คนเกือบค่อนโลกเคยกินขนมปัง ไม่ว่าจะอยู่ในรูปทรงหรือรสชาติแบบใด แม้ในสังคมไทยจะมี "ข้าว" เป็นอาหารหลัก แต่คนไทยโดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ก็คุ้นเคยกับการรับประทานขนมปังกันเป็นอย่างดี ใครจะนึกว่าขนมปังเป็นผลผลิตสุดยอดความคิดของมนุษย์ ในการแปรรูปเมล็ดข้าวสาลีแสนธรรมดาให้กลายมาเป็นอาหารยอดฮิต ขนมปังก้อนเล็กๆแต่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน แพร่หลายจนมีการดัดแปลงเปลี่ยนรูปร่างหน้าตาออกมานับไม่ถ้วน ขนมปังที่อบเสร็จร้อนๆ ส่งกลิ่นหอมฟุ้ง รสสัมผัสนุ่มๆ แค่คิดก็หิวแล้ว ขนมปังมีส่วนผสมหลักอยู่สามอย่าง นั่นก็คือ แป้งสาลี น้ำเปล่า และยีสต์หรือผงฟู นอกนั้นอาจมีส่วนผสมอื่นๆ เช่น ไข่, นม, น้ำตาล, เกลือ, เครื่องเทศ, ธัญพืช และอื่นๆ ตามแต่ลักษณะของขนมปังแต่ละประเภท มีหลักฐานบันทึกไว้ว่าคนไทยรู้จักการกินขนมปังมาตั้งแต่สมัยอยุธยา แต่ยังไม่ค่อยได้รับความนิยมนักในช่วงแรก จนหลังสงครามโลกครั้งที่สองและสงครามเวียดนาม จึงได้รับวัฒนธรรมการกินจากกองทหารอเมริกัน มีแบบฉบับเป็นอาหารเช้าพวกขนมปังปิ้งทาเนยหรือแยม ซึ่งยังคงได้รับการถ่ายทอดมาจนถึงปัจจุบัน ยิ่งยามเช้าของคนเมืองใหญ่ นักเรียนนักศึกษา คนทำงานต่างเป็นไปอย่างรีบเร่ง ขนมปังจึงเป็นทางเลือกอิ่มท้องที่กินง่าย พกง่าย แถมหาซื้อง่ายอีกต่างหาก ในเมื่อคนบ้านเราก็กินขนมปังกันเป็นเรื่องเป็นราว แต่เหตุไฉนขนมปังจึงเป็นแค่ "ขนม" เท่านั้น? นี่เป็นเรื่องที่น่ายินดีที่ประเทศไทยไม่เคยตกเป็นเมืองขึ้นของฝรั่งมังค่า ทำให้เราไม่ได้รับวัฒนธรรมการกินขนมปังมาโดยตรงเช่นประเทศเพื่อนบ้าน จึงไม่ได้รู้สึกว่าเป็นอาหารหลัก ส่วนคำว่า ขนมปัง ก็น่าจะมาจากการรวมกันของคำว่า ขนม และคำว่า ปัง หรือ Pain(แปง) ในภาษาฝรั่งเศสนั่นเอง เนื่องจากส่วนผสมหลักของขนมปังคือแป้ง สายบริโภคคาร์โบไฮเดรตทั้งหลายจึงควรเลือกรับประทานแต่พอดี เพื่อสุขภาพของตัวเราเอง เรื่องน่ารู้ : รู้ไหมคะว่าโลกเรามีวันเฉลิมฉลองขนมปังหรือ World Bread Day ด้วยนะคะ โดยจะจัดขึ้นในวันที่ 16 ตุลาคมของทุกปี(ถ้าพี่ไทยรู้จักวันนี้คงได้เอร็ดอร่อยกันทั่วประเทศแน่ๆค่ะ) ขอบคุณข้อมูลจาก หนังสือ ขนมปัง(Bread) โดย วราภรณ์ เจริญถาวร และเจิมสิริ เหลืองศุภกรณ์, https://www.wongnai.com/food-tips/bread-101 ขอบคุณภาพประกอบจาก https://pixabay.com/th/