เป็นที่สับสนกันเสมอระหว่างชื่อเรียก แกงส้มภาคกลาง กับแกงส้มภาคใต้ เพราะแกงส้มภาคกลางนั้นไม่ใส่ขมิ้นและรสไม่เผ็ดร้อนแรงเหมือนภาคใต้ ส่วนสีแกงส้มภาคใต้หนักไปทางสีเหลือง คนภาคอื่นจึงเรียกตามสะดวก โดยเรียก แกงส้มภาคกลางว่า แกงส้ม ส่วนแกงส้มภาคใต้ คือ แกงเหลือง แยกแกงส้มออกตามสี ก็ดูสมเหตุสมผล แต่คนใต้ไม่ยอมน่ะสิครับ บอกว่า แม้เป็นสีเหลือง แต่มันคือแกงส้ม เรียกว่าแกงส้มมาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ เพราะแกงมีรสส้ม (เปรี้ยว) เผ็ด จึงเรียกแกงส้ม และคนใต้ยืนยันว่า แกงเหลืองใต้ ไม่มี! มีแต่แกงส้ม จึงมีประโยคอำกันเล่น ๆ เกิดขึ้นเสมอ เมื่อคนใต้ชวนเพื่อนภาคอื่นเข้าร้านอาหารตามสั่ง จะกระซิบว่า อย่าสั่งแกงเหลืองนะ ให้บอกแกงส้ม ไม่งั้นอดกิน แม้คนใต้ส่วนใหญ่ยืนยันว่า ภาคใต้ไม่มีแกงเหลือง แต่จริง ๆ แล้ว มี! เป็นเมนูยอดนิยมของใต้ตอนล่าง เรียกว่าแกงเหลืองกะทิปลา หรือ ฆูลากูนิง ในภาษามลายู หน้าตาของแกงเหลืองนี้ สีเหลืองอ่อน เนื้อปลาแน่น ๆ ตัวโต ๆ และใส่พริกหยวก แต่รสน้ำแกงไม่เผ็ด ออกหวานมัน ถูกใจเด็ก ๆ และคนไม่กินเผ็ด ส่วนใครอยากกินเผ็ด ก็กัดพริกหยวกเข้าไป เมนูนี้หากกินคู่กับน้ำพริกกะปิ และผักสด จะอร่อยเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว สำหรับวัตถุดิบหลักแกงเหลืองมีดังนี้ ขมิ้น ข่า หอมแดง กระเทียม กะปิ มะพร้าวคั่ว น้ำกะทิ ปลา นิยมเป็น ปลาโอ หรือปลาทู ความแตกต่างของปลาสองชนิดนี้ คือ ปลาโอเนื้อแน่น ส่วนปลาทู นุ่มหวาน ส้มแขก พริกหยวก ขั้นตอนการทำก็นำวัตถุดิบข้อ 1 – 6 มาตำเข้ากัน ใส่แล้วนำหม้อตั้งไฟ ใส่น้ำกะทิ ตามด้วยเครื่องแกง ส้มแขก และพริกหยวก คนให้เข้ากัน คนไปเรื่อย ๆ เพราะถ้าไม่คนกะทิจะจับตัวกันไม่อร่อย เมื่อน้ำแกงหอมได้ที่ โชยไปบ้านข้าง ๆ ให้ใส่เนื้อปลาตามไป เมื่อปลาสุก ก็ปรุงรสตามชอบ แล้วเราก็จะได้แกงเหลืองมา 1 หม้อ รับรองว่าเติมข้าวแน่นอน ดังนั้นภาคใต้จึงมีแกงเหลืองด้วยประการฉะนี้ ภาพประกอบโดย ผู้เขียน หิวใช่ไหม อยากหาของกินอร่อย ๆ ใช่หรือเปล่า ส่องร้านเด็ดร้านดังได้ที่ App TrueID โหลดฟรี !