เรื่องและภาพ : ชานาพิ้ง เมื่อพูดถึง อาหารเหนือที่ผู้เขียนชอบกินเป็น อันดับ 1 ในดวงใจเลย คงหนีไม่พ้น “ แกงฮังเล ” ซึ่งเป็นอาหารที่พวกเราหลายคนรู้จักนั่นเอง แต่เดิมนั้น แกงฮังเล จะเป็นแกงที่แกงขึ้นเฉพาะในวันสำคัญเท่านั้น เพราะว่ามีกระบวนการทำที่ใช้เวลาค่อนข้างนาน จึงต้องแกงหม้อใหญ่ นอกจากแกงฮังเลจะไม่เน่าเสียง่ายแล้ว ยังสามารถแปรรูปเป็น “ แกงโฮ๊ะ ” ได้อีกในเวลาต่อมา แต่ละบ้านก็จะมีสูตรแกงฮังเลที่แตกต่างกัน บางแห่งก็เป็นเค็มหวาน บางแห่งก็เปรี้ยวอมหวาน บางแห่งใส่ถั่วฝักยาว บางแห่งหน่อไม้ดอง ล้วนแล้วแต่ความชอบของเจ้าของสูตร สำหรับสูตรแกงฮังเลของคุณยายผู้เขียนนั้น เรีกยได้ว่าเป็นสูตรที่ทำง่ายมาก ๆ เนื่องจาก เพราะแค่ทำกินเองในบ้าน รับรองว่าทุกคนสามารถนำไปทำตามได้เลย วิธีการทำจะเป็นอย่างไร ไปดู ! เครื่องปรุง 1. สันคอ และหมูสามชั้น รวมกัน 1 กิโลกรัมครึ่ง สัดส่วนตามชอบ ( ปกติบ้านของผู้เขียนไม่ชอบกินมันหมู แต่ว่าการมีหมูติดมันบ้างจะทำให้เนื้อนุ่มขึ้น ) 2. ตะไคร้ หอมแดง หอมขาว ขมิ้น กะปิ 3. ผงฮังเล วิธีทำ 1. เริ่มต้นจากการหั่นหมูขนาดพอเหมาะ 2. โขลกตะไคร้ หอมแดง หอมขาว เติมขมิ้นนิด กะปินิดหน่อย โขลกให้ละเอียด ได้พริกแกง 3. นำส่วนผสมไปหมักหมู ใส่ผงฮังเล ในที่นี้คุณยายใช้สูตรหม่องโพเส็ง ซึ่งเป็นผงฮังเลยอดนิยมในจังหวัดแพร่ ใส่เพื่อหมักหมู 1/2 ซอง เติมชูรส รสดี ซีอิ๊วขาวสูตรน้ำมันหอย ซีอิ๊วดำนิดหน่อย น้ำตาลปีป เทน้ำล้างครกลงไป 4. ชิมน้ำหมักดูว่ารสชาติถูกใจหรือไม่ จากนั้นหมักหมูทิ้งไว้ประมาณ 1 ชั่วโมง 5. หลังจากหมักแล้ว นำมาต้มต้มจนเปื่อย ใส่หอมแดง หอมขาว ลงไปตอนต้ม โดยตอนที่ต้มไฟอ่อนถึงกลาง ไม่ต้องเติมน้ำเพิ่ม เพราะมีน้ำจากหมูเยอะอยู่แล้ว 6. ต้มประมาณ 1 ชั่วโมง จนเนื้อสุกเปื่อยกำลังดี ทางสูตรของคุณยายจะใส่ไข่ต้มลงไปด้วย ซึ่งใส่หลังจากที่ต้มเสร็จแล้ว 7. จากนั้นจัดใส่จานพร้อมเสิร์ฟ รับประทานกับข้าวเหนียวร้อน ๆ เป็นอย่างไรกันบ้างคะ สำหรับฮังเลสูตรของคุณยายของผู้เขียนเอง หน้าตาอาจจะไม่เหมือนฮังเลที่อื่น เพราะของทางบ้านเราน้ำจะงวดกว่า ไม่ได้ใส่ขิงเพิ่ม มีแค่เนื้อและน้ำแกงเท่านั้น แกงฮังเลหากรับประทานไม่หมด ก็สามารถเก็บไว้กินได้หลายวัน ใส่ตู้เย็นไว้ เหมาะเป็นอาหารสำหรับคนไม่อยากทำอาหารบ่อยเลยแหละ