8 ทริคเลือกข้าวหลามทำใหม่ ไม่ค้างคืน หอมอร่อย และน่าซื้อ | บทความโดย ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล หากพูดถึงของหวานหรือขนมในประเทศไทยที่ทำจากข้าวเหนียวแล้วนั้น สำหรับคนไทยก็พอจะมองภาพออกว่าอะไรเป็นอะไรนะคะ แต่สำหรับชาวต่างชาติก็อาจจะยากสักหน่อย ซึ่งข้าวหลามในกระบอกไม้ไผ่ เป็นอีกหนึ่งเสน่ห์ของคนไทยด้านวัฒนธรรมอาหาร ที่นักท่องเที่ยวหลายคนยังต้องตะลึง ที่นอกจากเราจะสามารถเอร็ดอร่อยได้แบบไทยๆ แล้ว คุณผู้อ่านรู้ไหมคะว่า การเลือกซื้อข้าวหลามแบบคุณภาพ เป็นอีกหนึ่งหัวข้อสำคัญในชีวิตของเรา เพราะอย่างที่ผู้เขียนจะพูดเสมอว่า “อาหารสามารถเป็นสื่อของความเจ็บป่วยต่างๆ ได้” จึงทำให้ประเด็นนี้สำคัญขึ้นมานะคะ และหลายคนมองภาพไม่ออกเลยว่า หากเราต้องเลือกซื้อข้าวหลามทำใหม่ๆ แบบที่ไม่ค้างคืน ที่มีความหอมและอร่อย เราจะต้องสังเกตอะไรตรงไหนบ้าง แต่ไม่ต้องกังวลใจไปค่ะ หากคุณผู้อ่านได้อ่านต่อจนจบ เพราะจะพบว่าผู้เขียนได้บอกต่อเกี่ยวกับเคล็ดลับในการเลือกซื้อข้าวหลามเอาไว้แล้วในบทความนี้ ที่สามารถเข้าใจได้ง่ายๆ และนำไปใช้ได้ทันที ซึ่งวิธีการดีๆ และน่าสนใจสามารถอ่านต่อได้จากเนื้อหาด้านล่างนี้ค่ะ 1. ดมกลิ่นหอม การเลือกซื้อข้าวหลามที่ทำใหม่ๆ และมีกลิ่นหอมชวนรับประทานนั้น เป็นหัวใจสำคัญที่จะได้ข้าวหลามที่อร่อยถูกใจคะ ดังนั้นการดมกลิ่นจึงเป็นอีกหนึ่งเคล็ดลับที่ไม่ควรมองข้าม เพราะข้าวหลามที่เพิ่งออกจากเตาใหม่ๆ จะส่งกลิ่นหอมหวานของกะทิ ข้าวเหนียว และกลิ่นหอมอ่อนๆ ของไม้ไผ่เผาออกมาอย่างชัดเจน ซึ่งกลิ่นหอมนี้เป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงความสดใหม่และรสชาติที่กลมกล่อม หากข้าวหลามมีกลิ่นหืน หรือไม่มีกลิ่นหอมเลย ก็เป็นไปไดว่าข้าวหลามนั้นถูกทำไว้นานแล้ว หรืออาจมีส่วนผสมที่ไม่สดใหม่เท่าที่ควร ซึ่งการสูดดมกลิ่นหอมของข้าวหลามก่อนตัดสินใจซื้อ จึงเป็นวิธีง่ายๆ ที่ช่วยให้เราได้ข้าวหลามที่หอมอร่อยสมความตั้งใจค่ะ 2. สังเกตสีของกระบอกข้าวหลาม การสังเกตสีของกระบอกข้าวหลามเป็นอีกหนึ่งวิธีเบื้องต้น ที่ช่วยให้เราเลือกซื้อข้าวหลามที่ทำใหม่และที่ยังคงความหอมอร่อยได้ค่ะ ซึ่งโดยทั่วไปแล้วกระบอกข้าวหลามที่เพิ่งเผาเสร็จใหม่ๆ มักจะมีสีของไม้ไผ่ที่เป็นธรรมชาติ อาจมีร่องรอยความร้อนจากการเผาเล็กน้อยได้บ้าง แต่สีจะยังดูสดใส ไม่ซีดจาง หรือมีคราบดำจับหนาจนเกินไป เพราะหากกระบอกข้าวหลามมีสีซีดเก่าหรือมีคราบดำมาก แบบนี้บ่งบอกว่าข้าวหลามนั้นถูกทำไว้นานแล้ว หรืออาจมีการเก็บรักษาที่ไม่ดี ซึ่งลักษณะแบบนี้ก็จะส่งผลต่อรสชาติและความหอมของข้าวหลามได้ ดังนั้นการใส่ใจสังเกตสีของกระบอกข้าวหลาม จึงเป็นอีกหนึ่งจุดสังเกตง่ายๆ ที่ช่วยให้เราได้ข้าวหลามที่สดใหม่และอร่อยสมใจค่ะ 3. สัมผัสความอุ่น ปกติข้าวหลามที่เพิ่งออกจากเตาเผาจะยังคงมีความร้อนหรืออุ่นหลงเหลืออยู่ ซึ่งเป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงความสดใหม่ หากสัมผัสแล้วรู้สึกว่ากระบอกข้าวหลามเย็นสนิท แสดงว่าเป็นข้าวหลามที่ทำไว้นานแล้วหรืออาจจะค้างคืน ที่ต่อจากนั้นก็จะพบว่ารสชาติและความหอมลดลงไปนะคะ แต่การได้ลิ้มลองข้าวหลามที่ยังอุ่นๆ จะให้รสชาติที่หอมหวาน กลมกล่อม และสัมผัสของข้าวเหนียวที่นุ่มหนึบอร่อยกว่าข้าวหลามที่เย็นชืด ดังนั้นการสัมผัสความอุ่นจึงเป็นวิธีง่ายๆ ที่ช่วยให้เรามั่นใจได้ว่าข้าวหลามที่เราเลือกซื้อนั้นสดใหม่และน่ารับประทานค่ะ 4. ดูที่รอยเผา หลายคนยังมองภาพไม่ออกว่า ร่องรอยการเผาบนกระบอกข้าวหลามนั้น ก็สามารถให้ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับความใหม่ของข้าวหลามได้เช่นกันค่ะ โดยทั่วไปแล้วข้าวหลามที่เพิ่งเผาเสร็จใหม่ๆ จะมีร่องรอยการเผาที่ดูสดใหม่ อาจมีสีน้ำตาลอ่อนๆ หรือรอยไหม้เล็กน้อยกระจายอยู่ทั่วกระบอกอย่างสม่ำเสมอ และร่องรอยนี้ก็บ่งบอกถึงกระบวนการความร้อนที่เพิ่งเกิดขึ้น หากรอยเผามีลักษณะดำไหม้เกรียมเป็นบริเวณกว้าง หรือมีร่องรอยของการเผาซ้ำหลายครั้ง อาจเป็นสัญญาณว่าข้าวหลามนั้นถูกเก็บไว้นานแล้วและถูกนำมาอุ่นซ้ำ ซึ่งแน่นอนว่าก็ส่งผลต่อคุณภาพและรสชาติที่ไม่หอมอร่อยเท่าที่ควร ดังนั้นการสังเกตร่องรอยการเผาจึงเป็นอีกหนึ่งจุดสังเกต ที่ช่วยในการตัดสินใจเลือกซื้อข้าวหลามที่ยังคงความหอมอร่อยและสดใหม่อยู่ค่ะ 5. สอบถามวันที่ทำ วิธีที่ตรงไปตรงมาที่สุดในการเลือกซื้อข้าวหลามที่ทำใหม่ ไม่ค้างคืน และยังหอมอร่อยอยู่ คือ การสอบถามวันที่ทำโดยตรงจากแม่ค้าหรือพ่อค้าค่ะ เนื่องจากการถามไถ่ถึงวันที่ผลิตหรือเวลาที่เผา จะช่วยให้เราทราบข้อมูลที่ชัดเจนเกี่ยวกับความสดใหม่ของข้าวหลาม หากแม่ค้าสามารถให้ข้อมูลที่ชัดเจนและมั่นใจได้ว่า ข้าวหลามเพิ่งทำเสร็จใหม่ๆ ในวันนั้นหรือเมื่อวานนี้ แบบนี้ก็เป็นสัญญาณที่ดีว่าเราจะได้ข้าวหลามที่ยังคงความหอมและรสชาติอร่อยอยู่ การสอบถามโดยตรงจึงเป็นวิธีที่ง่ายและได้ผลในการคัดเลือกข้าวหลามที่เราต้องการค่ะ 6. เลือกซื้อจากร้านที่ทำเอง การเลือกซื้อข้าวหลามจากร้านที่ทำเอง ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีในการได้ข้าวหลามที่สดใหม่และมีคุณภาพค่ะ เพราะร้านที่ผลิตเองมักจะมีการทำข้าวหลามอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีผลผลิตใหม่ๆ หมุนเวียนอยู่เสมอ นอกจากนี้เรายังมีโอกาสได้เห็นขั้นตอนการทำ หรือสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับวัตถุดิบและกระบวนการผลิตโดยตรงจากผู้ทำได้ด้วย ซึ่งก็จะช่วยให้เรามั่นใจในความสดใหม่และความใส่ใจในการทำข้าวหลามมากยิ่งขึ้น และการสนับสนุนร้านที่ทำเองยังเป็นการสนับสนุนผู้ผลิตรายย่อย ที่ทำให้เราได้ลิ้มรสข้าวหลามสูตรดั้งเดิมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวอีกด้วยค่ะ 7. ดูความชุ่มชื้นของไส้ สำหรับข้าวหลามที่แกะออกจากกระบอกแล้ว การสังเกตความชุ่มชื้นของไส้ข้าวเหนียวเป็นอีกจุดที่ช่วยบ่งบอกความใหม่และความอร่อยได้ดีค่ะ เพราะปกติข้าวหลามที่ทำใหม่ๆ ไส้ข้าวเหนียวจะยังคงมีความชุ่มชื้น นุ่ม ไม่แห้งแข็งกระด้าง และมีน้ำกะทิเคลือบอยู่พอประมาณ ทำให้รสชาติหวานมันกลมกล่อม หากสังเกตเห็นว่าไส้ข้าวเหนียวแห้ง แตกหรือไม่มีความชุ่มชื้นอยู่เลย ก็เดาได้เลยว่าข้าวหลามนั้นทำไว้นานแล้ว หรือมีการเก็บรักษาที่ไม่เหมาะสม ซึ่งจะทำให้รสชาติและเนื้อสัมผัสเปลี่ยนไป ดังนั้นการเลือกซื้อข้าวหลามที่ไส้ยังดูชุ่มฉ่ำจึงเป็นอีกเคล็ดลับ ที่จะช่วยให้เราได้ข้าวหลามที่อร่อยและน่ารับประทานค่ะ 8. หลีกเลี่ยงข้าวหลามที่มีน้ำเยิ้ม การหลีกเลี่ยงข้าวหลามที่มีน้ำเยิ้มออกมาจากกระบอก เป็นสิ่งสำคัญในการเลือกซื้อข้าวหลามที่ยังคงความอร่อยอยู่ค่ะ เพราะน้ำที่เยิ้มออกมานั้นมักจะเป็นน้ำกะทิที่แยกตัวออกมาจากเนื้อข้าวเหนียว ซึ่งเป็นสัญญาณว่าข้าวหลามนั้นทำไว้นานแล้ว หรืออาจมีการเก็บรักษาที่ไม่ถูกวิธี ทำให้กะทิเสียรสชาติและอาจมีกลิ่นไม่พึงประสงค์ นอกจากนี้เนื้อข้าวเหนียวที่สัมผัสกับน้ำที่เยิ้มออกมาเป็นเวลานาน อาจจะแฉะและเสียรสสัมผัสที่ดีไปแล้ว ดังนั้นการเลือกซื้อข้าวหลามที่กระบอกยังแห้งสนิท ไม่มีน้ำเยิ้มออกมา จึงเป็นอีกหนึ่งวิธีสังเกตง่ายๆ ที่จะช่วยให้เราได้ข้าวหลามที่ยังสดใหม่ หอมอร่อย และมีคุณภาพดีค่ะ ก็จบแล้วค่ะ กับเคล็ดลับสำหรับเลือกข้าวหลาม และอ่านมาถึงตรงนี้แล้ว คุณผู้อ่านคงจะพอมองภาพออกแล้วใช่ไหมคะ? คราวนี้ก็สามารถไปซื้อข้าวหลามแบบทำใหม่ ที่ไม่ค้างคืน และหอมอร่อยได้แบบมืออาชีพแล้วค่ะ โดยหลายเคล็ดลับในนี้ผู้เขียนเองก็นำมาใช้ด้วย ตั้งแต่ซื้อข้าวหลามจากร้านที่ไว้ใจได้ ยิ่งถ้าไปแถวตลาดหนองมน อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี แล้วล่ะก็ มักซื้อข้าวหลามจากร้านที่ทำเองแบบอุ่นๆ เลยค่ะ แต่ถ้าใครมาแถวมาเที่ยวแถวภาคอีสานและได้ขับรถผ่านไปอำเภอกุมภวาปี จังหวัดอุดรธานี แบบนี้ผู้เขียนแนะนำว่าให้เลือกใช้เทคนิคหลายข้อ เช่น ดูสีของกระบอก ถ้าชิมได้จะขอชิ แล้วก็ถามแม่ค้าไปตรงๆเลยว่า ข้าวหลามกระบอกนั้นทำตอนไหน ซึ่งถ้าแม่ค้าตอบได้อย่างมั่นใจ แบบนี้ก็เลือกซื้อได้ค่ะ เพราะผู้เขียนก็ใช้ข้อมูลนี้มาประกอบการตัดสินใจเหมือนกัน อย่างไรก็ตามแนวทางทั้งหมดในบทความนี้หรือที่ผู้เขียนได้นำไปใช้ประจำ หากคุณผู้อ่านได้ลองนำไปใช้บ้างรับรองว่า ต่อให้ไม่ได้กินข้าวหลามบ่อยๆ ก็ยังสามารถกลายเป็นคนที่เลือกข้าวหลามที่มีคุณภาพดีได้ง่ายๆ ค่ะ ยังไงนั้นก็อย่าลืมนำเทคนิคต่างๆ ข้างต้นไปใช้นะคะ และผู้เขียนหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับคุณผู้อ่านไม่มากก็น้อย หากสนใจเนื้อหาเช่นนี้อีก อย่าลืมกดติดตามหรือบุ๊กมาร์กโปรไฟล์ไว้ เพื่อรับข้อมูลใหม่ๆ ในบทความต่อไปค่ะ เครดิตรูปภาพประกอบบทความ รูปภาพทำหน้าปกและหน้าปกโดยผู้เขียน ออกแบบหน้าปกใน Canva รูปภาพประกอบเนื้อหาโดยผู้เขียน เกี่ยวกับผู้เขียน ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล จบการศึกษา: พยาบาลศาสตรบัณฑิต จากวิทยาลัยพยาบาลศรีมหาสารคาม กระทรวงสาธารณสุข และสาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต (อนามัยสิ่งแวดล้อม) จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น มีความสนใจและประสบการณ์เกี่ยวกับ: สุขภาพ จิตวิทยาเชิงบวก การบำบัดน้ำเสียและกำจัดสิ่งปฏิกูล บทความอื่นที่น่าสนใจโดยผู้เขียน วิธีเลือกข้าวเหนียวปิ้ง อร่อย แบบไหนดี และน่าซื้อ ข้าวต้มมัด ใส่กล้วย คืออะไร อร่อยไหม วิธีเลือกข้าวเหนียวปิ้ง อร่อย แบบไหนดี และน่าซื้อ เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !