8 ทริคเก็บไข่เค็มที่ต้มแล้ว แบบไม่แกะเปลือก ให้อยู่ได้นาน กดอ่านเลย! เขียนโดย ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล การนำไข่เป็ดสดๆ มาถนอมอาหารสำหรับประเทศไทยนั้น ไข่เค็มน่าจะเป็นสิ่งที่เราพบเห็นได้บ่อยที่สุด ซึ่งไข่เค็มอร่อยๆ ก็เป็นสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ของหลายๆ ที่ แถมไข่เค็มบางยี่ห้อยังเป็นเจ้าเด็ดเจ้าดังของจังหวัดต่างๆ ด้วย ที่ก็มีให้เลือกซื้อแบบจุใจ ซึ่งบางคนพอไปต่างจังหวัดเจอของดี ก็มักหอบหิ้วกลับมาบ้าน จริงไหมคะ? และคุณผู้อ่านรู้ไหมคะว่า การที่เราอุดหนุนและซื้อไข่เค็มมาบ้านนั้น ก็เป็นสิ่งที่ดีค่ะ แต่ถ้ามีไข่เค็มแล้วอีกหนึ่งอย่างที่เราต้องรู้เลย คือ การเก็บรักษาคุณภาพของไข่เค็มเอาไว้นานๆ นะคะ โดยที่บางคนอาจจะยังไม่รู้ว่าวิธีไหนเหมาะสมกับตัวเองบ้าง ดังนั้นในบทความนี้เราจะมาเรียนรู้กันว่า หากต้องการเก็บไข่เค็มเอาไว้ทำอาหารในช่วงเวลาสั้นๆ เราต้องทำยังไงดี หากต้องการเก็บแบบนานขึ้นมาอีกเราต้องทำยังไง หากต้องการวิธีการที่สะดวกรวดเร็วและง่ายๆ อะไรคือคำตอบ ทั้งหมดเกี่ยวกับเรื่องการเก็บไข่เค็มที่ต้มแล้ว สามารถอ่านได้จากเนื้อหาในบทความนี้ค่ะ โดยเมื่ออ่านจบแล้วคุณผู้อ่านจะตอบตัวเองได้ทันทีว่า เราต้องใช้วิธีการที่เป็นไปได้อะไรในตอนนี้นะคะ และถ้าอยากรู้แล้วว่ามีทริคอะไรสำคัญๆ บ้าง งั้นเรามาอ่านต่อกันเลยดีกว่าค่ะ กับเคล็ดลับที่น่าสนใจดังต่อไปนี้ 1. หลีกเลี่ยงการล้างไข่ก่อนเก็บ หลายคนอาจจะสงสัยว่าทำไมไข่เค็มต้มแล้วที่เราซื้อมา ถึงไม่ควรล้างน้ำก่อนนำไปเก็บ ทั้งๆ ที่ดูเหมือนจะสะอาดกว่าด้วย แต่จริงๆ แล้วเปลือกไข่เค็มยังมีรูพรุนเล็กๆ ที่เรามองไม่เห็นนะคะ พอเราล้างไข่น้ำที่เข้าไปในรูพรุน จะทำให้มีความชื้นที่หลงเหลืออยู่ข้างใน ซึ่งเท่ากับว่าการล้างไข่ก่อนเก็บไม่ได้ช่วยให้สะอาดขึ้นเลย แต่กลับกลายเป็นตัวเร่งให้ไข่เน่าเสียเร็วขึ้น แถมยังอาจทำให้มีกลิ่นเหม็นไม่พึงประสงค์อีกด้วย ดังนั้นเพื่อให้ไข่เค็มต้มแล้วของเราสดใหม่ อยู่ได้นาน และเหมาะสมต่อการบริโภคมากที่สุด ต้องหลีกเลี่ยงการล้างไข่ก่อนเก็บด้วยวิธีต่างๆ ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว การเก็บไข่เค็มต้มแล้วโดยไม่ล้างเปลือก และเก็บในตู้เย็นด้วยวิธีการต่างๆ สามารถยืดอายุการเก็บได้นานกว่า 2-3 เท่าตัว เมื่อเทียบกับการล้างไข่แล้วนำไปเก็บค่ะ และไม่ควรหลีกเลี่ยงทริคนี้ สำหรับทุกคนที่ซื้อไข่เค็มต้มแล้วเพื่อนำมาเก็บไว้บริโภคในภายหลัง