะที่สุด คือ การนำอาหารที่เย็นตัวลงแล้วไป และนำเก็บในตู้เย็นหรือช่องแช่แข็งทันที หากอาหารชนิดนั้นต้องการการเก็บรักษาด้วยตู้เย็นนะคะ เพราะการทำเช่นนี้จะช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้อาหารคงความสดใหม่และปลอดภัยต่อการบริโภคได้นานขึ้น และยังช่วยให้เราสามารถนำอาหารที่เหลือกลับมาอุ่นกินใหม่ได้อย่างมั่นใจ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องสุขอนามัย สำหรับอาหารที่ไม่ต้องการตู้เย็นในการเก็บนั้น เดี๋ยวผู้เขียนจะนำมาเผยแพร่ในบทความต่อไปนะคะ เพราะก็จะจำเพาะเจาะจงไปอีกแบบ 8. หลีกเลี่ยงการอุ่นซ้ำหลายครั้ง ทุกคนน่าจะเคยมีประสบการณ์กับการนำอาหารที่เหลือไปอุ่นซ้ำหลายๆ รอบ เพราะเสียดายที่ต้องทิ้งไป แต่รู้หรือไม่ว่าพฤติกรรมนี้สามารถส่งผลเสียมากกว่าที่คิดค่ะ โดยที่หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่า ทุกครั้งที่เรานำอาหารออกมาจากตู้เย็นเพื่ออุ่นและนำกลับไปเก็บใหม่ อาหารจะผ่านช่วงอุณหภูมิอันตราย ซึ่งช่วงเวลานี้จะเอื้อต่อการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ ตามที่ผู้เขียนได้พูดไว้ก่อนหน้านี้แล้วนั้น ยิ่งถ้าเราทำแบบนี้ซ้ำหลายครั้ง จุลินทรีย์ก็ยิ่งมีโอกาสสะสมและเพิ่มจำนวนมากขึ้น ซึ่งท้ายที่สุดแล้วก็สามารถทำให้เกิดความเจ็บป่วยจากที่มีอาหารเป็นสื่อ นอกจากนี้การอุ่นซ้ำยังทำให้อาหารสูญเสียคุณค่าทางโภชนาการ รสชาติและเนื้อสัมผัสก็เปลี่ยนไปจนไม่อร่อยเหมือนเดิม ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยและเพื่อรักษารสชาติที่ดีของอาหาร การอุ่นอาหารแค่พอดีที่จะรับประทานในแต่ละมื้อ และไม่ควรนำอาหารไปอุ่นซ้ำเกินหนึ่งครั้ง จึงเป็นวิธีที่ควรปฏิบัติเพื่อสุขอนามัยที่ดีของเราค่ะ 9. จัดระเบียบในตู้เย็น ผู้เขียนมองว่า ปัญหาที่หลายบ้านเจอเป็นประจำนั้น น่าจะเป็นสถานการณ์ที่ว่า เปิดตู้เย็นแล้วมองไม่เห็นว่ามีอะไรอยู่บ้าง จนสุดท้ายก็ลืมไปว่ามีอาหารเหลืออะไรบ้างที่เก็บเอาไว้ และอาหารเหล่านั้นก็ต้องถูกทิ้งไปอย่างน่าเสียดาย ซึ่งจริงๆ แล้วเรื่องนี้เป็นปัญหาที่แก้ไขได้ง่ายๆ ด้วยการจัดระเบียบตู้เย็นอย่างสม่ำเสมอค่ะ การแยกอาหารแต่ละประเภทออกจากกัน เช่น การแยกเนื้อสัตว์ดิบออกจากอาหารที่ปรุงสุกแล้ว จะช่วยป้องกันการปนเปื้อนข้ามไปมาของจุลินทรีย์ได้ และการจัดวางอาหารให้เป็นระเบียบโดยให้ของที่ต้องใช้ก่อนอยู่ด้านหน้า จะทำให้เรามองเห็นและหยิบใช้ได้สะดวกขึ้น ทำให้เราไม่ลืมว่ามีอาหารอะไรที่ควรต้องรีบนำมาบริโภคก่อน ซึ่งนอกจากจะช่วยลดขยะอาหารแล้ว ยังช่วยให้มั่นใจได้ว่าอาหารที่เรากินนั้นปลอดภัยและถูกสุขลักษณะอยู่เสมอค่ะ และนั่นคือเคล็ดลับสำหรับจัดเก็บอาหารที่ต้องการตู้เย็น ในการรักษาคุณภาพของอาหารที่เหลือนะคะ โดยจะเห็นได้ว่าการจัดเก็บอาหารที่เหลืออย่างถูกสุขลักษณะ อาจดูเป็นเรื่องจุกจิกและมีรายละเอียดหลายข้อ แต่แท้จริงแล้วทุกข้อล้วนเกี่ยวข้องกันและสำคัญต่อสุขอนามัยของเราอย่างมากค่ะ เพราะแต่ละขั้นตอนตั้งแต่การลดอุณหภูมิ การเลือกภาชนะ การอุ่น ไปจนถึงการจัดระเบียบ ล้วนมีเป้าหมายเดียวกันคือการป้องกันการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ และรักษาคุณภาพอาหารให้ปลอดภัยที่สุด ในทางตรงกันข้ามหากเราละเลยขั้นตอนใดขั้นตอนหนึ่งไป ก็จะทำให้ความพยายามทั้งหมดที่เราทำมานั้น ไร้ผลและนำมาซึ่งความเสี่ยงต่อสุขอนามัยของเราได้ ดังนั้นการใส่ใจในทุกรายละเอียดจึงเป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้มั่นใจได้ว่า อาหารที่เรานำมารับประทานใหม่นั้น ยังคงความปลอดภัยและมีคุณค่าทางโภชนาการอยู่ค่ะ อ่านมาถึงตรงนี้แล้วบางคนอาจจะยังมองภาพรวมไม่ออก และรู้สึกว่ามีหลายขั้นตอนเกินไปที่จะเริ่มต้น ผู้เขียนขอแนะนำเพิ่มเติมแบบนี้ค่ะว่า ให้เราลองเริ่มจากหลักการง่ายๆ ที่เรียกว่า “First In, First Out” (FIFO) หรือ “ของที่เข้าก่อน ต้องออกก่อน” ดูก่อน ซึ่งอาจจะเริ่มจากการจัดระเบียบอาหารในตู้เย็นให้มองเห็นได้ชัดเจน และฝึกนิสัยการติดป้ายระบุวันที่จัดเก็บอาหารอย่างง่ายๆ ก่อน เพราะจุดนี้จะช่วยให้เราสามารถจัดการอาหารในตู้เย็นได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และเมื่อเริ่มคุ้นชินแล้ว จึงค่อยๆ เพิ่มแนวทางอื่นๆ เข้ามา เช่น การแบ่งอาหารเป็นส่วนๆ หรือการเลือกใช้ภาชนะที่เหมาะสม ซึ่งการเริ่มต้นจากจุดเล็กๆ จะทำให้เราสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมได้อย่างยั่งยืนและทำให้การจัดเก็บอาหารที่เหลือไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไปค่ะ เพราะผู้เขียนก็ได้เริ่มจากจุดง่ายๆ ก่อนเหมือนกัน ที่ในตอนหลังก็คล่องมากขึ้น โดยในตอนหลังๆ มานั้น ยังพบว่าการทำอาหารแค่พอดีสำหรับการรับประทานต่อครั้ง และการซื้ออาหารแค่พอเหมาะสำหรับความจำเป็น ยังเป็นอีกแนวทางหนึ่งที่มีส่วนช่วยลดภาระในการจัดเก็บอาหารด้วยตู้เย็นนะคะ ตลอดจนผู้เขียนยังได้ใช้การลดการซื้อหรือทำอาหารใหม่ในระหว่างนั้น หากยังมีอาหารในตู้เย็นที่สามารถนำมาอุ่นได้ โดยการทำแบบนี้จะบังคับให้เราต้องไปบริหารจัดการอาหารในตู้เย็นได้ค่ะ ซึ่งที่ผู้เขียนทำแบบนั้นก็เพื่อลดการทำงานลง จากที่มีอาหารใหม่เหลือเพิ่มเข้ามาแล้วต้องจัดเก็บอีก แถมยังช่วยลดการทิ้งขยะอาหารด้วยค่ะ ยังไงนั้นคุณผู้อ่านก็อย่าลืมนำเทคนิคต่างๆ ไปใช้นะคะ ด้วยความตั้งใจ ผู้เขียนหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับคุณผู้อ่านไม่มากก็น้อย หากสนใจเนื้อหาเช่นนี้อีก อย่าลืมกดติดตามหรือบุ๊กมาร์กโปรไฟล์ไว้ เพื่อรับข้อมูลใหม่ๆ ในบทความต่อไป และถ้าต้องการอ่านบทความทั้งหมดโดยผู้เขียน ให้กดดูโปรไฟล์ได้เลยค่ะ #วิธีเก็บอาหารในตู้เย็น #ลดขยะอาหาร #สุขาภิบาลอาหาร #FoodSanitation เครดิตรูปภาพประกอบบทความ รูปภาพทำหน้าปก โดย Freepik จาก FREEPIK และออกแบบหน้าปกโดยผู้เขียน ใน Canva รูปภาพประกอบเนื้อหา: ภาพที่ 1 โดย Freepik จาก FREEPIK, ภาพที่ 2 โดย Valeria_aksakova จาก FREEPIK และภาพที่ 3-4 โดยผู้เขียน เกี่ยวกับผู้เขียน ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล จบการศึกษา: พยาบาลศาสตรบัณฑิต จากวิทยาลัยพยาบาลศรีมหาสารคาม กระทรวงสาธารณสุข และสาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต (อนามัยสิ่งแวดล้อม) จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น มีความสนใจและประสบการณ์เกี่ยวกับ: สุขภาพ จิตวิทยาเชิงบวก การบำบัดน้ำเสียและกำจัดสิ่งปฏิกูล 10 ทริคเลือกอาหารแช่แข็ง แบบไหนดี มีความเหมาะสม ถูกสุขลักษณะ 9 ทริคเลือกผักสลัดเรดโอ๊ค ไฮโดรโปนิกส์ แบบไหนดี สดใหม่น่ากิน 8 ทริคเลือกเนื้อวัว แบบไหนดี มีคุณภาพ เหมาะสมสำหรับทำอาหาร หิวใช่ไหม อยากหาของกินอร่อย ๆ ใช่หรือเปล่า ส่องร้านเด็ดร้านดังได้ที่ App TrueID โหลดฟรี !