วิธีเลือกหัวไชเท้าสีขาว แบบไหนดี สดใหม่ มีคุณภาพ | บทความโดย ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล ผักสีขาวมีลักษณะเป็นหัว ที่มักนำมาแกงจืด ต้มจับฉ่าย หรือนำมาต้มในน้ำซุปของก๋วยเตี๋ยว และอื่นๆ อีกหลายเมนูนั้น ซึ่งทุกคนพอจะมองภาพออกว่าเป็นหัวไชเท้าสีขาวสวยๆ เพราะด้วยความอร่อยแบบเฉพาะ เนื้ออ่อนนุ่มตอนสุกแล้ว สถานการณ์นี้ก็ทำให้ผู้เขียนได้มีโอกาสเลือกซื้อผักชนิดนี้มาทำอาหารบ่อยๆ เหมือนกันค่ะ ที่มักนำมาต้มจับฉ่ายมากที่สุด หัวไชเท้าอร่อย สดใหม่และน่าซื้อ ไม่ได้หยิบจับอะไรมาก็ได้นะคะ แต่หัวไชเท้าดีๆ ต้องมีเคล็ดลับในการเลือกค่ะ โดยที่ในบทความนี้เราจะมารู้กันว่า จะมีเคล็ดลับในการเลือกและสังเกตยังไงดี เพื่อให้ได้หัวไชเท้าคุณภาพ ที่ไม่จกตา ไปซื้อตอนไหน ก็ได้หัวสดใหม่ตอนนั้น ที่รับรองว่าไม่ยากจนเกินไปที่จะอ่านทำความเข้าใจและนำไปใช้สำหรับทุกคนค่ะ อยากรู้แล้วใช่ไหมค่ะ งั้นอย่าช้าที่จะอ่านให้จบ กับเนื้อหาดังต่อไปนี้ค่ะ 1. ดูผิวภายนอก การสังเกตผิวภายนอกของหัวไชเท้าเป็นขั้นตอนแรกที่สำคัญในการเลือกซื้อหัวไชเท้าที่ดี ดังนั้นให้ลองสัมผัสผิวของหัวไชเท้าเบาๆ จะรู้สึกถึงความเรียบเนียน ไม่มีรอยขรุขระหรือเป็นปุ่ม สีของผิวจะต้องสม่ำเสมอทั่วทั้งหัว ไม่มีย่านสีที่แตกต่างกันมากเกินไป ผิวควรเรียบตึง ไม่มีรอยแตกลายหรือรอยร้าว สีขาวของหัวไชเท้าที่ดีจะมีความขุ่นเล็กน้อย ไม่ขาวซีดจนเกินไป ไม่ควรมีสีเหลือง สีเทา หรือสีเขียวปนอยู่ เพราะอาจบ่งบอกว่าหัวไชเท้าเริ่มเสื่อมสภาพ และบริเวณรากของหัวไชเท้าควรมีสีขาวเช่นกัน ไม่ควรมีสีน้ำตาลหรือสีดำค่ะ ไม่ควรมีรอยช้ำหรือรอยขีดข่วน เพราะว่ารอยขีดข่วนเล็กๆ ก็เป็นช่องทางให้เชื้อโรคเข้าไปทำลายเนื้อในได้ รอยช้ำบนผิวอาจทำให้เกิดการเน่าเสียภายในได้ง่าย และรอยบุบอาจบ่งบอกว่าหัวไชเท้าได้รับแรงกระแทก และเนื้อในอาจเสียหายค่ะ 2. สังเกตขนาดและรูปทรง การสังเกตขนาดและรูปทรงของหัวไชเท้าเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญในการเลือกซื้อหัวไชเท้าที่มีคุณภาพค่ะ เพราะนอกจากจะช่วยให้เราได้หัวไชเท้าที่เหมาะสมกับการใช้งานแล้ว ยังช่วยบ่งบอกถึงคุณภาพของเนื้อในได้อีกด้วย หัวไชเท้าที่มีขนาดพอดี ไม่เล็กจนเกินไปหรือใหญ่จนเกินไป มักจะมีเนื้อสัมผัสที่นุ่มอร่อย และไม่มีส่วนที่แข็งกระด้าง ถ้าเล็กเกินไป อาจมีเนื้อในน้อย หรือมีเส้นใยมาก แต่ถ้าใหญ่เกินไป อาจมีส่วนที่แก่เกินไป หรือมีแกนกลางที่แข็ง หัวไชเท้าที่มีรูปทรงกลม หรือรูปทรงกระบอกที่สมมาตร มักจะมีเนื้อในที่แน่น และเติบโตอย่างสมบูรณ์ ในขณะที่หัวไชเท้าที่มีรูปทรงผิดปกติ เช่น มีรอยบุบ รอยบิดเบี้ยว หรือมีรากแตกแขนงมาก อาจมีเนื้อในที่เสียหาย หรือมีรสชาติที่ไม่ดีค่ะ อย่างไรก็ตามรูปทรงของหัวไชเท้ายังขึ้นอยู่กับพันธุ์อีกด้วย บางพันธุ์จะมีรูปทรงกลม บางพันธุ์จะมีรูปทรงยาวรีนะคะ 3. ตรวจสอบความหนัก การตรวจสอบน้ำหนักของหัวไชเท้าเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยให้เราประเมินคุณภาพได้อย่างรวดเร็ว เพราะหัวไชเท้าที่สดใหม่และมีน้ำหนักดี มักจะมีเนื้อแน่นและรสชาติหวานกรอบ เพราะหัวไชเท้าที่สดใหม่จะมีปริมาณน้ำสูง ทำให้น้ำหนักค่อนข้างมาก เมื่อเทียบกับขนาด หัวไชเท้าที่มีน้ำหนักดี มักจะไม่โปร่ง และไม่มีช่องว่างภายใน ส่วนหัวไชเท้าที่ขาดน้ำ หรือเสื่อมสภาพ จะมีน้ำหนักเบาลง และเนื้อจะแข็งกระด้างค่ะ โดยวิธีตรวจสอบน้ำหนักของหัวไชเท้า มีดังนี้ เปรียบเทียบกับหัวไชเท้าอื่น: หากมีหัวไชเท้าให้เลือกหลายหัว ลองยกหัวไชเท้าแต่ละหัวขึ้นมาเปรียบเทียบกัน หัวไชเท้าที่หนักกว่า มักจะมีคุณภาพดีกว่า สัมผัสความแน่น: นอกจากการชั่งน้ำหนักแล้ว การสัมผัสความแน่นของหัวไชเท้าก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยยืนยันได้ว่าหัวไชเท้ามีน้ำหนักดีหรือไม่ หัวไชเท้าที่สดใหม่ เมื่อกดเบาๆ จะรู้สึกถึงความแน่น ไม่ยุบตัว สังเกตขนาด: หัวไชเท้าที่มีขนาดใหญ่ แต่มีน้ำหนักเบา อาจเป็นเพราะขาดน้ำ หรือมีเนื้อในที่เสียหาย 4. กดดูความแน่น การกดตรวจสอบความแน่นของหัวไชเท้า เป็นวิธีง่ายๆ ที่ช่วยให้เราประเมินคุณภาพของหัวไชเท้าได้อย่างรวดเร็ว วิธีนี้จะช่วยให้เราเลือกได้ว่าหัวไชเท้ามีความสดใหม่และเหมาะสมกับการนำไปประกอบอาหารหรือไม่ หัวไชเท้าที่สดใหม่จะมีเนื้อที่แน่น ไม่นิ่มยวบ เมื่อกดลงไปจะรู้สึกถึงความตึงตัว หากหัวไชเท้าเกิดความเสียหายภายใน เช่น เน่าเสีย หรือถูกแมลงกัดกิน เนื้อจะนิ่มและยุบตัวเมื่อกด หัวไชเท้าที่เนื้อแน่น มักจะมีความกรอบอร่อย เมื่อนำไปประกอบอาหารค่ะ ซึ่งวิธีการกดตรวจสอบความแน่น ได้แก่ เลือกจุดที่ต้องการตรวจสอบ: เลือกจุดที่ไม่มียอด หรือรอยช้ำ เพื่อให้ได้ผลการตรวจสอบที่แม่นยำ ใช้ปลายนิ้วกดเบาๆ: กดลงไปบนผิวของหัวไชเท้าเบาๆ ไม่ต้องกดแรงมากเกินไป สังเกตความรู้สึก ได้แก่ เนื้อแน่น: หากเนื้อมีความแน่น ไม่ยุบตัว แสดงว่าหัวไชเท้าสดใหม่ เนื้อนิ่ม: หากเนื้อนิ่มยวบ หรือมีรอยบุบ แสดงว่าหัวไชเท้าอาจเสียหายภายใน หรือเริ่มเน่าเสีย เนื้อแข็ง: หากเนื้อแข็งเกินไป อาจเป็นเพราะหัวไชเท้าแก่เกินไป หรือขาดน้ำ 5. ดมกลิ่น การดมกลิ่นหัวไชเท้าเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยให้เราประเมินความสดใหม่และคุณภาพของหัวไชเท้าได้ค่ะ เพราะกลิ่นสามารถบ่งบอกถึงสภาพภายในของหัวไชเท้าได้เป็นอย่างดี หัวไชเท้าที่สดใหม่จะมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ของผัก แต่หัวไชเท้าที่เริ่มเน่าเสียจะมีกลิ่นเหม็นเปรี้ยว หรือกลิ่นเหม็นอับ หากหัวไชเท้าสัมผัสกับสารเคมี หรือสิ่งสกปรก อาจมีกลิ่นผิดปกติ และสิ่งที่ควรระวังคือ กลิ่นแรง: หากได้กลิ่นแรง อาจเป็นสัญญาณว่าหัวไชเท้าไม่สดใหม่ หรือมีการปนเปื้อน กลิ่นฉุน: กลิ่นฉุนอาจเกิดจากการที่หัวไชเท้าสัมผัสกับสารเคมี หรือถูกแมลงกัดกิน กลิ่นเหม็นสาบ: อาจเกิดจากการเก็บรักษาในที่ชื้น หรือมีเชื้อรา 6. ตรวจสอบส่วนใบ การสังเกตส่วนใบของหัวไชเท้าเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยให้เราประเมินความสดใหม่ของหัวไชเท้าได้ค่ะ เพราะใบของพืชนั้นไวต่อสภาพแวดล้อมและความสดใหม่เป็นอย่างมาก ใบที่เขียวสดและแข็งแรงแสดงให้เห็นว่าหัวไชเท้าได้รับการดูแลเป็นอย่างดี และยังคงความสดใหม่ ใบที่เหลือง เหี่ยว หรือมีรอยช้ำ แสดงว่าหัวไชเท้าเริ่มแก่ หรือเก็บไว้นานเกินไป ใบที่สมบูรณ์และแข็งแรงบ่งบอกว่าหัวไชเท้าเจริญเติบโตในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม โดยวิธีการตรวจสอบใบ มีดังนี้ค่ะ สังเกตสี: ใบของหัวไชเท้าที่ดีควรมีสีเขียวสดใส ไม่ซีด ไม่เหลือง และไม่มีรอยด่าง สังเกตความแข็งแรง: ใบควรแข็งแรง ไม่เหี่ยว ไม่ย้วย และไม่ฉีกขาดง่าย สังเกตจำนวนใบ: หัวไชเท้าที่มีใบจำนวนมาก และใบกระจายตัวทั่วหัว มักจะมีอายุการเก็บรักษาที่นานกว่า สังเกตความเรียบร้อยของใบ: ใบควรอยู่ในสภาพดี ไม่ฉีกขาด ไม่มีรอยแมลงกัดกินค่ะ 7. หลีกเลี่ยงหัวไชเท้าที่มีรากฝอยมาก หัวไชเท้าที่มีรากฝอยมากเกินไป อาจบ่งบอกถึงสภาพการเจริญเติบโตที่ไม่เหมาะสม หรืออาจเป็นสัญญาณว่าหัวไชเท้ากำลังพยายามดึงเอาสารอาหารจากดินมากขึ้น เนื่องจากส่วนหัวอาจได้รับความเสียหายหรือขาดสารอาหารบางอย่าง ผลที่ตามมาคือ เนื้อของหัวไชเท้าอาจแข็งกระด้าง มีเส้นใยมาก หรือมีรสชาติที่ไม่หวานกรอบเท่าที่ควรค่ะ อีกทั้งหัวไชเท้าประเภทนี้มักจะเก็บรักษาได้ไม่นาน เนื่องจากเนื้อภายในเสื่อมสภาพเร็ว โดยลักษณะของหัวไชเท้าที่มีรากฝอยมาก เป็นดังนี้ รากฝอยจำนวนมาก: จะเห็นรากฝอยขนาดเล็กจำนวนมากแตกออกมาจากตัวหัวไชเท้า รากฝอยยาว: รากฝอยอาจมีขนาดยาวและแผ่กระจายออกไป รากฝอยหนา: รากฝอยอาจมีขนาดหนาและแข็ง ตัวหัวอาจมีขนาดเล็ก: เมื่อเทียบกับปริมาณรากฝอย 8. เลือกซื้อหัวไชเท้าตามฤดูกาล การเลือกซื้อหัวไชเท้าตามฤดูกาลเป็นวิธีที่ดีในการรับประกันว่าเราจะได้หัวไชเท้าที่มีรสชาติอร่อยที่สุด เพราะแต่ละฤดูกาล หัวไชเท้าจะมีรสชาติและคุณสมบัติที่แตกต่างกันไป หัวไชเท้าที่ปลูกในฤดูกาลที่เหมาะสมจะมีรสชาติหวานกรอบ ไม่ขม และมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว หัวไชเท้าที่ปลูกในฤดูกาลที่เหมาะสมจะมีเนื้อแน่น ไม่ฉ่ำน้ำ และเก็บรักษาได้นาน หัวไชเท้าที่ปลูกตามฤดูกาลมักจะมีราคาถูกกว่าเมื่อเทียบกับช่วงนอกฤดูกาล โดยหัวไชเท้าในแต่ละฤดูกาล มีลักษณะดังนี้ ฤดูหนาว: เป็นฤดูกาลที่หัวไชเท้ามีรสชาติอร่อยที่สุด เนื่องจากอากาศเย็นทำให้หัวไชเท้าสะสมน้ำตาลได้มาก ทำให้มีรสชาติหวานกรอบ ฤดูร้อน: หัวไชเท้าในฤดูร้อนอาจมีรสชาติขมเล็กน้อย เนื่องจากอากาศร้อนทำให้หัวไชเท้าผลิตสารขมเพื่อป้องกันตัวเอง ฤดูฝน: หัวไชเท้าในฤดูฝนอาจมีน้ำมากเกินไป ทำให้เนื้อไม่แน่น และอาจมีเชื้อราได้ง่าย หัวไชเท้าในฤดูหนาว: มีสีขาวขุ่น เนื้อแน่น รสชาติหวานกรอบ และนั่นคือเคล็ดลับง่ายๆ และจำเป็นสำหรับการเลือกซื้อหัวไชเท้าค่ะ จะเห็นได้ว่าหัวไชเท้าที่ดีเริ่มที่เลือกซื้อตามฤดูกาล เพราะเคล็ดลับนี้ผู้เขียนมักนำมาเป็นแนวทางก่อนเสมอ จากนั้นมักสังเกตรูปร่างหน้าตาของหัวไชเท้าค่ะ ที่มักเลือกแบบตรงและสมดุล ไม่บิดเบี้ยวจนเสียรูปทรง และมักกดดูหัวไชเท้าด้วยนิ้วมือ ซึ่งพบว่าด้วยแนวทางเหล่านี้เพียงบางข้อนำมาใช้รวมกัน ก็ทำให้ผู้เขียนได้หัวไชเท้าสดใหม่แล้วค่ะ ก็ไม่รู้ว่าคุณผู้อ่านสนใจเลือกซื้อหัวไชเท้าไหมช่วงนี้ ยังไงอย่าลืมนำเคล็ดลับดีๆ ไปปรับใช้กันค่ะ ซึ่งผู้เขียนหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับคุณผู้อ่านไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง หากชอบบทความแบบนี้อีก ก็อย่าลืมกดติดตามหรือกดบุ๊กมาร์กหน้าโปรไฟล์ไว้นะคะ เพราะจะได้ไม่พลาดบทความใหม่ๆ ที่จะได้นำมาเผยแพร่ในเร็วๆ นี้ค่ะ เครดิตภาพประกอบบทความ ภาพหน้าปกและภาพประกอบเนื้อหาโดยผู้เขียน ออกแบบภาพหน้าปกใน Canva เกี่ยวกับผู้เขียน ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล จบการศึกษา: พยาบาลศาสตรบัณฑิต จากวิทยาลัยพยาบาลศรีมหาสารคาม กระทรวงสาธารณสุข และสาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต (อนามัยสิ่งแวดล้อม) จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น มีความสนใจและประสบการณ์เกี่ยวกับ: สุขภาพ จิตวิทยาเชิงบวก การจัดการน้ำเสียและสิ่งปฏิกูล บทความอื่นที่น่าสนใจโดยผู้เขียน https://food.trueid.net/detail/NkG8X8MnnMqQ https://food.trueid.net/detail/4R3g6p4ZzkXR https://food.trueid.net/detail/04m2kMajMjw9 เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !