ภาพปก https://pixabay.com / OrMaVaredo โคคา โคลา (Coca Cola) หรือ โค้ก (Coke) ที่ครองใจหลาย ๆ คนมาช้านาน ซึ่งเครื่องดื่มน้ำอัดลมนี้ก็พูดได้ว่าเป็นเครื่องดื่มที่อยู่ในทุก ๆ เทศกาลก็ว่าได้ ดังเช่นในประเทศไทยของเรานี้ก็ถือว่าเป็นเครื่องดื่มดับร้อนได้เป็นอย่างดีในช่วงวันสงกรานต์ วันปีใหม่ เป็นต้น ภาพจาก https://pixabay.com / vahidkanani ประวัติความเป็นมาของ โคคา โคลา (Coca Cola) หรือ โค้ก (Coke) ได้ถือกำเนิดเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม ปี 1886 หรือประมาณ 135 ปีที่แล้ว ณ เมืองแอตแลนต้า รัฐจอร์เจีย โดยเภสัชกร ดร.จอห์น สติชท์ เพมเบอร์ตัน ซึ่งเป็นยุคที่มีการจดสิทธิบัตรยาเป็นจำนวนมาก และยาบางชนิดก็สร้างชื่อเสียงและฐานะให้กับเจ้าของสิทธิบัตรมากมาย จอห์น สติชท์ แพมเบอร์ตัน ก็เป็นหนึ่งในกลุ่มคนเหล่านั้น เขาจึงได้ตั้ง บริษัท เจ.เอส. แพมเบอร์ตัน คอมพานี ขึ้น และมีสินค้ามากมายไม่ว่าจะเป็นยาย้อมผม เครื่องสำอาง และน้ำหอม แต่ในระยะเวลาประมานนึงเขาก็ได้เริ่มสนใจในพืชที่มีชื่อว่าต้นโคคา ซึ่งเป็นพืชที่ชาวบ้านของเปรูได้ใช้เพื่อเป็นยาโดยการกินทั้งใบสด หรือทำเป็นน้ำสมุนไพรเเละยังมีความเชื่อว่ามันสามารถเพิ่มสมรรถภาพทางเพศได้ ซึ่งชาวบ้่านเมืองเปรูได้นำต้นโคคามาใช้กันอย่างยาวนานกว่า 2000 ปี ซึ่งเขาได้นำมาประดิษฐ์คิดค้นจนสร้างชื่อให้เขา นั้นก็คือไวน์โคลาในแบบของฝรั่งเศษ ซึ่งมีลักษณะเป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ก่อนที่จะปรับเปลี่ยนมาเป็นน้ำอัดลม ที่เราจะเรียกว่า โคคา-โคลา หรือ โค้ก นั่นเอง นอกจากนี้ต้นโคคาก็ยังมีสารโคเคนที่ใคร ๆ หลายคนเคยได้ยินมาบ้างว่าโคเคนนั้นเป็นสารเสพติดที่ผิดกฎหมายและสารโคเคนนั้นถือเป็นยาฆ่าแมลงโดยธรรมชาติ ดังนั้นเขาได้เอาสารโคเคนมาใช้ซึ่งเขาคิดว่าจะสามารถนำเอามารักษาอาการของมอร์ฟีนที่เขาได้ติดมาตอนเป็นทหาร เขายังคิดว่าสารโคเคนอาจเป็นยาวิเศษที่รักษาอาการของเขาได้ ภาพจาก https://pixabay.com / MrRick หลังจากที่เขาได้คิดค้นสำเร็จแพมเบอร์ตันก็ได้เปิดตัวเครื่องดื่มที่ตั้งชื่อว่า “ไวน์โคลาฝรั่งเศสของแพมเบอร์ตัน” ในปี ค.ศ. 1885 ซึ่งเขาได้โฆษณาว่า “เป็นยาบำรุงที่ช่วยสร้างเสริมปัญญา” “ยาบำรุงประสาท” และยังมีสรรพคุณในการเลิกมอร์ฟีน ซึ่งยังไม่มีแพทย์คนใดคิดค้นวิธีรักษาให้หายขาดได้ สินค้าตัวใหม่นี้ทำเงินให้เขาต่อวันมากกว่าที่เขาเคยหาได้ทั้งปี หลังจากที่เขาประสบความสำเร็จก็ยิ่งทำให้เขาหมกมุ่นจึงทำให้สุขภาพย่ำแย่ลงทุกวัน นอกจากนี้ การทดลองชิมสูตรผสมน้ำหวานหลายชนิด ทำให้เขาไม่สามารถเลิกติดมอร์ฟีนได้ ต่อมาแพมเบอร์ตันได้ส่งตัวอย่างสูตรน้ำหวานที่คิดขึ้นใหม่ไปให้เจ้าของร้านเครื่องดื่มคนหนึ่งผสมโซดานั่นจึงเป็นที่มาของโคคา-โคลาที่เรารู้จักในปัจจุบัน หลังจากที่เขาได้เปิดตัวเขาเลือกที่จะจดทะเบียนเป็นเครื่องหมายการค้าของโคคา-โคลาแทนการจดสิทธิบัตร เพราะจะได้ไม่ต้องเปิดเผยสูตรจนคู่แข่งสามารถเอาไปใช้ประโยชน์ได้ ทำให้สูตรน้ำอัดลมโคคา-โคลา ก็ยังเป็นความลับจนถึงทุกวันนี้ ภาพจาก https://pixabay.com / jplenio และในปี 1888 เขาได้ขายหุ้นบริษัทให้กับอะซา กริก แคนด์เลอร์ (Asa Griggs Candler) เพราะเขาคิดว่าคงไม่รอดชีวิตจากอาการเจ็บป่วย ประกอบกับการขัดสนเงินทองเนื่องจากติดยา ด้วยราคาเพียง 2,300 เหรียญ และในปีเดียวกันนั้นเขาก็ได้เสียชีวิตลง และหลังจากที่เขาเสียชีวิตไปไม่นานก็ได้มีการตั้งโรงงานโคคา-โคลา ทั่วอเมริกา จึงทำให้ อะซา กริก แคนด์เลอร์กลายเป็นหนึ่งในคนที่ร่ำรวยที่สุดของประเทศในปี ค.ศ. 1900 เเละต่อมาได้มีเหตุที่หลายคนไม่พอใจในเรื่องที่นำต้นโคคา ที่มีสารโคเคน บริษัทจึงได้งดส่วนผสมของโคคาลง และยังได้เปลี่ยนชื่อเป็น โค้ก(coke) ที่เรารู้จักกันในทุก ๆ วันนี้ด้วย เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !