พออากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย ร่างกายก็ปรับสภาพไม่ค่อยทัน ทำให้เป็นหวัดได้ง่าย สิ่งหนึ่งที่ป้ากินประจำเมื่อเริ่มเป็นหวัดหรือ เกิดอาหารร้อน ๆ หนาว ๆ ก็คือ บัวลอยงาดำ น้ำขิง เนื่องจากน้ำขิงจะช่วยลดอาการ ไอ จาม และมีน้ำมูก แต่การหาซื้อบัวลอยน้ำขิงจากเจ้าที่เราชอบจริงจังก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะบางทีก็ประสบปัญหาบัวลอยแตก น้ำขิงไม่เข้มข้นพอ แป้งหนาไป หรือบางคนชอบแป้งหนา ก็จะติว่าแป้งบางเจ้าบางไป สู้ทำกินเองไม่ได้ แต่ทำกินเองก็ต้องลำบากมาต้มขิงเอง บดงาทำไส้เองอีก วันนี้ป้าเลยจะมาชวนทำบัวลอยน้ำขิงแบบประยุกต์กัน จะได้เอาไปใช้ทำกินเองง่าย ๆ ที่บ้าน แถมวัตถุดิบคือซื้อมาไว้เก็บได้นานแสนนานอีกต่างหาก วัตถุดิบ (สูตรนี้ทำได้ประมาณ 5 - 6 ลูก แล้วแต่ปั้นเล็ก ปั้นใหญ่) แป้งข้าวเหนียว ½ ถ้วย แป้งมัน 1 ช้อนโต๊ะ น้ำอุ่น ¼ ถ้วย งาดำอบบด 2 ช้อนโต๊ะ (ป้าใช้แบบผสมน้ำผึ้ง ของ Sesabac ซื้อมาจากกูร์เมต์ มาร์เกต ราคา 150 บาท ต่อ 250 กรัม เนื้อจะคล้าย ๆ พีนัทบัตเตอร์ คือ ข้น ๆ เหนียว ๆ ) งาคั่วบดสำเร็จ 5 ช้อนโต๊ะ น้ำตาล 2 ช้อนชา น้ำขิงซอง แบบไม่หวาน 1 ซอง (ป้าใช้ฮอตต้า ไม่ผสมน้ำตาล จะเอามาเติมเองตามชอบ) น้ำร้อน 1 ถ้วย น้ำตาลสำหรับผสมน้ำขิง ปริมาณตามชอบ ประเภทน้ำตาลตามชอบเลย จะเป็นน้ำผึ้ง น้ำตาลทรายแดง น้ำตาลน้ำอ้อย ได้หมด เอาที่ชอบ ที่ชอบ วิธีทำ 1. ผสมแป้งข้าวเหนียว และแป้งมันกับน้ำอุ่น น้ำต้องอุ่นนะ มันจะทำให้แป้งสุกไปแล้วครึ่งหนึ่ง เวลาห่อไส้จะไม่แตกง่าย แล้วอย่าริใช้น้ำร้อนด้วย เพราะน้ำร้อนจะทำให้แป้งสุกไปเลย สุกใสเป็นแป้งเปียกอ่ะ ซึ่งเราไม่ต้องการ ตรงนี้ถ้าแห้งไป ค่อย ๆ หยอดน้ำเพิ่มได้นะ หยอดทีละน้อย หรือถ้าแฉะไปก็ค่อย ๆ เพิ่มแป้งทีละหน่อย เอาพอมันนิ่ม ผสมกันแล้วนวดให้เข้ากัน จากนั้นหาถุงพลาสติก คลุมไว้ ถ้ามันโดนลมแล้วแห้ง มันจะปั้นยาก 2. ผสมงาดำอบบด, งาคั่วบดสำเร็จ และน้ำตาลให้เข้ากัน พอปั้นได้ แบ่งงาดำเป็นก้อน 6 ก้อน 3. แบ่งแป้งออกเป็น 6 ส่วน แล้วแผ่แป้งออก วางไส้ตรงกลาง ปิดให้มิด แล้วคลึงให้กลม 4. ตั้งน้ำร้อน พอเดือดจัด ใส่บัวลอยที่ห่อไว้ลงไป ต้มให้ลอยขึ้นมา แล้วตักออกแช่น้ำเย็น 5. ผสมขิงผงกับน้ำร้อน เติมน้ำตาลตามชอบ 6. ใส่บัวลอยในน้ำขิง แล้วกินขณะที่ร้อน อย่ารอให้อืดนะ เดี๋ยวบาน ไม่อร่อย เคล็ดลับ: ปรับสัดส่วนแป้งมันกับแป้งข้าวเหนียวได้นะ ยิ่งอยากให้ได้เนื้อหนึบ ก็เพิ่มแป้งมันได้ ภาพโดยผู้เขียน