9 เคล็ดลับเลือกซื้ออาหารให้ปลอดภัย ในตลาด ช่วงหน้าฝน ทำยังไง มารู้กันเลย! เขียนโดย ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล หลายคนอาจไม่ทันสังเกตว่า เมื่อฤดูฝนมาถึงตลาดสดมักเผชิญกับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด ทั้งความชื้นสูง น้ำขังตามพื้น และละอองฝนที่กระเซ็นใส่อาหารโดยตรง ซึ่งปัจจัยเหล่านี้กลายเป็นแหล่งสะสมของสิ่งปนเปื้อนและจุลินทรีย์ได้ง่าย ทำให้อาหารสดอย่างผัก เนื้อสัตว์ หรือแม้แต่อาหารพร้อมกินเสื่อมคุณภาพเร็วขึ้นกว่าปกติ อีกทั้งสัตว์พาหะ เช่น แมลงวัน ยุง หรือแมลงสาบ ก็มักจะออกมามากขึ้นในสภาพแวดล้อมชื้นๆ แบบนี้ จึงส่งผลให้ความเสี่ยงต่อการปนเปื้อนในอาหารสูงขึ้นโดยที่ผู้บริโภคอาจจะยังมองภาพไม่ออก! นอกจากนี้พื้นที่ขายในตลาดบางแห่งอาจไม่มีระบบป้องกันน้ำฝนที่ดีเพียงพอ ทำให้ละอองฝนสามารถปะปนมากับสินค้าโดยตรง การจัดเก็บที่ไม่เหมาะสม เช่น การวางอาหารบนพื้นเปียกหรือในภาชนะที่มีน้ำขัง ยิ่งไปเพิ่มความเสี่ยงต่อการแพร่กระจายของจุลินทรีย์โดยไม่รู้ตัว ดังนั้นการเลือกซื้ออาหารในช่วงหน้าฝน จึงไม่ใช่เรื่องง่ายๆ แต่ต้องอาศัยการสังเกตและความรอบคอบมากกว่าฤดูกาลอื่น เพื่อให้มั่นใจว่าอาหารที่นำกลับบ้านนั้นปลอดภัยและไม่เป็นอันตรายต่อสุขอนามัยของทุกคนครอบครัวนะคะ ซึ่งต่อไปนี้คือแนวทางในการนำไปใช้ในสถานการณ์จริงค่ะ 1. สังเกตความสะอาดของร้านค้า เวลาที่เราเดินเลือกซื้ออาหารในตลาดช่วงหน้าฝนนั้น สิ่งแรกที่ควรใส่ใจคือบรรยากาศรอบๆ ร้านค้าค่ะ หากพื้นแฉะ มีน้ำขัง หรือมีกลิ่นเหม็นชื้น แสดงว่ามีความเสี่ยงที่จุลินทรีย์จะสะสมและแพร่กระจายได้ง่าย เพราะน้ำฝนที่ไหลผ่านพื้นสกปรกสามารถพาสิ่งปนเปื้อนมาติดอาหารได้โดยตรง การมองว่าพื้นสะอาด ไม่มีเศษขยะกอง หรือมีการระบายน้ำที่ดี จึงเป็นสิ่งที่บ่งบอกว่าเจ้าของร้านให้ความสำคัญกับสุขอนามัย การที่ร้านสะอาดยังช่วยให้ลูกค้ารู้สึกมั่นใจ และบ่งบอกถึงการดูแลใส่ใจรายละเอียดเล็กน้อย ที่อาจส่งผลใหญ่ต่อความปลอดภัยของอาหารที่ขาย และอีกจุดที่ไม่ควรมองข้าม คือ การจัดวางสินค้าค่ะ ร้านที่ยกอาหารขึ้นจากพื้นโดยใช้โต๊ะ ตะแกรง หรือภาชนะสะอาด ย่อมดีกว่าการวางอาหารสัมผัสกับพื้นแฉะๆ โดยตรง เพราะช่วยลดการสัมผัสสิ่งสกปรกและสัตว์พาหะ เช่น แมลงวันหรือมด การสังเกตว่าร้านมีการปิดคลุมสินค้า ป้องกันละอองฝน หรือใช้ถุงพลาสติกสะอาดห่อหุ้มอย่างเหมาะสม ก็ทำให้มั่นใจได้ว่าอาหารปลอดภัยยิ่งขึ้น ดังนั้นเพียงแค่ใช้สายตาสำรวจสภาพร้านก่อนเลือกซื้อ เราก็สามารถลดโอกาสเสี่ยงจากสิ่งปนเปื้อนในช่วงหน้าฝนได้มากแล้วนะคะ 2. เลือกวัตถุดิบที่แห้งและไม่เปียกน้ำฝน ช่วงหน้าฝนสิ่งที่ควรระวังเป็นพิเศษคืออาหารที่เปียกน้ำค่ะ เพราะความชื้นเป็นตัวเร่งให้จุลินทรีย์เจริญเติบโตและทำให้อาหารเสียง่ายกว่าปกติ ผักที่เปียกจนเฉา หรือเนื้อสัตว์ที่มีน้ำฝนขังอยู่ในถาด มักเป็นจุดบ่งบอกว่ามีการปนเปื้อนเกิดขึ้นแล้ว เพราะว่าน้ำฝนที่ไหลผ่านหลังคาหรือผ้าใบสกปรก อาจมีจุลินทรีย์ปะปนมาโดยเราไม่รู้ตัว การสังเกตความแห้งของวัตถุดิบก่อนซื้อ จึงเป็นเกณฑ์สำคัญที่จะช่วยให้มั่นใจว่า อาหารยังสะอาดและปลอดภัยนะคะ ซึ่งการเลือกวัตถุดิบมาทำอาหาร ที่ยังคงสดกรอบและไม่มีละอองน้ำเกาะมากเกินไป จึงเป็นวิธีง่ายๆ ในการตัดสินใจซื้อของในตลาดค่ะ ซึ่งอีกหนึ่งวิธีที่ควรใช้คือดูการป้องกันของร้านค้า หากอาหารถูกจัดเก็บภายใต้พลาสติกคลุมที่สะอาด มีการป้องกันละอองฝนได้ดี และไม่ได้ตั้งไว้ในพื้นที่ที่น้ำสาดกระเซ็น ก็จะลดความเสี่ยงได้มาก การซื้อผัก ผลไม้ หรือเนื้อสัตว์ที่ยังคงแห้งและดูสดใส ช่วยให้เรามั่นใจว่านำกลับไปปรุงแล้วไม่เกิดปัญหาด้านสุขอนามัย อีกทั้งยังเก็บรักษาในตู้เย็นได้นานขึ้น ที่จะต่างจากอาหารที่เปียกซึ่งมักเสื่อมคุณภาพอย่างรวดเร็ว ดังนั้นหากไม่อยากเสี่ยงกับความเจ็บป่วยที่มากับหน้าฝนผ่านทางอาหาร ต้องเลือกวัตถุดิบที่แห้งและไม่เปียกเป็นหลักเสมอค่ะ 3. ตรวจสอบความสดของเนื้อสัตว์ ในช่วงหน้าฝนเนื้อสัตว์ถือเป็นวัตถุดิบที่เสียง่ายที่สุด การเลือกซื้อจึงต้องใช้สายตาและจมูกช่วยกันตรวจสอบอย่างรอบคอบค่ะ เนื้อหมูที่สดมักมีสีชมพูอ่อน ไม่คล้ำหรือเขียวปน และไม่มีน้ำเมือกเกาะผิว ส่วนเนื้อไก่ควรดูแน่น หนังตึง และไม่มีกลิ่นเหม็นหืน สำหรับปลาควรสังเกตว่าตายังใส เหงือกสีแดงสด และเกล็ดติดแน่น หากพบความผิดปกติ เช่น กลิ่นเหม็น สีซีดคล้ำ หรือผิวเละ ควรหลีกเลี่ยงทันที เพราะนั่นคือสัญญาณว่าเนื้อเริ่มเสื่อมคุณภาพแล้วนะคะ และนอกจากการสังเกตลักษณะภายนอกแล้ว ยังควรดูสภาพการจัดเก็บของผู้ขายด้วยว่าเก็บเนื้อสัตว์อย่างถูกวิธีหรือไม่ ร้านที่วางเนื้อบนตะแกรงเหนือก้อนน้ำแข็งย่อมดีกว่าการแช่จมอยู่ในน้ำแข็งละลาย เพราะน้ำที่สกปรกสามารถแพร่จุลินทรีย์ได้รวดเร็ว การสัมผัสเบาๆ เพื่อตรวจสอบความยืดหยุ่นของเนื้อ ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยยืนยันความสดได้ค่ะ หากเนื้อเด้งแน่นกลับคืนรูปได้ง่ายแสดงว่าคุณภาพยังดี แต่ถ้ากดแล้วบุ๋ม ไม่คืนตัว แสดงว่าผ่านการเก็บนานเกินไป ดังนั้นการตรวจสอบความสดของเนื้อสัตว์จึงไม่ใช่เพียงแค่การมอง แต่ต้องใส่ใจทุกองค์ประกอบเพื่อให้ได้อาหารปลอดภัยกลับบ้านนะคะ 4. มองหาการหมุนเวียนสินค้าที่รวดเร็ว ในตลาดช่วงหน้าฝนอาหารสดมักเสื่อมคุณภาพเร็วกว่าปกติค่ะ การเลือกซื้อจากร้านที่มีลูกค้าจำนวนมากและสินค้าถูกขายออกไปเรื่อยๆ ถือเป็นสิ่งที่ดีว่าสินค้ามีการหมุนเวียนตลอดเวลา ผักที่ถูกเติมใหม่บ่อยๆ หรือเนื้อสัตว์ที่ขายหมดแล้วนำมาแทนด้วยของสดชุดใหม่ มักจะมีคุณภาพดีกว่าของที่ค้างอยู่นาน การมองหาจุดเล็กๆ เช่น แม่ค้าตักของใหม่ออกมาเสริม หรือถาดว่างเปล่าแล้วถูกเติมเต็มอยู่เสมอ ก็เป็นตัวชี้วัดที่ช่วยให้เราเลือกได้อย่างมั่นใจได้นะคะ ตลอดจนร้านค้าที่หมุนเวียนสินค้ารวดเร็วยังบ่งบอกถึงความใส่ใจของผู้ขาย เพราะคนขายมักไม่จำเป็นต้องใช้สารกันเสีย หรือใช้วิธีเก็บรักษาที่เสี่ยงต่อสุขอนามัยของผู้บริโภค เมื่อสินค้าถูกขายออกไปเร็ว ความเสี่ยงจากการสะสมจุลินทรีย์ก็ลดลงตามไปด้วย อีกทั้งยังช่วยให้เรามั่นใจได้ว่าของที่เลือกซื้อนั้นสดใหม่จริงๆ การตัดสินใจเลือกซื้อจากร้านลักษณะนี้ จึงเป็นเคล็ดลับง่ายๆ ที่ช่วยป้องกันการนำอาหารปนเปื้อนกลับเข้าครัวในช่วงหน้าฝนได้เป็นอย่างดีค่ะ 5. พิจารณาบรรจุภัณฑ์และการห่อหุ้ม ในหน้าฝนการเลือกซื้ออาหารไม่ควรมองแค่ความสดค่ะ แต่ต้องใส่ใจกับบรรจุภัณฑ์ที่ใช้ห่อหุ้มด้วย หากอาหารถูกบรรจุในถุงพลาสติกใสสะอาด ปิดปากถุงแน่น หรือห่อหุ้มด้วยวัสดุที่ป้องกันน้ำฝนได้ดี ก็จะช่วยลดโอกาสการปนเปื้อนจากละอองฝนและแมลงได้มาก ตรงกันข้ามหากบรรจุภัณฑ์มีน้ำเกาะ มีฝ้าขาว หรือซีลไม่สนิท นั่นคือสัญญาณว่าความสะอาดอาจไม่เพียงพอ และควรหลีกเลี่ยงทันทีเพื่อความปลอดภัย และอีกสิ่งที่ควรพิจารณาคือคุณภาพของวัสดุที่ใช้ห่อ เช่น กล่องโฟมเก่าที่มีคราบสกปรกหรือถุงที่ขาดง่าย เพราะอาจเปิดช่องให้น้ำฝนซึมเข้าได้ การเลือกสินค้าที่ใช้บรรจุภัณฑ์ใหม่สะอาด โปร่งใสและแข็งแรง จะช่วยให้มั่นใจได้มากขึ้นว่าสินค้าถูกปกป้องอย่างดี เพราะร้านค้าที่ใส่ใจเลือกภาชนะคุณภาพสูง มักเป็นร้านที่คำนึงถึงสุขอนามัยเป็นพิเศษนะคะ ดังนั้นการพิจารณาเรื่องการห่อหุ้ม จึงไม่ใช่แค่เรื่องความสวยงามเท่านั้น แต่เป็นเกราะป้องกันที่สำคัญต่อความปลอดภัยของอาหารในช่วงหน้าฝนนะคะ 6. ดูความสะอาดของผู้ขาย หลายคนยังไม่รู้ว่า หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่บอกถึงความปลอดภัยของอาหาร คือ สุขอนามัยของผู้ขายค่ะ หากคนขายแต่งกายสะอาด ใส่เสื้อผ้าที่เหมาะสม มีผ้ากันเปื้อนที่ไม่สกปรกจนเกินไป และผมเก็บรวบเรียบร้อย สิ่งเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความใส่ใจในรายละเอียดนะคะ เพราะการล้างมือเป็นประจำก่อนหยิบจับอาหาร หรือการสวมถุงมือและหน้ากากอนามัย เป็นสิ่งที่ช่วยสร้างความมั่นใจได้มากขึ้น ในทางกลับกันหากเห็นผู้ขายจับอาหารด้วยมือเปล่า แล้วไปจับเงินสดต่อทันที นั่นคือสัญญาณที่ควรหลีกเลี่ยงเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการปนเปื้อนข้ามค่ะ นอกจากนี้การสังเกตท่าทางและวิธีการทำงานของผู้ขาย ก็ช่วยให้เราตัดสินใจได้ง่ายขึ้นด้วย เช่น ผู้ขายที่ใช้คีมหรือช้อนตักอาหารแทนการใช้มือ จะช่วยลดการปนเปื้อนโดยตรงได้อย่างมาก ผู้ขายที่รักษาความสะอาดพื้นที่ทำงาน ไม่ปล่อยให้เศษอาหารกองรวมกันหรือมีแมลงวันตอม ย่อมสร้างความมั่นใจได้ว่ามีมาตรฐานด้านสุขอนามัยที่ดี ดังนั้นการดูความสะอาดของผู้ขายไม่ใช่เพียงการมองผิวเผิน แต่เป็นเกณฑ์สำคัญที่ช่วยให้เราคัดกรองร้านค้าที่ปลอดภัยในช่วงหน้าฝนได้จริงค่ะ 7. เลือกซื้ออาหารตามฤดูกาล รู้ไหมคะว่า การเลือกซื้ออาหารตามฤดูกาล ถือเป็นวิธีที่สร้างความปลอดภัยและความคุ้มค่าได้ในเวลาเดียวกัน โดยเฉพาะในช่วงหน้าฝนที่ความชื้นทำให้อาหารเสียง่าย ซึ่งวัตถุดิบที่ออกตามฤดูกาลมักจะมีความสดใหม่ เพราะถูกเก็บมาไม่นาน จึงไม่จำเป็นต้องเก็บรักษานานๆ หรือขนส่งไกลๆ เช่น ผักพื้นบ้านหลายชนิดที่เจริญเติบโตได้ดีในหน้าฝน ย่อมมีคุณภาพ มีความสด กรอบ และมีสารอาหารสูงกว่าผักที่อยู่นอกฤดูกาล ซึ่งอาจต้องใช้สารเร่งการเจริญเติบโตหรือสารกันเสียเพื่อให้เก็บได้นานขึ้นนะคะ อีกทั้งการซื้ออาหารตามฤดูกาลยังช่วยให้เราประหยัดค่าใช้จ่าย เพราะผลผลิตที่ออกมากในช่วงนั้น มักจะมีราคาถูกกว่าของที่ต้องนำเข้าหรือเก็บรักษานาน อีกทั้งยังเป็นการสนับสนุนเกษตรกรท้องถิ่นที่ปลูกตามธรรมชาติ ลดความเสี่ยงจากการใช้สารเคมีเกินจำเป็นได้มากขึ้น ดังนั้นหากต้องการทั้งความสด คุณค่า และความปลอดภัย ควรหันมาเลือกซื้อวัตถุดิบที่เหมาะกับฤดูกาล โดยเฉพาะในช่วงหน้าฝนที่อาหารเสียง่าย ซึ่งการใช้หลักการนี้จะช่วยให้ทุกมื้ออาหารปลอดภัยและอร่อยยิ่งขึ้นได้ค่ะ 8. ตรวจสอบวันผลิตหรือสอบถามแหล่งที่มา คุณผู้อ่านรู้ไหมคะว่า ช่วงหน้าฝนอาหารบรรจุถุงหรืออาหารสำเร็จรูป เช่น เต้าหู้ น้ำเต้าหู้ ขนม หรือของแปรรูปต่างๆ มักเสียง่ายเป็นพิเศษ ซึ่งการตรวจสอบวันผลิตและวันหมดอายุบนฉลาก จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามค่ะ หากบรรจุภัณฑ์ไม่มีการระบุชัดเจน ควรหลีกเลี่ยง เพราะอาจเสี่ยงต่อการซื้อสินค้าที่เก็บไว้นานจนเสื่อมคุณภาพไปแล้ว การใส่ใจรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เช่น ตัวเลขวันผลิตหรือสัญลักษณ์มาตรฐาน ก็เป็นเกราะป้องกันที่ช่วยลดโอกาสเจออาหารปนเปื้อนได้อย่างมากนะคะ หากเป็นสินค้าที่ไม่มีฉลาก เช่น อาหารสดหรือขนมท้องถิ่น ควรถามผู้ขายโดยตรงว่าเพิ่งทำหรือเก็บไว้นานกี่วัน ร้านที่ให้ข้อมูลชัดเจนและตอบอย่างมั่นใจ มักเป็นร้านที่ดูแลและใส่ใจในคุณภาพจริงๆ แต่หากผู้ขายตอบเลี่ยงหรือไม่กล้าระบุเวลาชัดเจน นั่นคือสัญญาณที่ควรหลีกเลี่ยงเช่นกันค่ะ เพราะเราไม่มีหลักฐานยืนยันความสดใหม่ ดังนั้นการตรวจสอบวันผลิตหรือสอบถามที่มาไม่เพียงแต่เพิ่มความมั่นใจ แต่ยังเป็นแนวทางสำคัญในการปกป้องสุขอนามัยของทุกคนครอบครัว ในช่วงหน้าฝนที่อาหารเสียง่ายกว่าปกติอีกด้วยนะคะ 9. เลือกซื้อในปริมาณที่เหมาะสม ในช่วงหน้าฝนการซื้ออาหารในปริมาณมากเกินไป อาจกลายเป็นความเสี่ยงได้ค่ะ เพราะสภาพอากาศที่ชื้นและไฟฟ้าที่อาจดับบ่อย จะทำให้อาหารเสื่อมคุณภาพเร็วกว่าปกติ การซื้อพอดีสำหรับการบริโภคเพียง 1–2 วัน จึงเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยกว่า เนื้อสัตว์สดควรแบ่งซื้อทีละน้อยแล้วนำไปแช่แข็งทันที ส่วนผักผลไม้ควรเลือกเท่าที่จำเป็น เพื่อป้องกันการเน่าเสียก่อนนำมาปรุง