ควรปฏิบัติตามหลักการนี้ก่อนเป็นอันดับแรกนะคะ ซึ่งคุณผู้อ่านรู้ไหมคะว่า ถ้าไม่ล้างไข่ก่อนเก็บและเก็บในตู้เย็น ไข่เค็มต้มแล้วสามารถเก็บไว้ได้นาน ประมาณ 3-4 สัปดาห์ หรือบางครั้งอาจนานถึง 1 เดือน เลยทีเดียวค่ะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับความสดของไข่เค็มตั้งแต่แรก และการจัดการที่สะอาดถูกสุขลักษณะในทุกขั้นตอนด้วย 2. วางไว้ในอุณหภูมิห้อง ถ้าจำเป็นต้องวางไข่เค็มต้มแล้วในอุณหภูมิห้อง ไม่ควรเกิน 1-2 วันค่ะ และต้องเป็นไข่ที่ยังไม่ปอกเปลือกและแห้งสนิทเท่านั้น หากเกินจากนี้คุณภาพและรสชาติของไข่จะลดลงอย่างรวดเร็ว และมีความเสี่ยงที่จะเสียได้ง่ายขึ้นมากปกติ วิธีนี้เหมาะกับคนที่ตั้งใจจะบริโภคไข่เค็มต้มแล้วภายใน 1-2 วันเท่านั้น เช่น ซื้อมาเพื่อทำอาหารในมื้อถัดไป หรือต้องการนำไปเป็นของฝากที่ถึงมือผู้รับอย่างรวดเร็ว หากเราต้องการเก็บไข่เค็มต้มแล้วไว้ทานในระยะที่นานกว่านั้น เช่น มากกว่า 2-3 วันขึ้นไปการนำไปแช่ตู้เย็นทันทีในภาชนะปิดสนิทเป็นวิธีที่ดีที่สุด ที่จะช่วยคงความสดใหม่ ของรสชาติ และเนื้อสัมผัสของไข่เค็มให้อยู่กับเราไปได้นานเป็นสัปดาห์หรือเป็นเดือนเลยทีเดียวค่ะ 3. หลีกเลี่ยงการวางไข่ซ้อนกันแน่นเกินไป คุณผู้อ่านรู้ไหมคะว่า การที่เราซื้อไข่เค็มต้มแล้วมาเยอะๆ แล้วจับยัดใส่กล่องหรือถุงรวมกันแบบแน่นเอี๊ยด โดยคิดว่าจะประหยัดพื้นที่นั้น เป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงเลยค่ะ! แม้ว่าไข่จะอยู่ในเปลือก แต่เปลือกไข่ก็ไม่ได้แข็งแกร่งขนาดนั้น ซึ่งการวางไข่ซ้อนทับกันแน่นๆ หรือกระแทกกันไปมาเล็กน้อยเวลาหยิบเข้าออก จะทำให้เปลือกไข่เกิดรอยร้าวเล็กๆ ที่มองไม่เห็นหรือถึงขั้นแตกได้ง่าย ซึ่งรอยร้าวนี้สามารถเป็นช่องทางชั้นดีให้อากาศและความชื้น รวมถึงสิ่งปนเปื้อนเล็ดลอดเข้าไปในเนื้อไข่ และทำให้ไข่เน่าเสียเร็วขึ้น มีกลิ่นเหม็น หรือขึ้นราได้ง่ายกว่าปกติค่ะ โดยทริคในข้อนี้ไม่ได้ช่วยยืดอายุไข่ได้โดยตรงเหมือนกับการแช่ตู้เย็น แต่เป็นการป้องกันไม่ให้ไข่เสียเร็วขึ้นกว่าที่ควรจะเป็น จากการเสียหายทางกายภาพค่ะ หากเราจัดเก็บไข่เค็มต้มแล้วในตู้เย็นอย่างถูกวิธี และหลีกเลี่ยงการวางซ้อนแน่นจนเกินไป ก็จะช่วยให้ไข่ยังคงสดใหม่และมีคุณภาพดีได้ นานประมาณ 3-4 สัปดาห์ หรือจนกว่าจะถึงวันหมดอายุที่แนะนำ (ถ้ามี) สำหรับทริคในการจัดเก็บไข่โดยไม่วางซ้อนกันแน่นเกินไปนี้เหมาะสมกับทุกคน ที่ต้องการเก็บไข่เค็มต้มแล้วไว้บริโภคค่ะ ไม่ว่าเราจะเป็นแม่บ้านที่ซื้อมาเก็บไว้ทานในครัวเรือน