อยากได้กะทิกล่อง เลือกยังไงดี มีคุณภาพ น่าซื้อมาทำอาหาร | บทความโดย ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล ปัจจุบันกะทิกล่องกลายเป็นสิ่งที่หลายคนต้องใช้เพื่อนำมาทำอาหาร ที่นอกจากจะสะดวกและรวดเร็วแล้ว กะทิกล่องยังมีให้เลือกแบบหลากหลาย ทั้งหลายยี่ห้อ หลายขนาดและหลายรูปแบบ ซึ่งนอกจากยี่ห้อไหนดีน่าซื้อแล้ว คุณผู้อ่านรู้ไหมคะว่า การเลือกกะทิกล่องก็เป็นอีกหัวข้อที่เราต้องเรียนรู้ค่ะ เพราะถึงแม้ว่ากะทิกล่องจะมาแบบสำเร็จรูปที่เราไม่ต้องคิดอะไรแล้ว แต่การเลือกแบบไหนดีนั้น เรายังต้องคิดนะคะ ซึ่งหลายคนยังมองภาพไม่ออกว่าต้องดูอะไรบ้าง แต่ปัญหานั้นจะหมดไป ถ้าคุณผู้อ่านได้นำความรู้ในบทความนี้ไปปรับใช้ค่ะ เพราะนี่คือแนวทางสำหรับใช้เลือกกะทิกล่อง แบบไหนดีมีคุณภาพ แบบไหนน่าซื้อ ผู้เขียนได้นำเทคนิคมาบอกต่อให้แล้วนะคะ เมื่ออ่านจบแล้วคุณผู้อ่านจะมองภาพออกมากขึ้น และสามารถเลือกกะทิกล่องได้แบบมืออาชีพแน่นอน น่าสนใจแล้วใช่ไหมคะ? และถ้าอยากรู้แล้วว่ามีเคล็ดลับอะไรบ้างที่จำเป็นต้องใช้ งั้นเรามารู้ไปพร้อมๆ กันเลยดีกว่าค่ะ กับข้อมูลดีๆ ดังต่อไปนี้ 1. อ่านส่วนประกอบ การเลือกกะทิกล่องสิ่งสำคัญเลยคือการอ่านส่วนประกอบค่ะ ให้ลองพลิกดูข้างกล่องสักนิด จะเห็นรายการวัตถุดิบที่เขาใส่มา บางยี่ห้ออาจจะมีแค่กะทิแท้ 100% ซึ่งถือว่าดีเลยค่ะ แต่บางยี่ห้ออาจจะมีการเติมน้ำตาล สารปรุงแต่ง หรือวัตถุกันเสียเข้ามาด้วย ถ้าเราอยากได้กะทิที่รสชาติธรรมชาติและดีจริงๆ การเลือกแบบที่มีส่วนประกอบน้อยที่สุด หรือมีแค่กะทิอย่างเดียว ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจกว่าค่ะ ดังนั้นการอ่านฉลากช่วยให้เราได้กะทิกล่องที่ตรงใจและถูกสุขลักษณะมากขึ้นนะคะ 2. เลือกขนาดให้เหมาะสม อีกเรื่องที่มองข้ามไม่ได้ในการเลือกกะทิกล่องก็คือขนาด ลองคิดดูว่าเราจะใช้กะทิเยอะแค่ไหนในการทำอาหารแต่ละครั้ง ถ้าทำแกงหม้อใหญ่ กินกันทั้งครอบครัว หรือทำขนมหลายอย่าง ก็อาจจะเลือกกล่องใหญ่ไปเลยคุ้มกว่าค่ะ แต่ถ้าทำแค่เมนูง่ายๆ กินคนเดียวหรือสองคน กล่องเล็กก็พอแล้ว ที่สำคัญคือกะทิที่เปิดแล้วควรใช้ให้หมดภายใน 1-2 วัน ถ้าเหลือทิ้งไว้นานๆ อาจจะเสียรสชาติหรือบูดได้นะคะ ที่โดยสรุปแล้วการเลือกขนาดให้พอดีกับการใช้งานแต่ละครั้ง นอกจากจะช่วยประหยัดแล้ว ยังช่วยลดปัญหาอาหารเหลือทิ้งได้ด้วยนะคะ 3. ดูยี่ห้อที่น่าเชื่อถือ เรื่องยี่ห้อก็สำคัญไม่แพ้กันในการเลือกกะทิกล่องค่ะ การเลือกซื้อจากยี่ห้อที่เราคุ้นเคย หรือเป็นที่รู้จักและน่าเชื่อถือ มักจะทำให้เรามั่นใจในคุณภาพของสินค้าได้มากกว่า เพราะยี่ห้อเหล่านี้มักจะมีการควบคุมคุณภาพการผลิตที่ดี มีมาตรฐาน และใส่ใจในวัตถุดิบที่นำมาใช้ ลองสังเกตดูยี่ห้อที่วางขายมานานหรือมียอดขายดี ก็อาจจะเป็นตัวเลือกที่ดีคะ นอกจากนี้บางยี่ห้ออาจจะได้รับการรับรอง หรือตราสัญลักษณ์ที่แสดงถึงคุณภาพและความปลอดภัยของอาหาร ซึ่งก็เป็นอีกจุดที่เราสามารถนำมาพิจารณาในการเลือกซื้อได้ค่ะ ดังนั้นการเลือกยี่ห้อที่น่าเชื่อถือ ก็เหมือนเป็นการเพิ่มความมั่นใจให้กับรสชาติและคุณภาพของอาหารที่เราจะปรุง 4. พิจารณาประเภทการใช้งาน การพิจารณาประเภทการใช้งานก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญในการเลือกกะทิกล่องเลยค่ะ บางทีเราอาจจะต้องการกะทิที่มีความเข้มข้นเป็นพิเศษสำหรับทำขนมไทยบางชนิดที่ต้องการความมันและเนื้อสัมผัสที่เข้มข้น หรือบางทีเราอาจจะต้องการกะทิที่มีความข้นปานกลางสำหรับทำแกง หรือบางยี่ห้อก็อาจจะมีกะทิแบบอบควันเทียน ดังนั้นการสังเกตฉลากที่ระบุประเภทของกะทิกล่อง ก็สามารถช่วยให้เราเลือกกะทิได้ตรงกับความต้องการในการปรุงอาหารของเรามากยิ่งขึ้นค่ะ 5. ดูวันหมดอายุ ก่อนหยิบลงตะกร้าทุกครั้ง ต้องไม่ลืมที่จะดูวันที่ผลิตและวันหมดอายุที่ระบุอยู่บนกล่องเสมอค่ะ การเลือกซื้อกล่องที่ยังมีวันหมดอายุเหลืออีกนาน ก็จะช่วยให้เรามั่นใจได้ว่ากะทิยังมีความสดใหม่และมีคุณภาพดีอยู่ การซื้อกะทิที่ใกล้หมดอายุ นอกจากจะทำให้รสชาติและคุณภาพอาจจะไม่ดีเท่าที่ควรแล้ว ยังเสี่ยงต่อการบูดเสียได้ง่ายอีกด้วยนะคะ เพราะฉะนั้นอย่าลืมพลิกดูวันหมดอายุก่อนตัดสินใจซื้อทุกครั้ง เพื่อความอร่อยและปลอดภัยในการนำมาปรุงอาหารของเราค่ะ 6. ตรวจสอบเนื้อกะทิ อีกหนึ่งเคล็ดลับสำคัญในการเลือกกะทิกล่อง คือ การตรวจสอบเนื้อกะทิค่ะ ถึงแม้เราจะยังไม่ได้เปิดกล่อง แต่เราก็สามารถสังเกตลักษณะภายนอกได้บ้าง เช่น ลองเขย่าเบาๆ แล้วฟังเสียง ถ้าเป็นกะทิที่มีคุณภาพดี เนื้อกะทิจะค่อนข้างเนียน ไม่เหลวเป็นน้ำจนเกินไป หรือไม่มีตะกอนจับตัวกันเป็นก้อนใหญ่ๆ ที่สังเกตได้ชัดเจน เวลาที่เราเขย่ากล่องกะทิเบาๆ แล้วตั้งใจฟังเสียง เขย่าแล้วจะได้ยินเสียงเหลวๆ เหมือนน้ำเปล่า ที่อาจจะหมายถึงกะทินั้นมีความข้นน้อย หรืออาจจะมีการผสมน้ำในปริมาณมากค่ะ ในทางตรงกันข้าม ถ้าเขย่าแล้วรู้สึกหนืดๆ หรือแทบไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย ก็อาจจะบ่งบอกว่ากะทินั้นมีความเข้มข้นมาก หรืออาจจะมีลักษณะเป็นครีมข้น ซึ่งโดยทั่วไปแล้วกะทิที่ดีควรจะมีลักษณะกึ่งเหลว ไม่ข้นหรือเหลวจนเกินไปคะ อย่างไรก็ตามการฟังเสียงตอนเขย่าเป็นเพียงวิธีสังเกตเบื้องต้นเท่านั้นนะคะ และเพื่อความมั่นใจ ควรพิจารณาปัจจัยอื่นๆ ร่วมด้วย โดยเมื่อเปิดกล่องแล้วเนื้อกะทิที่ดีควรมีสีขาวนวล มีความข้นกำลังดี และมีกลิ่นหอมของกะทิสด หากมีสีคล้ำ มีกลิ่นบูดเปรี้ยว หรือมีสิ่งแปลกปลอม ก็ไม่ควรนำมาปรุงอาหารนะคะ การใส่ใจสังเกตลักษณะของเนื้อกะทิทั้งก่อนและหลังเปิดกล่อง จะช่วยให้เราได้กะทิที่มีคุณภาพดี รสชาติอร่อย และปลอดภัยต่อการบริโภคค่ะ 7. สังเกตลักษณะภายนอก การสังเกตลักษณะภายนอกของกล่องกะทิก็สำคัญไม่แพ้กันค่ะ ลองมองดูรอบๆ กล่องว่ามีรอยบุบ รอยบวม หรือรอยรั่วซึมตรงไหนหรือเปล่า กล่องที่อยู่ในสภาพไม่สมบูรณ์ อาจจะทำให้กะทิข้างในสัมผัสกับอากาศหรือมีการปนเปื้อน ซึ่งอาจจะส่งผลเสียต่อคุณภาพและรสชาติของกะทิได้ นอกจากนี้ควรสังเกตสีของกล่องด้วยว่าซีดจาง หรือมีร่องรอยความเสียหายหรือไม่ การเลือกกล่องที่อยู่ในสภาพดี ไม่บุบ ไม่บวม ไม่รั่วซึม ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีง่ายๆ ที่จะช่วยให้เรามั่นใจได้ว่าเราจะได้กะทิกล่องที่มีคุณภาพดีค่ะ 8. เปรียบเทียบราคา ราคาก็เป็นอีกปัจจัยที่เรานำมาพิจารณาในการเลือกซื้อกะทิกล่องค่ะ การเปรียบเทียบราคาระหว่างยี่ห้อต่างๆ หรือขนาดต่างๆ จะช่วยให้เราได้กะทิที่คุ้มค่ากับเงินที่เราจ่ายไป ลองดูปริมาณต่อราคา หรือเปรียบเทียบราคาต่อหน่วย ก็จะช่วยให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น บางครั้งยี่ห้อที่ดูเหมือนจะแพงกว่า อาจจะมีปริมาณมากกว่า หรือมีคุณภาพที่ดีกว่าก็เป็นได้ นอกจากนี้การสังเกตโปรโมชั่น หรือช่วงที่มีการลดราคาก็เป็นอีกวิธีที่จะช่วยให้เราประหยัดเงินได้นะคะ แต่ก็อย่าลืมให้ความสำคัญกับคุณภาพและปัจจัยอื่นๆ ด้วย ไม่ใช่แค่ราคาถูกอย่างเดียว แต่เพื่อให้เราได้กะทิที่ดีที่สุดในราคาที่เหมาะสมค่ะ 9. พิจารณากลิ่น โดยปกติแล้วกะทิที่ดี ไม่ว่าจะเป็นแบบกล่องหรือแบบขวด จะต้องมีกลิ่นหอมอ่อนๆ เป็นธรรมชาติของมะพร้าว ไม่มีกลิ่นเหม็นเปรี้ยว กลิ่นหืน หรือกลิ่นแปลกปลอมอื่นๆ ที่ชวนให้สงสัย ซึ่งกลิ่นเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณบ่งบอกว่ากะทิไม่สดใหม่ หรืออาจจะมีการปนเปื้อนเกิดขึ้น ถึงแม้ว่าเราจะยังไม่ได้เปิดกล่อง แต่บางครั้งถ้ากล่องมีรอยรั่วซึม หรือถูกเก็บรักษาในที่ไม่เหมาะสม กลิ่นผิดปกติก็อาจจะเล็ดลอดออกมาให้เราได้กลิ่นบ้าง หรือเมื่อเราเปิดกล่องแล้ว สิ่งแรกที่เราควรทำก็คือการดมกลิ่นก่อนนำไปปรุงอาหาร หากมีกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ ก็ควรหลีกเลี่ยงการนำมาใช้เพื่อความปลอดภัยและรสชาติที่ดีของอาหารค่ะ 10. อ่านรีวิวจากผู้ใช้ การอ่านรีวิวจากผู้ใช้งานจริงก็สำคัญค่ะ เพราะจะช่วยให้เราเห็นภาพว่ากะทิกล่องยี่ห้อนั้นๆ มีรสชาติ ความเข้มข้น และความหอมเป็นอย่างไร ตรงกับที่เราต้องการหรือไม่ บางรีวิวอาจบอกถึงความสะดวกในการใช้งาน หรือแม้แต่ปัญหาที่เคยเจอ เช่น กะทิเป็นเม็ด หรือมีกลิ่นแปลกปลอม ซึ่งข้อมูลเหล่านี้มีค่ามากในการตัดสินใจ ทำให้เรามั่นใจได้มากขึ้นว่าจะได้กะทิกล่องที่ถูกใจ ทำอาหารอร่อย และคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไปค่ะ และนั่นคือแนวทางทั้ง 10 ข้อ สำหรับเลือกซื้อกะทิกล่องค่ะ เป็นยังไงบ้างคะ พอจะมองภาพออกกันบ้างแล้วใช่ไหม? ซึ่งหลายๆ ข้อในนี้ผู้เขียนเองก็นำไปใช้ค่ะ เพราะส่วนตัวได้ทำอาหารและขนมจากกะทิกล่องเป็นหลัก เลยต้องจดจำแนวทางในบทความนี้ไปใช้ด้วยเหมือนกัน เช่น การดูวันหมดอายุที่ข้างกล่องหรือขวด การเลือกกะทิตามที่ตัวเองต้องการ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นกะทิแบบ 100% ที่ไม่ได้อบควันเทียนค่ะ โดยมักซื้อแบบพอดีที่ต้องใช้สำหรับเมนูนั้นๆ ในตอนนั้นเลย เพราะปัจจุบันกะทิกล่องไม่ได้หาซื้อยาก และผู้เขียนต้องการตัดปัญหาเรื่องการมาจัดเก็บส่วนที่เหลือด้วย เลยเลือกที่จะซื้อในปริมาณที่เหมาะกับที่ต้องการใช้เป็นหลักค่ะ ยังไงนั้นคุณผู้อ่านก็อย่าลืมนำเคล็ดลับในบทความนี้ไปใช้กันนะคะ และผู้เขียนหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับคุณผู้อ่านไม่มากก็น้อย หากสนใจเนื้อหาเช่นนี้อีก อย่าลืมกดติดตามหรือบุ๊กมาร์กโปรไฟล์ไว้ เพื่อรับข้อมูลใหม่ๆ ในบทความต่อไปค่ะ เครดิตภาพประกอบบทความ ภาพทำหน้าปกและภาพประกอบเนื้อหาโดยผู้เขียน ออกแบบหน้าปกโดยผู้เขียนใน Canva เกี่ยวกับผู้เขียน ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล จบการศึกษา: พยาบาลศาสตรบัณฑิต จากวิทยาลัยพยาบาลศรีมหาสารคาม กระทรวงสาธารณสุข และสาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต (อนามัยสิ่งแวดล้อม) จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น มีความสนใจและประสบการณ์เกี่ยวกับ: สุขภาพ จิตวิทยาเชิงบวก การบำบัดน้ำเสียและกำจัดสิ่งปฏิกูล บทความอื่นที่น่าสนใจโดยผู้เขียน 6 วิธีเลือกน้ำแข็ง มีคุณภาพ แบบไหนดี ดูสะอาด สูตรทำข้าวเหนียวมะม่วง น้ำตาลน้อย ไม่ใส่แป้ง หวานมันพอดี 7 วิธีเก็บน้ำตาลไม่ให้มดขึ้น ทำแบบไหนดี และได้ผล เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !