ฟักทอง นอกจากจะใช้ทำเป็นกับข้าวแล้ว ก็สามารถนำมาทำเป็นของหวานอย่าง “บัวลอย” ได้อีกด้วยค่ะ และวันนี้ผู้เขียนก็จะมาแนะนำเมนู “บัวลอยฟักทอง” ในวันว่าง ที่ไม่ได้ออกไปทำงานและไปทำธุระข้างนอกที่ไหนเพราะไม่มีที่ไป จะไปนั่งดื่มกาแฟรับแอร์เย็น ๆ หรือชมธรรมชาติแบบชิล ๆ ก็ยังไปไม่ได้ซะด้วย เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ยังไม่ถูกปลดล็อคนั่นเอง บัวลอยฟักทอง เป็นหนึ่งในของหวานที่เรานำฟักทองมาเป็นส่วนประกอบ ขั้นตอนการทำนั้นไม่ยากเพียงแต่ต้องใช้เวลามากสักหน่อย ซึ่งผู้เขียนก็เลือกใช้เวลาในวันหยุดที่ค่อนข้างว่างและอยากหากิจกรรมสันทนาการทำเพื่อไม่ให้ตัวเองนั้นว่างเกินไป เพราะการว่างเกินไปอาจทำให้รู้สึกเหงา รู้สึกซึมเศร้า คิดมากและจิตตก กับสถานการณ์โรคระบาด รวมทั้งเศรษฐกิจที่กำลังเป็นอยู่ในปัจจุบันได้ มาเตรียมวัตถุดิบกัน ฟักทอง 1 ซีกไม่ใหญ่มาก นำมาปอกเปลือก คว้านไส้และเม็ดออก จากนั้นก็ล้างให้สะอาด หรือถ้าใครรักความสะดวกอย่างผู้เขียน ตอนซื้อที่ตลาดก็เลือกซื้อที่แม่ค้าปอกใส่ถุงไว้แล้วก็ได้ค่ะ ส่วนใหญ่จะทำไว้ถุงละ 10-15 บาท อันนี้เอามาล้างและพร้อมทำอาหารได้เลยสะดวกมาก ๆ แป้งข้าวเหนียว 1 ½ ถ้วย ผู้เขียนใช้ถ้วยตวงข้าวสาร ที่เวลาซื้อหม้อหุงข้าวมาใหม่จะมีแถมมาให้ทุกรอบ ปริมาณนี้สำหรับ 1-2 คนเท่านั้น หากกินหลายคนก็ต้องเพิ่มปริมาณขึ้นไปอีกค่ะ แป้งมันหรือแป้งข้าวโพด 1/3 ถ้วย กะทิ 2 ถ้วย จะใช้กะทิสดหรือกะทิกล่องก็ได้ น้ำตาลปี๊บ (ถ้ามี) 2 ช้อนโต๊ะ ช่วยเพิ่มความหวานหอมให้น้ำบัวลอยของเรา น้ำตาลทราย 1 ถ้วย เกลือ 1 ช้อนโยเกิร์ต วิธีทำ นำฟักทอง มาต้มหรือนึ่งในสุก จากนั้นก็พักให้เย็น นำฟักทองที่เย็นแล้วหรือกำลังอุ่น ๆ พอจับได้ มายี นวดหรือบดให้ละเอียด จากนั้นเติมแป้งข้าวเหนียว แป้งมัน และนวดทุกอย่างให้เข้ากัน จะได้ก้อนแป้งสีเหลืองนวดจนกว่าแป้งนั้นจะไม่ติดภาชนะและมือของเราค่ะ สังเกตว่าถ้าแป้งเหลวและติดมือ แสดงว่าปริมาณแป้งและฟักทองไม่พอดีกันหรือมีน้ำมากไป ให้เติมแป้งลงอีกนิดหน่อยและนวดให้เข้ากัน แต่ในกรณีที่แห้งเกินไปให้เติมน้ำนิดหน่อย ถ้าได้น้ำมะพร้าวอ่อน หรือน้ำใบเตย มาเติมก็จะดีมากเลยค่ะช่วยเพิ่มความหอมให้เม็ดบัวลอยของเราได้ดีทีเดียว นำแป้งที่นวดได้ทีแล้วมาปั้นเป็นเม็ดกลม ๆ พอดีคำ หรือใครจะคิดสร้างสรรค์ปั้นเป็นลักษณะที่แตกต่างไปจากนี้ก็ได้ค่ะ ขั้นตอนนี้จะใช้เวลามากหน่อย อาจจะต้องหาคนช่วยปั้น เช่น ลูก ๆ และสามี พี่ ๆ น้อง ๆ เพื่อลดเวลาในการปั้น ถือว่าใช้เวลาอันสนุกสนานภายในครอบครัวและเป็นแหล่งเรียนรู้ของเด็ก ๆ อีกด้วย เมื่อปั้นแป้งเม็ดบัวลอยจนหมดแล้ว ก็ต้มน้ำให้เดือด จากนั้นก็นำเม็ดแป้งลงต้ม พยายามต้มให้แป้งแต่ละเม็ดแยกตากกันนะคะ เมื่อแป้งสุกจะมีสีเหลืองสวยและจะค่อย ๆ ลอยขึ้นมา ปล่อยให้เม็ดบัวลอยลอยขึ้นสักครู่ ก็ใช้กระชอนตักขึ้นมาพักไว้ในน้ำเย็นจัด เมื่อโดนน้ำเย็นเม็ดบัวลอยนี้จะค่อย ๆ จมลงน้ำ... จบขั้นตอนการทำเม็ดบัวลอยแล้ว เรามาทำน้ำกะทิกันต่อค่ะ นำกะทิเทลงหม้อ 2 ถ้วย ตั้งไฟปานกลาง หากข้นไปให้เติมน้ำเปล่า 1 ถ้วย ถ้ามีใบเตยมาใส่เพื่อเพิ่มความหอมให้น้ำกะทิของเราก็จะดีมากเลยค่ะ ถ้าไม่มีก็ไม่ต้องใส่แบบผู้เขียนนี้ก็ไม่มีเช่นกัน ใส่น้ำตาลปี๊ป ถ้าไม่มีก็ไม่ต้องใส่ จากนั้นเติมน้ำตาลทราย 1 ถ้วย คนให้ละลายและนำเม็ดบัวลอยที่เราต้มไว้ใส่ลงไป ชิมรส ถ้าหวานไม่พอให้เติมน้ำตาลเพิ่ม หรือถ้าพอดีแล้วก็เติมเกลือเพื่อตัดหวานเพิ่มความกลมกล่อมให้ของหวานของเรา เสร็จเรียบร้อยพร้อมเสิร์ฟค่ะ เราจะได้บัวลอยฟักทองที่มีเม็ดบัวลอยสีเหลืองสวยและนุ่มละมุนลิ้น อีกทั้งน้ำกะทิเข้มข้นหวานมัน เค็มปะแล่ม ๆ ถ้าหากใครชอบกินไข่หวานก่อนปิดไฟก็ให้ตอก ไข่ไก่ หรือไข่เป็ด ลงไป ก็จะได้เมนูบัวลอยไข่หวานที่แตกต่างไปอีกแบบค่ะ ขนมบัวลอยนี้สามารถดัดแปลงสูตรได้มากมาย ซึ่งขึ้นอยู่กับวัตถุดิบที่เราเลือกใช้อีกด้วยนะคะ เช่น บัวลอยเผือก บัวลอยมะพร้าวอ่อน บัวลอยไข่หวาน เป็นต้น การทำขนมนี้สามารถใช้เป็นกิจกรรมสันทนาการภายในครอบครัวได้ดีทีเดียว ผู้เขียนคิดว่าหากให้เด็ก ๆ ช่วยทำก็เป็นการเล่น ที่สามารถช่วยลดเวลาการปั้นเม็ดบัวลอยของคุณพ่อคุณแม่ได้ดีทีเดียว เป็นแหล่งเรียนรู้ในเรื่องของการใช้สีจากธรรมชาติมาทำอาหาร อีกทั้งการลอยของเม็ดบัวลอยเมื่อแป้งโดนความร้อนและเริ่มสุกก็น่าจะเป็นอีกหนึ่งโจทย์ที่สร้างความน่าสนใจให้กับเด็กน้อยอีกด้วย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ควรอยู่ในความดูแลอย่างใกล้ชิดของผู้ปกครอง เพื่อไม่ให้เกิดอันตรายหรืออุบัติเหตุที่เราไม่คาดคิดด้วยนะคะ ภาพหน้าปกและภาพประกอบทั้งหมดโดยผู้เขียน