เปิดความอร่อยแบบบ้าน ๆ สูตรโบราณ – เมื่อกล้วยน้ำหว้าสุกงอมกินไม่ทันอย่าทิ้ง…ทำยังไง? ในครัวไทยบ้านเรา “กล้วยน้ำหว้า” ถือเป็นผลไม้ที่อยู่คู่บ้านคู่เมืองมาช้านาน ไม่ว่าจะปลูกเองหลังบ้านหรือซื้อจากตลาด กล้วยน้ำหว้าเป็นผลไม้ที่ราคาไม่แพง มีรสชาติหวานนุ่ม และยังดีต่อสุขภาพอีกด้วย แต่ปัญหาที่หลายคนเจอเหมือนกันคือ ซื้อกล้วยมาหนึ่งหวี พอกินได้สองสามวันก็เริ่มสุกงอม สีเปลือกเปลี่ยนจากเหลืองทองเป็นน้ำตาลดำ เนื้อนิ่มจนไม่ค่อยอยากกินสด ๆ แล้ว หลายบ้านจึงลงเอยด้วยการโยนทิ้ง น่าเสียดายทั้งเงินและคุณค่าทางโภชนาการ แต่ความจริงแล้ว กล้วยน้ำหว้าสุกงอมยังมีคุณค่าและความอร่อยซ่อนอยู่ เพียงแค่ต้อง “รู้จักวิธีแปลงร่าง” กล้วยเหล่านั้นให้กลายเป็นของกินสุดฟิน ซึ่งหนึ่งในสูตรโบราณที่ยังคงครองใจคนไทยมาจนทุกวันนี้ก็คือ “กล้วยน้ำหว้าย่างเตาถ่าน” หรือบางคนเรียกว่า “กล้วยปิ้ง” นั่นเอง📍จุดเริ่มต้นของกล้วยปิ้งเตาถ่าน (ผู้เขียน)จำได้ดีว่าสมัยเด็ก ๆ บ้านอยู่ต่างจังหวัด เช้าตรู่กลิ่นควันเตาถ่านลอยมาตามลม แม่กำลังปิ้งกล้วยอยู่ข้างครัวไฟสังกะสี เตาถ่านสีดำเล็ก ๆ มีตะแกรงวางด้านบน มีกล้วยน้ำหว้าที่แม่ปอกเปลือกแล้ววางเรียงเป็นแถว เสียงไฟไหม้ถ่านดังเป๊าะแป๊ะ กลิ่นกล้วยปิ้งลอยหอมไปทั้งบ้าน กลิ่นนั้นมันอบอวลจนผมจำติดจมูกจนวันนี้ แม่เล่าให้ฟังว่า สมัยก่อนยังไม่มีตู้เย็นใหญ่ ๆ เหมือนปัจจุบัน ผลไม้สุกแล้วต้องรีบกิน ไม่งั้นก็เน่า การปิ้งหรือย่างบนเตาถ่านเป็นวิธีถนอมอาหารชั่วคราวไปในตัว ทำให้เก็บกินได้นานขึ้น และยังเพิ่มความหอมหวานจากไฟถ่านอีกด้วย ● ทำไมต้องเป็น “เตาถ่าน” ในยุคนี้หลายคนอาจสะดวกใช้เตาไฟฟ้าหรือเตาอบ แต่กลิ่นและรสชาติที่ได้จากเตาถ่านนั้นต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง ไอความร้อนจากถ่านไม้ให้กลิ่นควันธรรมชาติแทรกซึมเข้าไปในเนื้อกล้วย ทำให้กล้วยปิ้งออกมามีกลิ่นหอมเฉพาะตัว รสหวานนุ่ม กลายเป็นเสน่ห์ที่เตาไฟฟ้าหรือเตาแก๊สเลียนแบบไม่ได้ เตาถ่านยังให้ความร้อนสม่ำเสมอแบบอ่อน ๆ ไม่เร่งไฟจนเกินไป จึงเหมาะกับกล้วยที่เนื้อนิ่มเพราะสุกงอมอยู่แล้ว เมื่อค่อย ๆ ปิ้ง กล้วยจะไม่แตกหรือเละ แต่กลับมีผิวด้านนอกที่สวยงาม มีลายไหม้สีน้ำตาลทองน่ากิน ●ขั้นตอนการเตรียมกล้วยน้ำหว้าสุกงอมสำหรับปิ้ง 1. เลือกกล้วยสุกพอดี ถ้าสุกจนเปลือกดำทั้งลูกก็ยังใช้ได้ แต่ต้องระวังตอนปอก กล้วยที่สุกพอดีจะให้ความหวานและเนื้อนุ่มแน่นพอเหมาะ 2. ปอกเปลือกกล้วยหรือไม่ปลอกก็ได้ ใช้มีดคม ๆ ผ่าตามแนวยาวของเปลือกแล้วลอกออก ระวังอย่าให้เนื้อกล้วยเละหรือช้ำมาก 3. เตรียมเตาถ่าน ใช้ถ่านไม้คุณภาพดี จุดไฟให้ถ่านแดงก่อน วางตะแกรงเหล็กให้สูงพอสมควร จะได้ไฟไม่แรงเกินไป 4. วางกล้วยบนตะแกรง ใช้ไฟอ่อน ปิ้งช้า ๆ พลิกไปมาเรื่อย ๆ กล้วยจะค่อย ๆ เปลี่ยนสีและหอมฟุ้ง 5. เคล็ดลับเพิ่มเติม บางบ้านทาเนยหรือกะทิผสมเกลือบาง ๆ บนผิวกล้วยก่อนปิ้ง เพิ่มความมันและหอม บางคนปิ้งเสร็จแล้วบีบหรือกดกล้วยให้แบนเล็กน้อย แล้วราดน้ำกะทิผสมน้ำตาลทรายแดง เป็นสูตรโบราณแบบ “กล้วยปิ้งน้ำกะทิ” ที่ยังขายอยู่ตามตลาดนัด ตอนที่กล้วยสุกคาเตาถ่าน กลิ่นหอมหวานลอยคลุ้งเหมือนน้ำตาลไหม้ผสมกลิ่นควันไม้ เนื้อกล้วยเมื่อกัดเข้าไปจะนุ่มแน่น มีความหวานธรรมชาติที่เข้มขึ้นกว่ากินสด ๆ และที่สำคัญคือได้กลิ่นควันเตาถ่านที่เป็นเอกลักษณ์ มันเป็นรสชาติแบบบ้าน ๆ ที่กินแล้วหวนคิดถึงบรรยากาศชนบททุกครั้ง ถ้าใครอยากลดหวาน ก็แค่กินกล้วยปิ้งเปล่า ๆ โดยไม่ต้องราดน้ำกะทิ ผมยังจำเหตุการณ์หนึ่งได้ดี มันเป็นวันฝนพรำช่วงปลายฝนต้นหนาว ปีนั้นกล้วยหลังบ้านออกผลเยอะจนกินไม่ทัน แม่เลยเอากล้วยที่สุกงอมเกือบทั้งหวีมาปิ้งบนเตาถ่าน เรานั่งล้อมวงกันที่หน้าบ้าน มองฝนโปรยลงบนสวนกล้วยคละเคล้ากับกลิ่นควันเตาถ่าน ข้าง ๆ มีหม้อกะทิอุ่น ๆ ที่แม่ตั้งไว้ราดกล้วยปิ้ง พอแม่ตักกล้วยปิ้งราดกะทิให้คนละชิ้น ความอบอุ่นในวันฝนตกนั้นแทบจะถ่ายทอดผ่านรสชาติกล้วยปิ้งเลยทีเดียว หวาน มัน เค็มนิด ๆ จากกะทิ กลิ่นควันเตาถ่านแทรกในเนื้อกล้วยนุ่ม ๆ ความทรงจำเล็ก ๆ นี้เป็นเหตุผลที่ทำให้ทุกครั้งที่เห็นกล้วยน้ำหว้าสุกงอม (ผู้เขียน)จะนึกถึงกล้วยปิ้งเตาถ่านก่อนเป็นอย่างแรก ●เคล็ดลับเพิ่มความอร่อยแบบโบราณ หมักกล้วยกับน้ำตาลปี๊บและกะทิ ทิ้งไว้ 10 นาที ก่อนปิ้ง เพื่อให้รสหวานซึมเข้าเนื้อ ใช้ใบตองรองตะแกรง กลิ่นใบตองจะช่วยเพิ่มความหอมและป้องกันกล้วยติดตะแกรง ราดน้ำผึ้งแทนน้ำกะทิ ได้รสหวานแบบธรรมชาติ กินคู่กับไอศกรีมกะทิหรือกะทิสดเย็น ๆ เป็นของหวานฟิวชันที่เข้ากันได้ดี จากของเหลือสู่อาหารพิเศษ สิ่งที่น่าสนใจคือ “กล้วยน้ำหว้าสุกงอม” ซึ่งหลายคนคิดว่าเป็นของเหลือทิ้ง กลับสามารถแปลงเป็นเมนูแสนอร่อยได้ง่าย ๆ เพียงแค่ใช้ไฟถ่านปิ้ง กลายเป็นของหวานที่มีเสน่ห์มากขึ้น ราวกับได้ให้ชีวิตใหม่กับผลไม้ที่กำลังจะถูกทิ้ง นี่คือภูมิปัญญาไทยโบราณที่เกิดจากความประหยัดและความคิดสร้างสรรค์ ● ความสุขง่าย ๆ ที่เตาถ่าน ในยุคที่ทุกอย่างเร่งรีบ การได้ใช้เวลาช้า ๆ ปิ้งกล้วยบนเตาถ่านเป็นประสบการณ์ที่ให้ทั้งความสงบและความสุข ได้กลิ่นควันไม้ ได้ยินเสียงไฟแตกเป๊าะแป๊ะ และได้ชิมรสชาติหวานนุ่มของกล้วยน้ำหว้าที่ผ่านไฟถ่าน เป็นความสุขแบบง่าย ๆ ที่เงินซื้อไม่ได้ ครั้งหน้าถ้าคุณมีกล้วยน้ำหว้าสุกงอมอยู่ในครัว อย่าเพิ่งทิ้ง ลองจุดเตาถ่านเล็ก ๆ แล้วปิ้งกล้วยเองดู คุณอาจจะได้สัมผัสรสชาติและกลิ่นที่พาคุณย้อนกลับไปยังวัยเด็ก เหมือนที่ผมได้สัมผัสมาแล้ว กล้วยน้ำหว้า, กล้วยปิ้งเตาถ่าน, สูตรโบราณ, ความทรงจำวัยเด็ก, อาหารไทยพื้นบ้าน ภาพประกอบ/ภาพหน้าปกโดย:ผู้เขียน หิวใช่ไหม อยากหาของกินอร่อย ๆ ใช่หรือเปล่า ส่องร้านเด็ดร้านดังได้ที่ App TrueID โหลดฟรี !