สำหรับร้านกาแฟที่เชียงใหม่ที่หลายคนน่าจะรู้จักกันเป็นอย่างดีหนึ่งในนั้นก็ คือ อาข่า อาม่า ที่ต้องยอมรับในเรื่องกาแฟที่เขาดีจริง คุณภาพมาเต็มทุกแก้ว ที่สำคัญราคาก็ถือว่าสบายกระเป๋ามากๆ ซึ่งปกติผมมาเชียงใหม่ก็จะไม่ลืมที่จะแวะเวียนมาชิมกาแฟของที่นี่ทุกครั้ง ที่ ร้าน กาแฟอาข่า อ่ามา La Fattoria สาขา 2 แถววัดสิงห์ ที่อยู่ในตัวเมืองเชียงใหม่ แต่วันนี้เราจะพามาชิมกาแฟ ในบรรยากาศสุดชิล กันที่สาขาใหม่แถวแม่ริม กับร้าน Akha Ama Living Factory นั่นเอง โดยขับจากตัวเมืองเชียงใหม่ไปประมาณ 20 กิโลเมตร โดยใช้เส้นทางหมายเลข 107 แถวอำเภอแม่ริม โดยที่นี่ตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 5 ไร่ ที่เป็นทั้งร้านกาแฟ โรงคั่ว และพื้นที่ท่องเที่ยวไปในตัว ส่วนร้านกาแฟที่นี่บอกเลยว่าเหมือนตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ และสิ่งที่สะดุดตาตั้งแต่แวบแรกที่คุณมาถึงที่นี่ ก็คือ ต้นฉำฉาเก่าแก่ขนาดใหญ่ ที่แผ่กิ่งก้านสาขาอยู่หน้าร้าน (สังเกตได้จากเงาในรูป) และสิ่งที่คุณจะสัมผัสได้เมื่อมาถึงที่นี่ก็คือ การก่อสร้างของร้านนี้ ที่ดูมีชีวิต ให้อารมณ์ความรู้สึกที่ดูสอดรับกับธรรมชาติที่อยู่บริเวณโดยรอบมากครับ เมื่อเราสัมผัสดื่มด่ำกับบรรยากาศกับธรรมชาติของร้านแล้ว ก็ถือว่าเวลาร่ำกาแฟกันสักหน่อย พิโคโลลาเต้ Piccolo Latte (ราคา 50 บาท) กลายเป็นหนึ่งในเมนูโปรดของผมสำหรับ อาข่า อาม่า ที่ไม่ว่าจะไปสาขาไหนก็ต้องกิน เพราะความหอมเข้มของกาแฟที่ติดใจมาโดยตลอด ผสมกับความนุ่มของนมที่ใส่มากำลังพอดี ร่ำไปฟินไปครับแก้วนี้ Dirty Coffee (ราคา 60 บาท) สำหรับเมนูนี้เป็นครั้งแรกที่ได้ลองกินครับ ลักษณะของมันคือ จะมีนมที่เแช่เย็นๆ อยู่สัก 3/4 ของถ้วย แล้วราดด้วยกาแฟ Espresso 1 shot ที่สกัดมาจากเครื่องโดยตรงเลย ทำให้เป็นที่มาของคำว่า Dirty ที่ดูเลอะๆ แต่มันดูอาร์ทเป็นบ้า ส่วนรสชาติ ไม่ต้องพูดถึงนะ ผมร่ำไปยิ้มไปอย่างมีความสุข Drip Coffee (ราคา 90 บาท) เรายังไม่หยุดยั้งในการร่ำกาแฟ โดยเป็นครั้งแรกของผมที่ได้ลองชิมกาแฟดริปเช่นกัน เมล็ดกาแฟที่เลือกคือ Meelor รู้จักหรอ บอกเลยว่าไม่ พอดีบอกน้องว่าพี่ร่ำกาแฟมาแยะละ แต่อยากชิมขอที่คาเฟอีนแบบอ่อนๆ หน่อยละกัน น้องเขาเลยเลือกอันนี้ให้ ผมนั่งดูกรรมวิธีการทำจนเพลินเลยครับ ใครเป็นแฟนกาแฟสายนี้คงจะรู้ดีว่า การที่ได้เห็นมันค่อยๆ สกัดออกมาทีละหยด มันช่างชวนให้ลิ้มลองยิ่งนัก ผมไม่รู้ว่าความอยากและความอดทนที่เรามีต่อกาแฟดริปด้วยหรือเปล่า ยิ่งทำให้การร่ำกาแฟยิ่งอร่อยเข้าไปอีกนะ บรรยากาศช่างเกินหยุดยั้ง แต่ผมต้องหยุดร่ำก่อนตัวเองจะแย่ไปกว่านี้ เพราะภาพที่เห็นอยู่คือ แก้วกาแฟสี่แก้วที่ว่างเปล่าวางเรียงอยู่ตรงหน้า โดยฝีมือผมล้วนๆ เลย วันหนึงไม่เคยกินกาแฟขนาดนี้มาก่อน ผมถึงบอกต้องยอมใจกับกาแฟที่นี่จริงๆ แถมมาเจอกับร้านที่บรรยากาศดีๆ แบบนี้จึงเปลี่ยนการดื่มกาแฟของผม กลายเป็นการร่ำกาแฟไปนั่นเอง พิกัด : Akha Ama Living Factory (เวลา เปิด -ปิด 9.00 - 17.00 น.ปิดวันพุธ) สำหรับใครอยากรู้ที่มาของสาขานี้ลองตามไปอ่านได้ที่ Akha Ama Living Factory เป็นมากกว่าร้านกาแฟ แต่คือพื้นที่ของการอยู่ “ร่วมกัน”