สวัสดีจ้าทุกคน...ผู้เขียนจะมายั่วน้ำลายผู้อ่านที่น่ารักทุกคนผ่านบทความนี้ ในช่วงใครกักตัว หรือใครที่ไม่สามารถหาอะไรกินแซ่บ ๆ ได้ตามใจปากนัก ก็เลยจะมาแนะนำวิธีการตำส้มตำสูตรไม่ใส่ผงชูรส เราอาจจะเห็นตามโซเชียล ตามเว็บไซต์มากมายว่ามีสูตรไม่ใส่ผงชูรส แต่ผู้เขียนตำในฉบับสูตรพึ่งน้ำปลาร้าให้เป็นตัวชูรสแทน และที่สำคัญถูกหลักอนามัย ไม่ท้องเสียรับหน้าร้อน มีความเป็นรสชาติที่อาศัยความเป็นธรรมชาติจากวัตถุดิบ เน้นความแซ่บไร้ผงชูรสแน่นอน เอาล่ะ มาดูวิธีการทำเลย ว่าจะยั่วน้ำลายได้มากน้อยแค่ไหน ส่วนประกอบ มะละกอ แครอท มะเขือเทศสีดา ถั่วฝักยาว พริกขี้หนูสด 10 เม็ด กระเทียม 3 กลีบ น้ำปลาร้าตราแม่บุญล้ำ น้ำมะนาว น้ำตาลทรายแดง ปูม้าดอง ครกดินเผาพร้อมสากไม้ มีดสำหรับฝานให้เป็นฝอย ๆ มีดสองคม มีดปอกผลไม้ วิธีทำ 1. ล้างผัก และวัตถุดิบให้สะอาดก่อนเตรียมวัตถุดิบในการทำอาหารทุกครั้ง ช่วงที่มี COVID-19 เข้ามาจะเน้นการล้างยิ่งกว่าล้างมือด้วยสบู่เสียอีก จะล้างด้วยน้ำยาล้างผักและล้างน้ำสะอาด 2 น้ำขึ้นไป เพื่อป้องกันสารตกค้างที่อยู่ตามผิวผัก เมื่อล้างแล้วให้หั่นถั่วฝักยาวให้เป็นท่อน ๆ เพื่อง่ายต่อการตำ 2. ใช้มีดปอกผลไม้ตัดจุกที่มะละกอ และแครอท จากนั้นใช้มีดสองคมลอกเปลือกนอกออกให้เรียบร้อย เวลาใช้อย่าให้เข้าเนื้อไปในเปลือกเยอะมาก เพราะมันจะเปลืองส่วนจำเป็นที่ติดมากับเปลือกแล้วเราต้องทิ้งโดยปริยาย จากนั้นใช้มีดฝานให้เป็นฝอย ๆ ตามภาพ ต้องบอกไว้ก่อนเลยว่าในบ้านครัวแคบจริง ขนาดมีแต่คนผอมแทบจะอัดกันเป็นปลากระป๋อง เลยมาทำนอกบ้านแทน 3. เตรียมพริกกับกระเทียมที่เตรียมไว้ เตรียมจำนวนในปริมาณที่พอเหมาะ ปอกเปลือกกระเทียมล้างน้ำ และล้างพริกก่อนค่อยตำ หากข้างไหนจับพริกอย่าเอาข้างนั้นขยี้ตา ไม่อย่างนั้นจะแสบตาได้ ตำกระเทียมให้แหลกและตำพริกให้คลุกเคล้ากับกระเทียม ในช่วงตำให้เอามือป้องเพื่อป้องกันพริกกับกระเทียมกระเด็น 4. ตำถั่วฝักยาวให้เข้ากัน ใส่น้ำตาลทรายแดง 2 ช้อน ผู้เขียนใช้ช้อนกลางทานข้าวในการตวง เพราะขี้เกียจหยิบช้อนตวงให้มากเรื่อง ตำให้น้ำตาลละลายแล้วใส่น้ำปลาร้าตราแม่บุญล้ำ 5-6 ช้อน เหตุที่ใช้น้ำปลาร้ายี่ห้อนี้เพราะเป็นน้ำปลาร้าสะอาด ถูกหลักอนามัย ที่สำคัญทานแล้วไม่ท้องเสียด้วย 5. ใส่มะละกอ แครอทที่ฝานไว้ ใส่มะเขือเทศสีดาที่ปอกเป็นซีก ตำให้มะละกอกับแครอทนิ่ม และใส่ปูม้าดองเป็นขั้นตอนสุดท้าย คลุกเคล้าให้เข้ากัน ต้องขออภัยผู้อ่านสำหรับภาพนี้ เนื่องจากทำปูตกลงไปในครกโดยไม่เจตนาขณะถ่ายภาพนี้ เลยต้องฉีกปูครึ่งหนึ่งใส่ในครกในภายหลัง และปูม้าดองที่ใช้ในครกนี้ใช้ถึงสองตัว แต่กลิ่นนี่ชูความเป็นปูปลาร้าตามฉบับร้านส้มตำจริง ๆ หอมฉุยได้อีก 6. จากนั้นก็ตักใส่ชาม ทานคู่กับข้าวสวย ขนมจีนหรือข้าวปุ้น ปกติจะนิยมทานกับข้าวเหนียว แต่แค่กลิ่นก็ยั่วน้ำลายแล้ว กินส้มตำคู่กับอะไรก็เจริญอาหารหมดแหล่ะ ที่แน่ ๆ ชามเดียวไม่พอจริง ๆ ผู้เขียนทานไปสองชามคู่กับตำปูปลาร้า เพราะมันนัวโดยไม่ใช้ผงชูรส แค่นี้ก็กลมกล่อมแล้ว นี่ก็เป็นเมนูเหมาะมากในช่วงกักตัว ไม่ได้ออกไปไหนเลย แต่ก็น่าสนใจดีในช่วงนี้ นอกจากทานกับแฟน ทานกับครอบครัว ยังได้พัฒนาสกิลการทำอาหารไปอีกขั้น อีกหน่อยผู้เขียนคงเป็นซังกุงเวอร์ชันไทยแลนด์ก็เป็นได้ หากใครสนใจก็สามารถนำไปทำได้เลย ประหยัดค่า Delivery เยอะมาก เพราะมะละกอลูกละ 20฿ แครอทป้ายเหลืองราคา 15฿ มะเขือเทศสีดาป้ายเหลืองก็ 20฿ ถั่วฝักยาวกำละ 10฿ น้ำปลาร้า 25฿ และปูม้าดองขีดละ 20฿ ถ้าให้ดูตามราคาก็คุ้มค่าเงิน เพราะประหยัดค่าส่ง ค่าอาหารมื้อละ 100 ได้เยอะจริง ๆ และที่สำคัญ กินกันทั้งบ้านได้หลายมื้อและทานอย่างอบอุ่นใจอีกด้วย ผู้เขียนขอทิ้งท้ายภาพสมาชิกอีกคนมาร่วมวงส้มตำครั้งนี้ด้วย ไม่ว่าเมนูไหน จะไม่พลาดสักมื้อเดียว ด้วยความที่ส้มตำมีกลิ่นปลาร้าโชยมา จึงเป็นที่สนใจของเด็ก ๆ ในบ้าน เพราะว่าผมเห็นใครตั้งวงส้มตำไม่ได้เลย ผมต้องแจมกับมนุษย์ด้วย คุณแม่ต้องเอาเด็กตัวป่วนห่างแบบนี้แหล่ะค่ะ จะได้ขนไม่ฟุ้ง เดี๋ยวจะหมดความอร่อยเสียก่อน ผู้เขียนขอไปทานต่อนะคะ เดี๋ยวเด็กจะวุ่นวายตอนเผลอ 5555 ผู้เขียนขอจบบทความเพียงเท่านี้...สวัสดีจ้า :) หมายเหตุ รูปทุกรูปรีวิวเอง ถ่ายเองทั้งหมด ใช้เพื่อเป็นสื่อในการเสนอบทความนี้เท่านั้น ใครจะก็อปภาพกรุณาขออนุญาตผู้เขียนก่อนนะจ๊ะ...พลีสสส