หรือเจ้าของร้านอาหารที่ใช้ไข่เค็มเป็นวัตถุดิบ เพราะการดูแลไข่ตั้งแต่ขั้นตอนการจัดเก็บเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้ จะช่วยให้มั่นใจได้ว่าไข่เค็มของเราจะยังคงอร่อย มีคุณภาพดี และปลอดภัยไปจนถึงวันที่เรานำมาปรุงอาหารนะคะ 4. เก็บในกล่องใส่อาหาร หลังจากที่เราซื้อไข่เค็มต้มแล้วมา การนำไปเก็บในกล่องใส่อาหารที่ปิดสนิทแล้วแช่ในตู้เย็น คือ วิธีที่ดีที่สุดที่จะช่วยให้ไข่เค็มของเราอยู่ได้นานขึ้นและคงความอร่อยไว้ได้อย่างสมบูรณ์แบบค่ะ เพราะตู้เย็นช่วยชะลอความเสื่อมสภาพของอาหารได้ดี ส่วนกล่องใส่อาหารที่ปิดสนิทนั้นก็เปรียบเสมือนเกราะป้องกันสองชั้นเลยค่ะ เพราะนอกจากจะช่วยป้องกันไม่ให้ไข่ดูดซับกลิ่นจากอาหารอื่นๆ ที่อยู่ในตู้เย็นจนทำให้รสชาติเพี้ยนแล้ว ยังช่วยป้องกันอากาศและความชื้นส่วนเกินไม่ให้เข้าไปสัมผัสกับไข่โดยตรงอีกด้วย เพราะทั้งอากาศและความชื้นคือตัวร้ายที่เร่งให้ไข่เสียเร็วขึ้น ทำให้ไข่มีกลิ่นเหม็น หรือขึ้นราได้ง่ายนั่นเองค่ะ ซึ่งการเก็บแบบนี้เป็นการสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมที่สุดให้กับไข่เค็มของเราให้สดใหม่ได้นานที่สุด ด้วยวิธีการเก็บในกล่องใส่อาหารที่ปิดสนิทและแช่ในตู้เย็นแบบนี้ ทำให้ไข่เค็มต้มแล้วสามารถเก็บไว้ได้นาน ประมาณ 3-4 สัปดาห์ หรืออาจจะนานถึง 1 เดือน เลยทีเดียวค่ะ ซึ่งถือว่านานกว่าการวางไว้ในอุณหภูมิห้องหลายเท่าตัวเลย และเป็นวิธีที่เหมาะสมอีกหนึ่งแนวทางที่ผู้เขียนอยากแนะนำค่ะ โดยวิธีนี้เหมาะสมกับทุกคนที่ต้องการเก็บไข่เค็มต้มแล้วไว้บริโภคในระยะยาว ไม่ว่าจะเป็นแม่บ้านที่ซื้อมาตุนไว้สำหรับทำอาหารหลายๆ มื้อ ร้านอาหารที่ต้องเตรียมวัตถุดิบไว้ล่วงหน้า หรือแม้แต่ใครก็ตามที่อยากมีไข่เค็มอร่อย ๆ ติดบ้านไว้ทานเมื่อไหร่ก็ได้ ซึ่งการลงทุนกับกล่องใส่อาหารดีๆ สักใบและการแช่ตู้เย็นอย่างถูกวิธี จะช่วยให้เรามั่นใจได้ว่าไข่เค็มต้มแล้วของเราจะยังคงความอร่อย คุณภาพดี และเหมาะสมทุกครั้งที่นำมาทานค่ะ 5. ห่อด้วยพลาสติกแรปอาหาร รู้ไหมคะว่า การเก็บไข่เค็มต้มแล้วทั้งฟองให้สดใหม่นานขึ้น นอกจากจะใส่กล่องแล้ว การนำพลาสติกแรปห่ออาหารมาห่อไข่แต่ละฟองให้มิดชิดก่อนนำเข้าตู้เย็น ก็เป็นอีกวิธีที่ได้ผลดีเยี่ยมและทำได้ง่ายๆ เลยค่ะ ลองนึกภาพดูสิคะว่า พลาสติกแรปจะเป็นเหมือนเกราะป้องกันอีกชั้นหนึ่ง ที่ช่วยกันอากาศและความชื้นไม่ให้เข้าไปทำปฏิกิริยากับเปลือกไข่โดยตรง ซึ่งเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้ไข่เสียเร็วขึ้น หรือเกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้ นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันไม่ให้ไข่ดูดซับกลิ่นจากอาหารอื่นๆ ในตู้เย็นมาปะปน ทำให้ไข่เค็มของเรายังคงมีรสชาติอร่อยกลมกล่อมเหมือนเดิม และยังช่วยลดการระเหยของน้ำภายในไข่ ทำให้ไข่ไม่แห้งแข็งหรือเนื้อสัมผัสเปลี่ยนไปเร็วเกินควรอีกด้วยค่ะ โดยเมื่อห่อด้วยพลาสติกแรปอย่างดีและเก็บในตู้เย็น ไข่เค็มต้มแล้วสามารถรักษาคุณภาพและอยู่ได้นาน ประมาณ 3-4 สัปดาห์ หรือบางครั้งอาจถึง 1 เดือน เลยทีเดียว ซึ่งใกล้เคียงกับการเก็บในกล่องสุญญากาศ ซึ่งวิธีนี้เหมาะสมกับทุกคนที่ต้องการเก็บไข่เค็มต้มแล้วไว้บริโภค ไม่ว่าจะเป็นคนที่ซื้อไข่เค็มมาจำนวนไม่มากนัก หรือไม่มีกล่องใส่อาหารที่พอดีกับปริมาณไข่ การใช้พลาสติกแรปก็เป็นทางเลือกที่สะดวกและช่วยประหยัดพื้นที่ในตู้เย็นได้ดี แถมยังช่วยให้ไข่แต่ละฟองถูกเก็บแยกกันอย่างถูกสุขลักษณะ ลดความเสี่ยงของการปนเปื้อนข้ามกันด้วยค่ะ เป็นอีกหนึ่งทริคเล็กๆ ที่ทำง่าย แต่ช่วยยืดอายุความอร่อยของไข่เค็มได้เยอะเลยนะคะ 6. ใส่กล่องสุญญากาศ หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่า การเก็บไข่เค็มต้มแล้วทั้งฟองให้คงความอร่อยและสดใหม่ได้นานที่สุด คือ การนำไปใส่ในกล่องสุญญากาศแล้วนำไปแช่ในตู้เย็นค่ะ ซึ่งวิธีนี้เรียกได้ว่าเป็นที่สุดของการถนอมไข่เค็มต้มแล้วเลยก็ว่าได้ จากที่ในกล่องสุญญากาศนั้น แทบจะไม่มีอากาศหลงเหลืออยู่เลย ซึ่งอากาศคือตัวการสำคัญที่ทำให้ไข่เสียเร็วขึ้น เพราะมีออกซิเจนที่ช่วยเร่งปฏิกิริยาการเสื่อมสภาพของไข่ และยังเป็นพาหะนำพาสิ่งสกปรกต่างๆ เข้ามาปนเปื้อนได้ง่าย การที่ไม่มีอากาศอยู่เลยจึงเป็นการตัดวงจรการเสื่อมสภาพของไข่ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด เมื่อผนวกกับการแช่ในตู้เย็นที่ช่วยชะลอการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ ทุกๆ องค์ประกอบจึงทำงานร่วมกันอย่างสมบูรณ์แบบ เพื่อรักษาคุณภาพไข่ให้ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ค่ะ ด้วยวิธีการเก็บในกล่องสุญญากาศและแช่ในตู้เย็นนี้ ไข่เค็มต้มแล้วของเราสามารถเก็บรักษาคุณภาพไว้ได้นานกว่าวิธีอื่นๆ อย่างเห็นได้ชัดเจนนะคะ ที่โดยทั่วไปแล้วสามารถอยู่ได้นาน ประมาณ 1-2 เดือน เลยทีเดียว ซึ่งนานกว่าการเก็บในกล่องธรรมดาหรือการห่อพลาสติกแรปอยู่พอสมควรค่ะ วิธีนี้เหมาะสำหรับทุกคนที่ต้องการยืดอายุการเก็บไข่เค็มต้มแล้วให้ยาวนานที่สุด ไม่ว่าเราจะเป็นคนที่ซื้อไข่เค็มมาในปริมาณมาก และไม่ได้ทานบ่อยๆ นัก หรือเป็นร้านอาหารที่ต้องการสต็อกวัตถุดิบคุณภาพดีไว้ใช้เป็นเวลานาน การลงทุนกับกล่องสุญญากาศดีๆ สักใบ ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่ามากเลยค่ะ เพราะนอกจากจะช่วยคงความสดใหม่ รสชาติ และเนื้อสัมผัสของไข่เค็มไว้ได้นานเป็นพิเศษแล้ว ยังช่วยลดการสูญเสียอาหารและประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาวได้อีกด้วยนะคะ 7. ใช้ถุงซิปล็อกเก็บ สำหรับใครที่มองหาวิธีเก็บไข่เค็มต้มแล้วให้สดใหม่นานขึ้นแบบง่ายๆ ที่ไม่ต้องมีอุปกรณ์พิเศษเยอะแยะ การใช้ถุงซิปล็อกแล้วนำไปแช่ในตู้เย็น ถือเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ได้ผลดีเยี่ยมและเข้าถึงได้ทุกคนเลยค่ะ ถึงแม้ว่าถุงซิปล็อกจะไม่ได้สุญญากาศ 100% เหมือนกล่องเฉพาะทาง แต่ก็สามารถไล่อากาศออกได้เกือบหมด ก่อนรูดซิปล็อกปิดสนิท ซึ่งการลดปริมาณอากาศที่อยู่รอบๆ ไข่เค็มคือหัวใจสำคัญ เพราะออกซิเจนในอากาศคือตัวการสำคัญที่ทำให้ไข่เสื่อมสภาพเร็วขึ้น ยิ่งอากาศน้อยเท่าไหร่ ไข่ก็ยิ่งอยู่ได้นานขึ้นเท่านั้นนะคะ พอผนวกกับการแช่ตู้เย็นที่ช่วยชะลอการเติบโตของจุลินทรีย์แล้ว ไข่เค็มของเราก็จะได้รับการปกป้องอย่างดีเยี่ยม ทั้งยังช่วยป้องกันไม่ให้ไข่ดูดกลิ่นจากอาหารอื่นในตู้เย็น และยังช่วยควบคุมความชื้นได้อีกด้วย ทำให้ไข่เค็มยังคงความอร่อยและเนื้อสัมผัสที่ดีไว้ได้นานค่ะ ด้วยวิธีการเก็บในถุงซิปล็อกที่ไล่อากาศออกแล้วนำไปแช่ในตู้เย็นนี้ ไข่เค็มต้มแล้วสามารถเก็บรักษาคุณภาพไว้ได้นาน ประมาณ 2-3 สัปดาห์ หรืออาจถึง 1 เดือนค่ะ ซึ่งเป็นระยะเวลาที่เพียงพอสำหรับการบริโภคในครัวเรือนส่วนใหญ่ วิธีนี้เหมาะสมกับทุกคนค่ะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่ต้องการความสะดวกสบาย ประหยัดพื้นที่ในตู้เย็น และไม่ต้องลงทุนซื้อกล่องสุญญากาศแพงๆ เพราะถุงซิปล็อกหาซื้อง่าย ราคาไม่แพง และใช้งานง่ายมากๆ แค่ไล่อากาศออกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้วปิดซิปล็อกให้แน่นก่อนนำเข้าตู้เย็น เท่านี้ไข่เค็มต้มแล้วของเราก็พร้อมอร่อยได้นานขึ้นแล้วค่ะ 8. ติดป้ายระบุวันที่ บางทีเราซื้อไข่เค็มต้มแล้วมาเก็บไว้ในตู้เย็นหลายฟอง พอเวลาผ่านไปก็เริ่มสับสนว่าฟองไหนซื้อมาเมื่อไหร่ ฟองไหนควรทานก่อน และนั่นคือเหตุผลว่าทำไมการติดป้ายระบุวันที่ ถึงเป็นทริคเล็กๆ ที่มีประโยชน์มหาศาลค่ะ โดยการเขียนวันที่ที่เรานำไข่เข้าเก็บ หรือวันที่ที่ควรบริโภคก่อนลงบนป้ายเล็กๆ แล้วติดที่ภาชนะหรือบนไข่แต่ละฟอง จะช่วยให้เราสามารถจัดการสต็อกไข่ได้อย่างเป็นระบบ ทำให้รู้ได้ทันทีว่าฟองไหนคือ "น้องใหม่" ฟองไหนคือ "พี่เก่า" ที่ต้องรีบทานก่อน วิธีนี้ช่วยให้เราไม่ต้องมานั่งเดา ไม่ต้องกังวลว่าไข่จะเสียไปเสียก่อนที่จะได้ทาน และที่สำคัญที่สุดคือช่วยให้เรามั่นใจได้ว่าไข่เค็มที่เราจะนำมาปรุงอาหารหรือทานนั้นยังคงสดใหม่ มีคุณภาพดี และเหมาะสมต่อการบริโภคอยู่เสมอค่ะ ซึ่งการติดป้ายระบุวันที่ไม่ได้ช่วยยืดอายุไข่โดยตรง แต่ช่วยให้เราบริหารจัดการการบริโภคไข่เค็มได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ทำให้เราได้ทานไข่ในขณะที่คุณภาพยังดีที่สุด และลดโอกาสที่ไข่จะเสียทิ้งไปอย่างเปล่าประโยชน์ ซึ่งในระยะยาวก็ช่วยให้เราประหยัดค่าใช้จ่ายได้ด้วยค่ะ วิธีนี้เหมาะสมกับทุกคนค่ะ ไม่ว่าจะเป็นคุณแม่บ้านที่มักจะซื้อไข่เค็มมาตุนไว้เยอะๆ ร้านอาหารที่ต้องมีการหมุนเวียนวัตถุดิบ หรือแม้แต่คนที่ชอบทำอาหารและต้องการให้วัตถุดิบทุกชิ้นอยู่ในสภาพที่ดีที่สุด การติดป้ายระบุวันที่จึงเป็นทริคที่ไม่ควรมองข้ามเลยค่ะ เพราะช่วยเพิ่มความมั่นใจในการทาน และทำให้การจัดการอาหารในตู้เย็นของเราง่ายขึ้นเป็นกอง 9. เก็บในจุดที่อุณหภูมิคงที่ในตู้เย็น เคยสังเกตไหมคะว่า เวลาเราเปิด-ปิดตู้เย็นบ่อยๆ อุณหภูมิในบางจุดของตู้เย็นก็จะเปลี่ยนแปลงไปมา ซึ่งจุดที่อุณหภูมิไม่คงที่นี่เอง คือ ศัตรูตัวฉกาจของการเก็บรักษาอาหาร โดยเฉพาะกับไข่เค็มต้มแล้วของเราค่ะ ปกติการวางไข่เค็มของเราไว้ที่ชั้นวางด้านในของตู้เย็น หรือจุดที่ค่อนข้างลึกเข้าไปแทนที่จะเป็นช่องประตูตู้เย็น หรือลิ้นชักที่เปิดบ่อยๆ ถือเป็นทริคสำคัญที่จะช่วยให้ไข่เค็มอยู่ได้นานขึ้นอย่างเห็นได้ชัดค่ะ เพราะในบริเวณเหล่านั้นอุณหภูมิจะคงที่และเย็นสม่ำเสมอกว่า ทำให้จุลินทรีย์เจริญเติบโตได้ยากกว่ามาก จึงช่วยชะลอการเสื่อมสภาพของไข่ได้ดีกว่า และยังคงความสดใหม่ เนื้อสัมผัสที่ดี รวมถึงรสชาติอร่อยกลมกล่อมของไข่เค็มไว้ได้นานกว่าการวางไว้ในจุดที่อุณหภูมิขึ้นๆ ลงๆ ค่ะ การเก็บไข่ในจุดที่อุณหภูมิคงที่ ไม่ได้ช่วยยืดอายุไข่โดยตรงในเชิงของการถนอมเพิ่ม แต่เป็นการรักษาสภาพที่ดีที่สุดของไข่ ตลอดระยะเวลาที่เก็บในตู้เย็น ทำให้ไข่เค็มต้มแล้วยังคงคุณภาพดีได้นานตามศักยภาพ คือ ประมาณ 3-4 สัปดาห์ หรือนานถึง 1 เดือน เมื่อเทียบกับการวางไว้ในจุดที่อุณหภูมิไม่คงที่ ซึ่งอาจทำให้ไข่เสียเร็วขึ้น วิธีนี้เหมาะสมกับทุกคนที่มีตู้เย็นและต้องการเก็บไข่เค็มต้มแล้วให้มีคุณภาพดีที่สุดไปจนถึงวันที่จะนำมาบริโภค