8 ทริคเลือกเนื้อวัว แบบไหนดี มีคุณภาพ เหมาะสมสำหรับทำอาหาร อ่านเลย! เขียนโดย ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล เนื้อสัตว์เป็นวัตถุดิบอีกหนึ่งชนิดที่เรามักนำมาทำอาหาร โดยเนื้อวัวเป็นตัวอย่างของเนื้อสัตว์ที่หลายคนชื่นชอบ ด้วยเอกลักษณ์ของกลิ่น เนื้อสัมผัสและความอร่อยที่ลงตัว แบบที่เนื้อสัตว์ชนิดอื่นทดแทนไม่ได้ ซึ่งการจะไปซื้อเนื้อวัวได้จากที่ไหนบ้างนั้น ผู้เขียนเชื่อมั่นว่าเราต่างก็มองภาพออกว่า ที่ไหนน่าจะมีเนื้อวัวขายบ้าง จริงไหมคะ? แต่ถ้าเราจะพูดถึงการเลือกซื้อล่ะคะ พอมีใครจะบอกได้แบบละเอียดไหมว่า เราจะต้องสังเกตหรือดูอะไรบ้างก่อนจะตัดสินใจเลือกเนื้อวัวชิ้นนั้น หรือว่าก็อยากรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่เหมือนกันคะ? ถ้าเป็นแบบนั้นก็ถือว่าเป็นความโชคดีค่ะ เพราะในบทความนี้เป็นเนื้อหาเกี่ยวกับการเลือกซื้อเนื้อวัว แบบไหนถูกสุขลักษณะ แบบไหนคือต้องหลีกเลี่ยง แบบไหนคือสดใหม่ อะไรคือจุดสำคัญๆ สำหรับมือใหม่ที่เพิ่งไปตลาดครั้งแรก ทั้งหมดรู้ได้จากทริคที่ผู้เขียนจะได้นำเสนอไว้ในบทความนี้ค่ะ โดยอ่านจบแล้วคุณผู้อ่านจะมองเห็นภาพมากขึ้น ที่ต่อจากนั้นก็สามารถเลือกซื้อเนื้อวัวได้อย่างมืออาชีพและถูกหลักสุขาภิบาลอาหารแน่นอน และถ้าอยากรู้แล้วว่าต้องสังเกตอะไรบ้าง งั้นก็อ่านต่อกันเลยค่ะ กับทริคที่น่าสนใจดังต่อไปนี้ 1. สีเนื้อ คุณผู้อ่านรู้ไหมคะว่า การเลือกซื้อเนื้อวัวที่ดีมีคุณภาพเริ่มต้นง่ายๆ เลยจากการสังเกตสีของเนื้อค่ะ เพราะสีของเนื้อเป็นเหมือนดัชนีชี้วัดความสดใหม่ได้ดีที่สุดอย่างหนึ่ง เนื้อวัวที่สดใหม่จริงๆ จะต้องมีสีแดงสดไปจนถึงแดงเข้มอมเชอร์รี่ ขึ้นอยู่กับว่าเป็นเนื้อส่วนไหนและวัวอายุเท่าไหร่ ถ้าเราเห็นเนื้อวัวที่วางขายแล้วมีสีคล้ำออกไปทางน้ำตาลหม่นๆ หรือเริ่มมีสีเขียวจางๆ ปนเข้ามา นั่นเป็นสิ่งที่บอกได้ว่าเนื้อนั้นเริ่มไม่สดแล้ว ที่อาจจะถูกทิ้งไว้นาน หรือมีการเก็บรักษาที่ไม่ดีพอ ซึ่งแน่นอนว่าถ้าซื้อไปแล้ว รสชาติและความอร่อยก็อาจจะลดลง แถมบางทีอาจจะไม่เหมาะสมและส่งผลต่อสุขอนามัยด้วย ดังนั้นก่อนตัดสินใจซื้อเนื้อวัวครั้งต่อไป ลองใช้เวลาสักนิดมองที่สีของเนื้อก่อนนะคะ ซึ่งเป็นวิธีง่ายๆ ที่ช่วยให้เราได้เนื้อดีๆ กลับบ้านไปทำอาหารอร่อยๆ ได้แน่นอนค่ะ 2. ประเมินความแน่นของเนื้อ เวลาเลือกเนื้อวัวสดๆ นอกจากสีสันแล้ว อีกจุดที่สำคัญไม่แพ้กันเลยคือการประเมินความแน่นของเนื้อค่ะ ลองนึกภาพเวลาเราไปเลือกเนื้อในซูเปอร์มาร์เก็ตหรือตลาดสด แทนที่จะมองแค่สีอย่างเดียว ให้ลองใช้นิ้วเราแตะลงไปบนเนื้อเบาๆ ดูสิคะ เนื้อวัวที่สดใหม่ มีคุณภาพดีจริงๆ จะต้องมีความยืดหยุ่น พอเรากดลงไปแล้ว เนื้อจะเด้งคืนรูปกลับมาอย่างรวดเร็วและไม่ทิ้งรอยบุ๋มไว้ แต่ถ้าลองกดแล้วเนื้อยุบลงไปแล้วไม่คืนตัวง่ายๆ หรือรู้สึกเละๆ เหลวๆ นั่นเป็นสัญญาณที่บอกได้เลยว่า เนื้อนั้นอาจจะเริ่มไม่สดแล้ว หรืออาจจะถูกทิ้งไว้นานเกินไปจนโครงสร้างของเส้นใยเนื้อเริ่มเสื่อมสภาพไป ซึ่งการตรวจสอบความแน่นของเนื้อแบบนี้เป็นอีกหนึ่งวิธีง่ายๆ ที่จะช่วยให้เราได้เนื้อวัวคุณภาพดีกลับบ้านไปทำอาหารอร่อยๆ และมั่นใจได้ถึงความสดใหม่ค่ะ 3. หลีกเลี่ยงเนื้อที่มีถุงน้ำหรือเมือก อีกสิ่งหนึ่งที่เราควรสังเกตและหลีกเลี่ยงเลยก็คือ เนื้อที่มีถุงน้ำเล็กๆ หรือมีเมือกใสๆ เหนียวๆ เกาะอยู่บนผิวค่ะ จุดนี้สำคัญมากๆ โดยหลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่าทำไม ก็เพราะว่าเมือกหรือถุงน้ำที่เห็นเหล่านั้น เป็นสิ่งที่บ่งบอกชัดเจนเลยว่า เนื้อกำลังจะเสีย หรืออาจมีการปนเปื้อนของจุลินทรีย์แล้วนะคะ ซึ่งเนื้อวัวที่สดจริงๆ จะต้องมีผิวที่ดูชุ่มชื้นแต่แห้ง ไม่มีน้ำเยิ้ม หรือเมือกลื่นๆ ให้เห็นเลยค่ะ ซึ่งถ้าเราเผลอซื้อเนื้อที่มีลักษณะไม่ดีไป ถึงแม้จะนำไปล้างทำความสะอาดแล้ว แต่จุลินทรีย์ก็จะยังคงอยู่และสามารถส่งผลเสียต่อสุขอนามัยได้ แถมรสชาติก็จะไม่ดีเหมือนเนื้อสดใหม่แน่นอน ดังนั้นจำไว้เลยนะคะว่า ถ้าเห็นเนื้อมีเมือกหรือถุงน้ำ อย่าเลือกเด็ดขาดค่ะ แต่ให้เลือกเนื้อที่ดูสะอาดสะอ้าน แห้งกำลังดี จะเหมาะสมและได้เนื้อคุณภาพดีที่สุดค่ะ 4. ใช้การดมกลิ่น รู้ไหมคะว่า การดมกลิ่นก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่สำคัญมากๆ เลยนะคะ เพราะกลิ่นเป็นเหมือนตัวฟ้องความสดใหม่ได้ดีที่สุดอย่างหนึ่ง เนื้อวัวที่สดใหม่จริงๆ จะต้องมีกลิ่นตามธรรมชาติของเนื้อวัวเท่านั้น ไม่มีกลิ่นแปลกปลอม กลิ่นเหม็นเปรี้ยว กลิ่นฉุน หรือกลิ่นผิดปกติใดๆ เลยค่ะ ลองนึกภาพเวลาเราดมเนื้อที่วางอยู่ ถ้าได้กลิ่นอะไรแปลกๆ ที่ไม่ใช่กลิ่นเนื้อวัวปกติ นั่นคือสัญญาณเตือนว่าเนื้อนั้นอาจจะเริ่มเน่าเสียแล้ว หรือมีการเก็บรักษาที่ไม่ดีพอ หากซื้อไปแล้วนำมาทำอาหาร นอกจากรสชาติที่อาจจะไม่อร่อยเหมือนเดิมแล้ว ยังอาจไม่ปลอดภัยต่อสุขอนามัยของเราอีกด้วยค่ะ ดังนั้นก่อนตัดสินใจซื้อเนื้อวัวครั้งหน้า อย่าลืมใช้ประสาทสัมผัสเรื่องกลิ่นช่วยตัดสินใจด้วยนะคะ ซึ่งเป็นวิธีง่ายๆ ที่ช่วยให้เราได้เนื้อคุณภาพดีกลับบ้านไปทำอาหารอร่อยๆ ได้ 5. ดูไขมัน เพื่อเนื้อวัวที่อร่อยและดีต่อสุขอนามัยนั้น การเลือกซื้อด้วยการดูไขมัน ถือเป็นตัวช่วยบ่งชี้คุณภาพที่ดีค่ะ โดยเฉพาะไขมันที่แทรกอยู่ในเนื้อหรือที่เรียกว่า ลายหินอ่อน ยิ่งมีลายหินอ่อนเยอะและกระจายตัวสม่ำเสมอ เนื้อวัวส่วนนั้นก็จะยิ่งนุ่ม ชุ่มฉ่ำ และมีรสชาติเข้มข้นขึ้นค่ะ ดังนั้นเวลาเลือกซื้อเนื้อวัวให้มองหาเนื้อที่มีไขมันสีขาวนวลหรือสีครีมอ่อนๆ ที่ไม่ใช่สีเหลืองเข้ม เพราะสีเหลืองเข้มแสดงว่าเนื้อวัวมีอายุมากหรือเก็บไว้นานเกินไป นอกจากนี้ไขมันควรจะดูแน่น ไม่ร่วน หรือเป็นเม็ดๆ การดูไขมันอย่างละเอียดจะช่วยให้เราได้เนื้อวัวที่สดใหม่ มีคุณภาพ และเหมาะกับการนำไปทำอาหารจานโปรดของเราค่ะ 6. พิจารณาเกรดของเนื้อ การเลือกเนื้อวัวสดใหม่คุณภาพดีให้ถูกใจนั้น หลายคนอาจคิดว่าดูแค่สีแดงสวยก็พอ แต่จริงๆ แล้ว เกรดของเนื้อเป็นสิ่งสำคัญที่คนส่วนใหญ่ยังไม่ค่อยให้ความสนใจมากนัก ซึ่งเกรดเนื้อวัว ไม่ว่าจะเป็น Prime Choice หรือ Select ที่เราเห็นในซูเปอร์มาร์เก็ตหรือร้านขายเนื้อนั้น บ่งบอกถึงปริมาณไขมันแทรกในเนื้อค่ะ ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อความนุ่มชุ่มฉ่ำ และรสชาติของเนื้อ การเลือกเนื้อวัวโดยพิจารณาเกรดเนื้อจะช่วยให้เราได้เนื้อที่ตรงกับความต้องการ ไม่ว่าจะเป็นการนำไปย่าง สเต็ก หรือทำเมนูอื่นๆ โดยไม่ต้องลุ้นว่าเนื้อจะเหนียวหรือจืดชืด และยังช่วยให้เรามั่นใจได้ว่าเงินที่เราจ่ายไปนั้นคุ้มค่ากับคุณภาพที่ได้รับจริงๆ การทำความเข้าใจเรื่องเกรดเนื้อจึงเป็นเรื่องพื้นฐานที่คนรักเนื้อควรให้ความสำคัญ เพื่อยกระดับประสบการณ์การกินเนื้อวัวให้ดียิ่งขึ้นไปอีกขั้นค่ะ 7. สังเกตบรรจุภัณฑ์ หลายครั้งที่เราเดินเลือกซื้อเนื้อวัวในซูเปอร์มาร์เก็ตหรือร้านค้า สิ่งแรกที่เรามักจะสังเกตเห็นคือบรรจุภัณฑ์ ซึ่งเป็นตัวบอกใบ้สำคัญเกี่ยวกับความสดใหม่และคุณภาพของเนื้อวัวชิ้นนั้นเลยทีเดียวค่ะ เพราะเนื้อวัวที่ถูกบรรจุหีบห่อมาอย่างดี โดยเฉพาะแบบที่ใช้ระบบสุญญากาศ จะช่วยยืดอายุการเก็บรักษาและคงความสดใหม่ของเนื้อได้นานกว่า เพราะไม่มีอากาศเข้าไปทำปฏิกิริยากับเนื้อ ทำให้เนื้อไม่คล้ำเสียเร็ว นอกจากนี้การสังเกตว่าบรรจุภัณฑ์ยังคงอยู่ในสภาพสมบูรณ์ ไม่ฉีกขาด ไม่มีรอยรั่วซึม หรือมีน้ำเลือดขังอยู่มากเกินไป ก็เป็นสิ่งที่เราควรใส่ใจเป็นพิเศษค่ะ เพราะนั่นอาจหมายถึงการปนเปื้อนหรือการเก็บรักษาที่ไม่เหมาะสม ซึ่งจะส่งผลโดยตรงต่อคุณภาพและความเหมาะสมของเนื้อที่เราจะนำไปประกอบอาหาร การใส่ใจรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่บรรจุภัณฑ์นี้เองจะช่วยให้เรามั่นใจได้ว่า เนื้อวัวที่เราเลือกซื้อนั้นสดใหม่ สะอาด และพร้อมสำหรับการรังสรรค์เมนูอร่อย ๆ ได้อย่างเต็มที่ค่ะ 8. เลือกจากแหล่งที่มาที่น่าเชื่อถือ รู้ไหมคะว่า การเลือกซื้อเนื้อวัวสดใหม่คุณภาพดี ไม่ได้มีแค่การสังเกตด้วยตาเปล่าหรือดูจากเกรดเนื้อเท่านั้นค่ะ แต่สิ่งสำคัญที่คนส่วนใหญ่มักมองข้าม คือ แหล่งที่มา ของเนื้อวัวที่เราจะซื้อ เพราะแหล่งที่มาที่น่าเชื่อถือ ไม่ว่าจะเป็นฟาร์มที่ได้มาตรฐาน ร้านค้าที่ได้รับรอง หรือซูเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำ จะเป็นเครื่องการันตีถึงกระบวนการผลิต การเลี้ยงดู ไปจนถึงการจัดเก็บที่ถูกสุขลักษณะและเหมาะสม เพราะแหล่งที่มาเหล่านี้มักจะมีการควบคุมคุณภาพอย่างเข้มงวด ตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง ทำให้เรามั่นใจได้ว่าเนื้อวัวที่ได้มานั้นปราศจากสารเคมีที่เป็นอันตราย ไม่มีการปนเปื้อน และได้รับการดูแลมาอย่างดี การเลือกซื้อจากแหล่งที่น่าเชื่อถือจึงไม่ใช่แค่เรื่องของความสดใหม่ แต่ยังเป็นเรื่องของความเหมาะสมและสุขอนามัยของเราเองด้วย การใส่ใจในจุดนี้จะช่วยให้เราได้เนื้อวัวที่มีคุณภาพดีที่สุดมาปรุงอาหารได้อย่างสบายใจ และไม่ต้องกังวลเรื่องผลกระทบที่จะได้รับในระยะยาวค่ะ ก็จบแล้วค่ะ กับ 8 ทริคที่จำเป็นต้องใช้ตอนไปเลือกซื้อเนื้อวัวมาทำอาหารนะคะ จะเห็นได้ว่า การเลือกซื้อเนื้อวัวสดใหม่คุณภาพดีให้ได้ดั่งใจ อาจดูเป็นเรื่องที่ต้องละเอียดหน่อย เพราะมีหลายปัจจัยให้พิจารณา ที่ไม่ใช่แค่เรื่องของสีเนื้อหรือราคาเท่านั้น แต่เราต้องสังเกตตั้งแต่เกรดของเนื้อ ที่บ่งบอกถึงปริมาณไขมันแทรกและรสสัมผัส ไปจนถึงลักษณะของบรรจุภัณฑ์ ว่าปิดสนิทหรือไม่ และที่สำคัญคือแหล่งที่มาที่น่าเชื่อถือ ที่จะช่วยให้เรามั่นใจในกระบวนการผลิตและความสะอาดของเนื้อวัวชิ้นนั้นๆ ซึ่งเคล็ดลับเหล่านี้ล้วนมีความสำคัญและสัมพันธ์กัน หากเราใส่ใจในทุกรายละเอียด เราก็จะได้เนื้อวัวที่สดใหม่ เหมาะสม และมีรสชาติตามที่เราต้องการค่ะ สำหรับคนที่เพิ่งเริ่มหัดเลือกซื้อเนื้อวัวเป็นครั้งแรก ก็ไม่ต้องกังวลว่าจะต้องจำทุกอย่างพร้อมกันไปหมดนะคะ โดยสิ่งแรกที่ผู้เขียนอยากแนะนำ คือ ให้มองหาแหล่งซื้อที่เชื่อถือได้ก่อน เช่น ซูเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่ หรือร้านขายเนื้อที่มีชื่อเสียงและมีการรับรองมาตรฐาน เพราะแหล่งเหล่านี้มักจะมีการคัดสรรเนื้อวัวที่มีคุณภาพดีอยู่แล้ว จากนั้นลองสังเกตสีของเนื้อวัว ที่ควรเป็นสีแดงสด ไม่คล้ำ และดูบรรจุภัณฑ์ (ถ้ามี) ว่าอยู่ในสภาพสมบูรณ์ ไม่ฉีกขาด ไม่มีน้ำเลือดขังเยอะเกินไป เมื่อเราเริ่มคุ้นเคยกับการสังเกตสิ่งเหล่านี้แล้ว ก็ค่อยๆ ศึกษาเรื่องเกรดเนื้อเพิ่มเติม และนำทริคอื่นๆ มาปรับใช้มากขึ้น เพื่อให้การเลือกซื้อเนื้อวัวของเราเป็นเรื่องง่ายและได้ของดีมีคุณภาพจริงๆ ที่โดยส่วนตัวแล้วการเลือกซื้อเนื้อวัวจากแหล่งที่น่าเชื่อถือได้ คือ สิ่งแรกที่ผู้เขียนให้ความสำคัญเหมือนกันค่ะ ที่ต่อจากนั้นก็ไม่เคยลืมที่จะดูในส่วนของสภาพแวดล้อมในการจัดเก็บเนื้อตอนวางขาย สุขอนามัยของพ่อค้าแม่ค้า สีของเนื้อ กลิ่นต้องปกติ ราคาก็ต้องไม่แพงจนเกินไป และที่สำคัญคือผู้เขียนจะเลือกซื้อเนื้อวัวในปริมาณที่ต้องทำอาหารเท่านั้นค่ะ เพื่อลดภาระในการจัดเก็บ ซึ่งการทำแบบนี้ยังทำให้เราได้เนื้อวัวสดใหม่เรื่อยๆ มาทำอาหารจากการไปซื้อใหม่ในแต่ละครั้งค่ะ ยังไงนั้นก็อย่าลืมนำทริคต่างๆ ไปใช้นะคะทุกคน ด้วยความตั้งใจ ผู้เขียนหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับคุณผู้อ่านไม่มากก็น้อย หากสนใจเนื้อหาเช่นนี้อีก อย่าลืมกดติดตามหรือบุ๊กมาร์กโปรไฟล์ไว้ เพื่อรับข้อมูลใหม่ๆ ในบทความต่อไป และถ้าต้องการอ่านบทความทั้งหมดโดยผู้เขียน ให้กดดูโปรไฟล์ได้เลยค่ะ เครดิตรูปภาพประกอบบทความ รูปภาพทำหน้าปก โดย David Foodphototasty จาก Unsplash และออกแบบหน้าปกโดยผู้เขียน ใน Canva รูปภาพประกอบเนื้อหาโดยผู้เขียน เกี่ยวกับผู้เขียน ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล จบการศึกษา: พยาบาลศาสตรบัณฑิต จากวิทยาลัยพยาบาลศรีมหาสารคาม กระทรวงสาธารณสุข และสาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต (อนามัยสิ่งแวดล้อม) จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น มีความสนใจและประสบการณ์เกี่ยวกับ: สุขภาพ จิตวิทยาเชิงบวก การบำบัดน้ำเสียและกำจัดสิ่งปฏิกูล 12 วิธีป้องกันอาหารตกพื้น กินไม่ได้ และต้องทิ้งเป็นขยะเปียก 9 วิธีลดการใช้ฟอยล์อะลูมิเนียม สำหรับย่างอาหาร ทำยังไงแทนได้ 12 สาเหตุที่ทำให้เนื้อวัวปนเปื้อน และไม่ถูกสุขลักษณะ หิวใช่ไหม อยากหาของกินอร่อย ๆ ใช่หรือเปล่า ส่องร้านเด็ดร้านดังได้ที่ App TrueID โหลดฟรี !