แก้วมังกรสีแดง ที่มาภาพ: จิรภรณ์ ยะคำแจ้ หากพูดถึงแก้วมังกร ชาวไทยนิยมนำเนื้อข้างในที่มีเมล็ดมากมาย มารับประทานสด และนำไปผสมกับวุ้น กลายเป็นวุ้นแก้วมังกร ส่วนเปลือกนิยมนำไปทิ้ง หรือนำไปผสมทำเป็นปุ๋ยหมักทางชีวภาพ หากสังเกตจะเห็นว่าแก้วมังกรมีเปลือกสีที่สดใส สีม่วงถึงแดงสด จริง ๆ แล้วพืชที่มีสีสันสดใสนั้นมีหลายชนิด เช่น แครอท แต่หากจะนำมาประยุกต์ใช้ในการประกอบอาหาร เพื่อใช้ทดแทนสีผสมอาหาร จะต้องเป็นพืชที่สามารถนำไปคั้นน้ำแล้วให้สีได้ เช่น แก้วมังกร(จับแล้วสีเปื้อนมือออกมา) และอัญชัน เป็นต้น การนำเปลือกแก้วมังกรมาทดแทนสีผสมอาหาร ช่วยให้รักษาสุขภาพ เนื่องจากสีผสมอาหารที่ขายในตลาดหลายชนิด ได้มาจากการสังเคราะห์ทางเคมี ดังนั้นหากเราสามารถนำพืชที่มาจากธรรมชาติ มาทดแทนสีผสมอาหารได้ ก็จะช่วยลดการนำสารเคมีเข้าร่างกายได้เช่นกัน อีกทั้งยังช่วยนำเปลือกที่จะทิ้งเป็นขยะ นำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ ลดโลกร้อนอีกด้วย ภาะแสดงเปลือกแก้วมังกร ที่มาภาพ: จิรภรณ์ ยะคำแจ้ ขั้นตอนการนำมาทำก็ง่าย ๆ ค่ะ แค่นำเปลือกแก้วมังกรมาสับ หรือปั่นให้ละเอียด จากนั้นนำไปผสมน้ำและทำการคั้นให้สีออกมา ภาพแสดงเปลือกแก้วมังกรสับละเอียดและนำมาคั้นน้ำ ที่มาภาพ:จิรภรณ์ ยะคำแจ้ ภาพแสดงการคั้นน้ำจากเปลือกแก้วมังกรที่สับละเอียด ที่มาภาพ: จิรภรณ์ ยะคำแจ้ เมื่อนำเปลือกที่สับละเอียดมาคั้นแล้ว ก็จะได้น้ำสีแดงออกมา ให้ใช้ผ้าขาวบางกรอง เพื่อให้เหลือแต่น้ำจริง ๆ จากนั้นนำไปผสมกับน้ำเดือด ตามด้วยวุ้น และน้ำตาลทราย ผสมให้เข้ากัน รอจนวุ้นละลาย จากนั้นก็เทวุ้นใส่แม่พิมพ์ รอจนวุ้นเย็น รสชาติออกมาที่ผสมแก้วมังกร จะได้รสชาติเปรี้ยว ๆ คล้ายแก้วมังกร และหากอยากให้เข้มข้น ก็ใส่เนื้อแก้วมังกรหรือ ผลไม้ชนิดอื่น ๆ เข้าไป หรือผสมน้ำมะพร้าวเข้าไปเพื่อความหอมได้ ข้อแนะนำ 1. ในการใส่น้ำตาล 200 กรัม ต่อน้ำ 1 ลิตร (สูตรหวานน้อย) 2. วุ้น 20 กรัม ต่อน้ำ 1 ลิตร ส่วนความเข้มข้นของสีแก้วมังกร ใส่ได้ตามใจชอบ