ไม่ว่าจะเป็นการใช้ในครัวเรือน หรือในร้านอาหาร เพราะการจัดเก็บในจุดที่เหมาะสมเพียงเล็กน้อย ก็สร้างความแตกต่างในการรักษาความสดใหม่และรสชาติของไข่เค็มได้อย่างมหาศาลเลยค่ะ 10. หมั่นสังเกตความชื้นภายในภาชนะ เวลาที่เราเก็บไข่เค็มต้มแล้วในภาชนะปิด ไม่ว่าจะเป็นกล่องหรือถุงซิปล็อก บางครั้งเราอาจจะเห็นไอน้ำเล็กๆ เกาะอยู่ด้านในฝาหรือผนังภาชนะ นั่นคือความชื้นที่เราต้องระวังให้ดีค่ะ เพราะแม้เราจะพยายามไล่อากาศออกไปแล้ว หรือไข่ถูกต้มมาอย่างดีแล้วก็ตาม แต่ถ้ามีความชื้นสะสมอยู่มากเกินไปในภาชนะปิด ก็จะกลายเป็นสวรรค์ของจุลินทรีย์เลยค่ะ เพราะจุลินทรีย์จะเจริญเติบโตได้ดีในสภาพแวดล้อมที่ชื้นแฉะ ทำให้ไข่เค็มของเรามีกลิ่นผิดปกติ ขึ้นราเป็นจุดๆ หรือเสียเร็วเกินกว่าที่ควรจะเป็น ดังนั้นการที่เราหมั่นเปิดภาชนะออกมา สังเกตดูว่ามีไอน้ำเกาะมากเกินไปไหม หรือมีหยดน้ำอยู่ภายในหรือไม่ แล้วหากพบก็อาจจะใช้กระดาษทิชชูสะอาดๆ ซับความชื้นออกเบาๆ ก่อนปิดกลับเข้าไปใหม่ การทำแบบนี้จะช่วยป้องกันไม่ให้ไข่เสื่อมสภาพก่อนเวลาอันควร และยังคงความสดอร่อยของไข่เค็มไว้ได้นานขึ้นอีกด้วยค่ะ ซึ่งการหมั่นสังเกตความชื้นในภาชนะไม่ได้ช่วยยืดอายุไข่โดยตรงในเชิงของการถนอมอาหาร แต่เป็นการรักษาคุณภาพของไข่ให้คงที่ และป้องกันการเสื่อมสภาพก่อนเวลาอันควร เมื่อรวมกับการเก็บในตู้เย็นอย่างถูกวิธี จะช่วยให้ไข่เค็มต้มแล้วยังคงคุณภาพดีและเหมาะสมสำหรับการบริโภคได้นานประมาณ 3-4 สัปดาห์ หรืออาจนานถึง 1 เดือน ซึ่งเคล็ดลับนี้เหมาะสมกับทุกคนที่ต้องการเก็บไข่เค็มต้มแล้วให้มีคุณภาพดีที่สุดไปจนถึงวันที่จะนำมาบริโภค ไม่ว่าจะเป็นการใช้ในครัวเรือนหรือในร้านอาหาร เพราะการใส่ใจรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ อย่างการสังเกตความชื้นในภาชนะ ก็เป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยให้ไข่เค็มที่เราเก็บไว้ยังคงความอร่อยและมีคงคุณภาพดีทุกครั้งที่นำมาใช้ทำอาหารค่ะ ก็จบแล้วค่ะ จากทริคข้างต้นจะเห็นได้ว่า เวลาที่เราอยากเก็บไข่เค็มต้มแล้วให้อยู่ได้นานๆ นั้น มีหลายวิธีให้เลือกใช่ไหมค่ะ จนบางทีมือใหม่อาจจะสับสนว่าควรเริ่มจากตรงไหนดี จริงๆ แล้วการเลือกวิธีที่เหมาะกับเรานั้นไม่ได้ยากเลยค่ะ ให้ลองนึกถึงปัจจัยหลักๆ แค่สองอย่างก่อนนั่นคือ ระยะเวลาที่อยากเก็บกับอุปกรณ์ที่มีอยู่ และถ้าเราเป็นมือใหม่หัดเก็บรักษาอาหาร ก็ไม่ต้องกังวลว่าจะต้องมีอุปกรณ์ไฮเทคอะไรมากมาย ขอแค่มีตู้เย็นไว้ก่อนเป็นอันดับแรก เพราะความเย็นคือหัวใจสำคัญของการถนอมอาหารเกือบทุกชนิดเลยค่ะ เมื่อเรานำทริคบางข้อได้คล่องแล้ว ก็ค่อยๆ ลองเพิ่มทริคอื่นๆ เช่น การติดป้ายวันที่ การวางไข่ให้ห่างกัน หรือการลงทุนกับกล่องสุญญากาศดูนะคะ ซึ่งการเริ่มต้นจากวิธีที่ง่ายที่สุดและเห็นผลจริง จะช่วยให้เรามั่นใจและสนุกกับการเก็บรักษาอาหารได้เองที่บ้านค่ะ เพราะผู้เขียนก็ทำแบบนั้นเหมือนกันค่ะ ปกติไม่ได้ซื้อไข่เค็มที่ต้มแล้วมาตุนไว้เยอะค่ะ อย่างมาก 3 ฟอง เพราะแม่ค้าชอบจัดชุดแบบนี้ เลยทำให้มีไข่เค็มต้มแล้วที่ต้องจัดเก็บไม่มาก ซึ่งที่นี่ก็มีอุปกรณ์หลายอย่างค่ะ แต่ง่ายๆ เลยแบบด่วนๆ ทันใจ ผู้เขียนมักไล่อากาศออกจากถุงก่อน ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ จากนั้นใช้ที่หนีบถุงมาหนีบปากถุงไข่เค็ม และนำเข้าตู้เย็นช่องด้านในค่ะ ยังไม่เคยนำไข่เค็มไว้ข้างนอกค่ะ เพราะการที่สังเกตมานั้นมักได้ทำอาหารหลังจากผ่านไปแล้ว 1-2 วัน เนื่องจากบางทีที่ซื้อไข่เค็มมาก็เพราะแม่ค้ามาขาย แต่ไม่ได้คิดเมนูไว้ล่วงหน้าก่อนไปซื้อค่ะ โดยทุกครั้งจากการสังเกตมานั้น พบว่าไข่เค็มหมดก่อนจะสภาพไม่ดีนะคะ ซึ่งก็ถือว่าเป็นการบริหารจัดการได้ดีมากๆ สำหรับที่นี่ เพราะไม่เคยต้องทิ้งไข่เค็มเลยค่ะ ยังไงนั้นก็อย่าลืมนะทริคต่างๆ ไปใช้นะคะทุกคน ด้วยความตั้งใจ ผู้เขียนหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับคุณผู้อ่านไม่มากก็น้อย หากสนใจเนื้อหาเช่นนี้อีก อย่าลืมกดติดตามหรือบุ๊กมาร์กโปรไฟล์ไว้ เพื่อรับข้อมูลใหม่ๆ ในบทความต่อไป และถ้าต้องการอ่านบทความทั้งหมดโดยผู้เขียน ให้กดที่รูปโปรไฟล์ใต้ชื่อบทความนี้ได้เลยค่ะ เครดิตรูปภาพประกอบบทความ รูปภาพทำหน้าปกและออกแบบหน้าปกโดยผู้เขียน ใน Canva รูปภาพประกอบเนื้อหาโดยผู้เขียน เกี่ยวกับผู้เขียน ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล จบการศึกษา: พยาบาลศาสตรบัณฑิต จากวิทยาลัยพยาบาลศรีมหาสารคาม กระทรวงสาธารณสุข และสาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต (อนามัยสิ่งแวดล้อม) จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น มีความสนใจและประสบการณ์เกี่ยวกับ: สุขภาพ จิตวิทยาเชิงบวก การบำบัดน้ำเสียและกำจัดสิ่งปฏิกูล วิธีเลือกซื้อไข่เค็ม แบบไหนดี มีคุณภาพดี น่าซื้อ 12 แนวทางกรณีไม่มีพลาสติกแรปอาหาร ใช้อะไรแทนกันได้บ้าง ทำไง 7 วิธีเลือกไข่เป็ด ดูยังไงดี สดใหม่ มีคุณภาพ หิวใช่ไหม อยากหาของกินอร่อย ๆ ใช่หรือเปล่า ส่องร้านเด็ดร้านดังได้ที่ App TrueID โหลดฟรี !