เมื่อซื้อในปริมาณพอเหมาะ ยังช่วยลดการสิ้นเปลืองและปัญหาขยะอาหารในครัวเรือนอีกด้วยค่ะ ซึ่งการวางแผนเมนูอาหารล่วงหน้าก็เป็นตัวช่วยสำคัญ ที่จะทำให้การซื้อเป็นระบบมากขึ้น หากรู้ว่าแต่ละมื้อจะทำเมนูอะไรบ้าง เราจะสามารถเลือกซื้อเฉพาะวัตถุดิบที่จำเป็น ไม่ต้องกักตุนเกินความต้องการ การซื้อแบบนี้ไม่เพียงลดความเสี่ยงจากการกินอาหารที่เสื่อมคุณภาพ แต่ยังช่วยควบคุมค่าใช้จ่ายและทำให้ครอบครัวได้กินอาหารที่สดใหม่เสมอ ดังนั้นการเลือกซื้อในปริมาณที่เหมาะสม ถือเป็นหนึ่งในเคล็ดลับสำคัญที่ช่วยให้ปลอดภัยและประหยัดในช่วงหน้าฝนได้จริงค่ะ ก็มีเพียงเท่านี้ค่ะ กับเคล็ดลับที่สามารถนำไปใช้ได้ เพื่อเลือกซื้ออาหารให้ปลอดภัย ที่โดยสรุปแล้วเมื่อถึงฤดูฝนการเลือกซื้ออาหารในตลาด ไม่ใช่เพียงเรื่องของความสดใหม่เท่านั้นค่ะ แต่ยังเกี่ยวข้องกับความปลอดภัยต่อสุขอนามัยของทุกคนในครอบครัวด้วย ซึ่งเคล็ดลับต่างๆ เช่น การสังเกตความสะอาดของร้าน การตรวจสอบบรรจุภัณฑ์ หรือการดูความสดของเนื้อสัตว์ สิ่งเหล่านี้สามารถนำไปใช้ได้จริงในทุกครั้งที่ออกไปซื้อของที่ตลาด เพียงแต่ต้องใช้สายตา การสัมผัส และการถามข้อมูลจากผู้ขาย เท่านี้เราก็สามารถคัดกรองอาหารที่เสี่ยงออกไปได้อย่างมีประสิทธิภาพได้แล้วค่ะ และความสำคัญของการใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ เพราะว่าเป็นการป้องกันไม่ให้จุลินทรีย์และสิ่งปนเปื้อนเข้าสู่ครัวและร่างกายโดยไม่รู้ตัวนะคะ ถ้าหากละเลยแม้เพียงข้อเดียว ก็อาจกลายเป็นช่องทางที่นำไปสู่ปัญหาสุขอนามัยได้ ดังนั้นทุกเคล็ดลับไม่ว่าจะเป็นการเลือกอาหารที่ไม่เปียกน้ำฝน การซื้อสินค้าตามฤดูกาล หรือการพิจารณาสุขอนามัยของผู้ขาย ล้วนมีคุณค่าและช่วยให้การซื้ออาหารในช่วงหน้าฝนได้ปลอดภัยมากขึ้นค่ะ ซึ่งสิ่งสำคัญที่สุดอีกคือการทำอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่เพียงใส่ใจแค่ครั้งเดียวแล้วเลิกไป แต่การเลือกอาหารอย่างรอบคอบ ควรกลายเป็นนิสัยที่ฝังอยู่ในชีวิตประจำวัน ยิ่งเราฝึกฝนและทำบ่อยๆ ก็จะยิ่งเลือกได้คล่องและแม่นยำขึ้น ที่สำคัญยังสร้างมาตรฐานใหม่ให้ครอบครัวได้รับอาหารที่ปลอดภัยอยู่เสมอ เพราะสุขอนามัยที่ดีเริ่มต้นจากการเลือกวัตถุดิบที่ปลอดภัยตั้งแต่ตลาดก่อนเข้าครัวค่ะ ดังนั้นจึงควรใส่ใจทุกครั้งที่เลือกซื้ออาหารนะคะ ที่ปกติแล้วผู้เขียนก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ให้ความสำคัญเรื่องอาหารค่ะ โดยมักซื้ออาหารตามฤดูกาล วัตถุดิบที่ปลอดสารพิษ หรือเก็บได้ตามธรรมชาติในแหล่งที่เชื่อถือได้ และมักซื้อวัตถุดิบจากในท้องถิ่นก่อนเสมอ ซื้อแค่พอดีใช้และเลือกที่จะทำอาหารหรือซื้ออาหารทานจากวัตถุดิบที่หลากหลายค่ะ โดยในส่วนของผักนั้น ผู้เขียนมีร้านประจำในการเลือกซื้อค่ะ หมู ปลา ผลไม้ ก็มีแหล่งขายที่ผู้เขียนไว้ใจได้ค่ะ ซึ่งทุกๆ แนวทางที่ผู้เขียนได้นำเสนอไว้นั้น โดยส่วนตัวแล้วผู้เขียนก็ได้นำมาประยุกต์ใช้ในทุกๆ วันในช่วงหน้าฝนนะคะ เพราะอาหารสามารถนำความเจ็บป่วยมาสู่คนเราได้ คุณผู้อ่านเองก็ต้องให้ความสำคัญกับการเลือกซื้ออาหารในหน้าฝนค่ะ ซึ่งการนำไปประยุกต์ในทุกๆ วัน ตัวเราจะได้ประโยชน์นะคะ ยังไงนั้นก็อย่าลืมนำไปปรับใช้ในสถานการณ์จริงกันค่ะ และด้วยความตั้งใจ ผู้เขียนหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับคุณผู้อ่านไม่มากก็น้อย หากสนใจเนื้อหาเช่นนี้อีก อย่าลืมกดติดตามหรือบุ๊กมาร์กโปรไฟล์ไว้ เพื่อรับข้อมูลใหม่ๆ ในบทความต่อไป ถ้าต้องการอ่านบทความทั้งหมดโดยผู้เขียน ให้กดดูโปรไฟล์ได้เลยค่ะ #วิธีเลือกซื้ออาหาร #อาหารในตลาด_ประเทศไทย #ความปลอดภัยในอาหาร #FoodSafety เครดิตรูปภาพประกอบบทความ รูปภาพทำหน้าปก โดย Senivpetro จาก FREEPIK และออกแบบหน้าปกโดยผู้เขียน ใน Canva รูปภาพประกอบเนื้อหาโดยผู้เขียน เกี่ยวกับผู้เขียน ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล จบการศึกษา: พยาบาลศาสตรบัณฑิต จากวิทยาลัยพยาบาลศรีมหาสารคาม กระทรวงสาธารณสุข และสาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต (อนามัยสิ่งแวดล้อม) จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น มีความสนใจและประสบการณ์เกี่ยวกับ: สุขภาพ จิตวิทยาเชิงบวก การบำบัดน้ำเสียและกำจัดสิ่งปฏิกูล 9 ทริคเก็บรักษาอาหาร ในช่วงไฟฟ้าดับ ทำอย่างไรดี ให้ปลอดภัย 9 ทริคสุขาภิบาลอาหาร สำหรับคนแพ้อาหาร ต้องระวังอย่างไรดี 12 เมนูอาหารไทยเสียง่าย ในหน้าฝน ต้องเลือกและเก็บให้ถูกวิธี หิวใช่ไหม อยากหาของกินอร่อย ๆ ใช่หรือเปล่า ส่องร้านเด็ดร้านดังได้ที่ App TrueID โหลดฟรี !