หากจะพูดถึงผักแกล้มลาบที่เป็นที่นิยมของคนอีสานแล้วคงต้องยกให้ มะตูมแขก เป็นอันดับหนึ่ง เนื่องด้วยรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์เข้ากับลาบได้อย่างลงตัว แต่สำหรับหลาย ๆ คน อาจจะไม่คุ้นเคยกับผักชนิดนี้มากเท่าไหร่นัก แต่คุณผู้อ่านรู้ไหมว่า มะตูมแขก นั้นมีสรรพคุณต่าง ๆ มากมาย วันนี้ผมจึงถือโอกาสพาผู้อ่านไปรู้จักกับผักชนิดนี้ ว่ามีสรรพคุณและสามารถนำไปรับประทานอย่างไรได้บ้าง ตามไปดูกันเลยครับ ( ภาพถ่ายโดยผู้เขียน) จริง ๆ แล้วมะตูมแขกนั้นไม่ได้เป็นพืชที่เกิดในประเทศไทยหรอกครับ แต่เป็นพืชที่มีถิ่นกำเนิดอยู่ที่อเมริกาใต้ แถบบราซิล อาเจนตินา นู้นแหละ แต่ที่ผักชนิดนี้เข้ามาในเมืองไทยก็เพราะว่าแรงงานอีสานที่ไปทำงานอยู่ในประเทศนั้น ๆ เห็นว่ามันมีลักษณะและกลิ่นที่สามารถกินได้ ก็เลยเอามาลองกินเป็นผักแกล้มกับพวกลาบ น้ำพริก แต่ปรากฏว่ามันเข้ากันได้ดี ก็เลยแอบเอาเมล็ดของมันมาปลูกในเมืองไทย ซึ่งอากาศบ้านเราก็มีลักษณะใกล้เคียงกับถิ่นกำเนิดของมัน ทำให้เติบโตได้ดี มะตูมแขกเป็นพืชยืนต้น ลักษณะต้นก็จะเป็นพุ่ม ๆ แบบในรูปนี้ครับ ( ภาพถ่ายโดยผู้เขียน) ลักษณะของใบจะออกแข็ง ๆ กรอบ ๆ กลิ่นหอมคล้ายมะตูมไทย รสชาติจะฝาด ๆ บวกกับกลิ่นหอม ๆ ทำให้ครองใจคนอีสานมาเป็นเวลานานครับ ทุกวันนี้ตามตลาดทางภาคอีสานแทบจะมีขายกันเกือบหมดเลยก็ว่าได้ จริง ๆ แล้วต้นมะตูมแขกจะมีดอกและผล แต่ว่าหากเด็ดยอดไปรับประทานบ่อย ๆ ก็จะไม่ค่อยมีให้เห็น หากบางต้นมีดอกและติดผล ผลของมันก็จะมีลักษณะเป็นเม็ดกลม ๆ เป็นพวงเล็ก ๆ สีเขียวอ่อน ๆ เมื่อสุกแล้วก็จะเป็นสีแดงคล้าย ๆ เมล็ดกาแฟหรือเม็ดพริกไทย ในรูปของผมนั้นเด็ดไปรับประทานบ่อยจนไม่มีผลให้เห็น ( ภาพถ่ายโดยผู้เขียน) วิธีรับประทานก็จะเด็ดเอายอดอ่อน ๆ ของมันมา นำไปล้างและกินแกล้มกับลาบ น้ำพริกได้เลย สามารถกินได้ทั้งก้าน หรือว่าจะเด็ดกินแต่ใบก็ยังได้ ที่นี้ผมก็จะพาผู้อ่านทุกคนไปดูกันว่านอกจากความอร่อยแล้ว มะตูมแขกนี้จะมีสรรพคุณอะไรบ้าง ตามผมไปดูเลยครับ ประโยชน์ของมะตูมแขก 1.มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรียและเชื้อราได้ดี มีรายงานทางวิทยาศาสตร์พบว่าสารสกัดของมะตูมแขกช่วยลดการอักเสบ ควบคุมการเต้นของหัวใจ รักษาโรคความดันต่ำ แก้ท้องผูก กระตุ้นการหดตัวของกล้ามเนื้อและรักษาบาดแผล 2.ช่วยลดการปวดกล้ามเนื้อ ทำลายเซลล์มะเร็ง ทำลายเชื้อไวรัส กระตุ้นการย่อยอาหาร 3.ในแถบอเมริกากลางและอเมริกาใต้จะใช้เป็นยาสมานแผล หรือสามารถใช้เป็นยาบำรุงกำลังได้ 4.ใช้กินจะเป็นยาแก้โรคไขข้อและยาถ่าย 5.ใช้เป็นยาป้องกันการติดเชื้อ 6.ในแอฟริกาใต้ใช้ใบเป็นชา ต้มดื่มแก้หวัด และสูดดมแก้หวัด คัดจมูก แหม่ นอกจากจะเป็นผักแกล้มชั้นเลิศแล้ว ยังมีสรรพคุณมากมายอีกด้วยนะครับ จริง ๆ แล้วหากผู้อ่านนำไปปลูกที่บ้านก็ได้นะครับ ใช้พื้นที่ไม่เยอะ ไม่ต้องดูแลอะไรมากมาย หรือตัดแต่งใบดี ๆ ก็สามารถเป็นพืชประดับได้ครับ สำหรับวันนี้ผมก็ขอลาไปก่อน สวัสดีครับ