ฉันเคยได้ยินชื่อเสียง “แกงรัญจวน” ครั้งแรกในหนังสือ “ชีวิตในวัง” ของ มล.เนื่อง นิลรัตน์ หนอนหนังสือคงรู้ว่าท่านเป็นนักเล่าเรื่องสายฮา “ชีวิตในวัง” เล่าเรื่องชีวิตวัยเยาว์แสนซน เมื่อครั้งท่านถูกส่งไปถวายตัว หม่อมเจ้าหญิงสะบาย นิลรัตน์ หรือ “ท่านย่า” หัวหน้าห้องเครื่อง (ครัว) ของพระวิมาดาเธอ พระองค์เจ้าสายสวลีภิรมย์ กรมพระสุทธาสินีนาฏ ปิยมหาราชปดิวรัดา ตัวหนังสือแสนสนุกของท่านจึงอัดแน่นด้วยเรื่องราวของอาหารชาววัง ด้วยฝีมือการบรรยายที่ทำให้อ่านไปหัวเราะไปพร้อมน้ำลายสอตลอดเล่ม “แกงรัญจวน” จัดเป็นอุบัติเหตุแห่งความอร่อย ท่านเล่าว่าวันหนึ่งในวังมีงาน อาหารเลี้ยงบรรดาคุณข้าหลวงวันนั้นทำกันเต็มที่ ปรากฏว่าพอกับข้าวมีมากเกินไป “เนื้อผัดพริกอ่อนใบโหระพา” ก็เหลือทิ้ง ด้วยความเสียดายและช่างคิดสร้างสรรค์ “ท่านย่า” จึงบัญชาให้เลือกเฉพาะเนื้อออกมาต้มน้ำแกงใหม่ ใส่หอมแดง กระเทียม ตะไคร้ ที่เด็ดสุดคือเติมน้ำพริกกะปิลงไปด้วย “....ชิมให้มีรสจัด 3 รสแบบแกงต้มยำปลา เดือดดีแล้วยกลงใส่ใบโหระพา รสเผ็ดได้แล้วจากพริกขี้หนูในน้ำพริกกะปิ ถ้ายังไม่เผ็ดก็บุบพริกขี้หนูใส่เติมลงไปอีก ต้องกินร้อนโฉ่ถึงอร่อย” แต่เตือนปิดท้าย “อย่าซดแรง เดี๋ยวจะเห็นเพดานห้อง สำลักตาย” ดูสิดูท่านบรรยาย ใครอ่านแล้วไม่อยากชิมแกงรัญจวนในบัดเดี๋ยวนั้น ฉันมีโอกาสได้ชิมแกงนี้ครั้งแรก เมื่อเพื่อนพาไปร้านอาหารไทยในห้าง ชิมแล้วติดอกติดใจมาตั้งแต่วันนั้น แต่ว่าเธอจ๋า นี่มันอาหารชาววัง มันต้องไปชิมถึง “วัง” สิถึงจะได้เรื่อง “วัง” ที่ มล.เนื่องเคยพำนักคือ วังสวนสุนันทา ค้นไปค้นมาเจอข้อมูล โรงแรมวังสวนสุนันทา มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา มีร้านอาหารที่ชื่อว่า “แก้วเจ้าจอม” มีอาหารไทยตำรับวังสวนสุนันทาของแท้และดั้งเดิมให้บริการ ฉันกรีดร้องในใจ นอกจากจะมี “แกงรัญจวน” เป็นไฮไลท์ เรายังจะได้ชิม “น้ำพริกลงเรือ” ฉบับดั้งเดิมอีกด้วย จะรอช้าอยู่ทำไม ขับรถไปลองเลยดีกว่า ดีที่ค้นข้อมูลเห็นภาพไว้ล่วงหน้า เห็นว่าห้องอาหารตกแต่งด้วยเก้าอี้สไตล์หลุยส์ เพื่อเป็นการให้เกียรติสถานที่ จึงขอแต่งตัวให้เรียบร้อยดูดีสักเล็กน้อย จากถนนอู่ทองนอก ตรงเข้าไปในมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา โรงแรมตั้งอยู่ภายในอาคาร 54 ของมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา มีที่จอดรถด้านหน้าสะดวกสบาย ก่อนเข้าร้านจะมีนิทรรศการภาพห้องเครื่องในสมัยรัชกาลที่ 5 ให้เราเห็นบรรยากาศการทรงงานของพระวิมาดาเธอ พระองค์เจ้าสายสวลีภิรมย์ กรมพระสุทธาสินีนาฏ ปิยมหาราชปดิวรัดา พระอรรคชายาเธอในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงควบคุมดูแลห้องพระเครื่องต้น ต้องทรงรับผิดชอบของเสวยคาวหวานทั้งปวงในวังซึ่งเป็นงานหนักมาก ฉันแอบหลงรักพระองค์ท่านมานานแล้ว ไม่เพียงได้ยินมาว่าทรงพิถีพิถันในการปรุงเครื่องเสวยเท่านั้น แต่ยังทรงต้องบริหารงบประมาณให้เพียงพอต่อการใช้จ่าย เคยได้ยินว่าเมื่องบหลวงไม่พอ ท่านต้องใช้ทรัพย์ส่วนพระองค์เติมเข้าไปก็มี ตำรับอาหารวังสวนสุนันทาก็แสนสร้างสรรค์ ไม่ยึดติดกับของเดิมจนติดกรอบเกินไป ทำให้เกิดเมนูใหม่น่าสนใจขึ้นมาอีกมาก บางเมนูก็ดัดแปลงมาจากอาหารต่างชาติจนอร่อยขึ้นอีกในรสไทย แม้จะประณีตบรรจงแต่ยังคงมัธยัสถ์ อาหารเหลือต้องไม่มีทิ้งขว้าง ชาวห้องเครื่องสวนสุนันทาชาญฉลาดดัดแปลงอาหารให้รับประทานได้ต่อ และปรากฏว่าสูตรดัดแปลงจากของเหลือนี่ล่ะ ที่กลายเป็นเมนูอาหารยืนยงมาจนถึงยุคนี้ นอกจาก "แกงรัญจวน" ยังมี “น้ำพริกลงเรือ” อยู่ในนั้นด้วย เล่ากันมาว่า “น้ำพริกลงเรือ” เกิดขึ้นในครั้งที่ “สมเด็จหญิงน้อย” (สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้านิภานภดล วิมลประภาวดี กรมขุนอู่ทองเขตขัตติยนารี) ทรงมีพระประสงค์จะแล่นเรือท่องไปตามคูคลองในเขตอุทยานวังสวนสุนันทา เจ้าจอมหม่อมราชวงศ์สดับ ลดาวัลย์ รับหน้าที่เข้าไปหาเครื่องเสวยที่มีเหลืออยู่ในห้องเครื่อง แต่จะเอาไปมากมายก็เปลืองเนื้อที่ในเรือ เจ้าจอมหม่อมราชวงศ์สดับจึงตักเครื่องเสวยที่เหลืออย่างละเล็กละน้อย นำมาผสมคลุกเคล้าในจาน หยิบไข่เค็มกับผักจิ้ม ปรากฏว่าเสวยในเรือแล้วทรงพอพระทัยมาก “น้ำพริกลงเรือ” จึงถือกำเนิดมาตั้งแต่นั้น มา "แก้วเจ้าจอม" จึงมีเมนูบังคับที่ไม่สั่งไม่ได้ คือแกงรัญจวน และน้ำพริกลงเรือ แม้เป็นอาหารตำรับชาววัง ซ้ำยังตกแต่งเหมือนจะ “แพงลิบ” แต่ “แก้วเจ้าจอม” ตั้งราคาแบบสามัญชน ฉันว่าราคาเข้าถึงง่ายกว่าร้านอาหารตามห้างเสียอีก เฉลี่ยอยู่ประมาณ 80-120 บาทเท่านั้น สั่งอาหารไม่นาน แกงรัญจวน (ใช้เนื้อหมูแทนเนื้อวัว) ก็ถูกนำมาวางบนโต๊ะ ตักชิมคำแรกบอกเลยว่านี่แหละที่ฉันต้องการ นี่คือสุดยอดเมนูโปรดปรานของแท้ เหมือนที่ มล.เนื่องบอกไว้ ว่าเมนูนี้ต้อง “ซดโฮก” ตอน “ร้อนโฉ่” เท่านั้น ฉันตักแกงใสที่มีรสชาติกล่อมกลมใส่ปากคำแล้วคำเล่า ความร้อนเรียกอารมณ์แรงถึงใจ กลิ่นหอมของเครื่องตะไคร้โหระพาขึ้นจมูก เผ็ดพริกขี้หนู แซ่บจิ๊ดด้วยรสมะนาว ครบครันทั้งเปรี้ยวหวานเค็ม บางคนว่าเหมือนต้มยำน้ำใสใส่กะปิ ฉันว่าเหมือนเทน้ำพริกกะปิลงไปต้มยำ น้ำพริกลงเรือ รสชาติกลมกล่อมไม่มีที่ติ ดีสมที่เป็นต้นตำรับ ครบเปรี้ยวเผ็ดเค็มหวานกลมกลืน ขัดใจนิดเดียวว่าผักต้มและผักสดให้มาน้อยไป ไม่สะใจพระเดชพระคุณ อาหารที่สั่งมารสเข้มข้นทั้งหมด ข้าวจานเดียวจะพอได้ไง ฉันมากับเพื่อนสองคนจึงจบมื้อนั้นแบบเดินแทบไม่ไหวเพราะจุกสุดๆ เมนูแนะนำที่เหลือคือ ยำไก่อย่างเต่า แกงเหงาหงอด กะหล่ำปลีผัดน้ำปลา เต้าหู้ทรงเครื่อง และขนมโบราณอย่าง ขนมโคกะทิ ต้องฝากไว้โอกาสต่อไปล่ะเพื่อน ใครที่ชอบอาหารไทย หลงใหลชีวิตชาววัง มองหารสชาติที่ทำให้ถวิลหาความหลัง แนะนำให้มาชิมสักครั้ง กับอาหารชาววังตำรับชาวสวนสุนันทา มาซดแรงให้รสแกงรัญจวนขึ้นเพดาน แล้วคุณจะได้เข้าใจ ว่าทำไมฉันถึง “รัญจวนใจ” อยากกลับมาชิมอีกรอบ แก้วเจ้าจอม โรงแรมวังสวนสุนันทา ที่อยู่ : มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา เลขที่ 1 ถนนอู่ทอง แขวงวชิระ เขตดุสิต กรุงเทพฯ 10300 โทร. 02-1601366 เปิดบริการ : เวลา 11.00 – 22.00 น. ที่จอดรถ : หน้าโรงแรม Facebook : โรงแรมวังสวนสุนันทา ภาพ/เรื่อง : Miss Me