ถึงพุทธศักราชจะเดินหน้าไปมากแค่ไหน ประเทศไทยเราก็ยังมีพืช ผลไม้แปลกให้ว้าว! อยู่เสมอ เพราะไม่ใช่ทุกคนที่จะสัมผัสทุกทิศทั่วไทย ก็ต้องอาศัยสร้างประสบการณ์จากการบอกเล่านี่แหละ หนึ่งในนั้นคือ ลูกคางคก หรือ ผลอัมพวา ทว่าในเรื่องเล่านี้ ผมขอใช้ว่า ลูกคางคก กับ ต้นคางคก ด้วยเหตุผลใดนั้น จะทราบเมื่ออ่านจบ ต้นคางคก เป็นไม้ทรงพุ่ม สูงประมาณ 3 – 15 เมตร เปลือกต้นสีตาลเทา (ไม่ต้องอธิบายสีใบก็ได้แหละ เพราะแน่นอนต้องเขียว แต่ใบอ่อนนั้นสีม่วงอ่อน) ส่วนความสูงและพุ่มของต้น มากตามอายุของมัน ที่มาของชื่อต้นคางคกนั้น เพราะผลของมันคล้ายผิวคางคก ขรุขระ ดูเผิน ๆ ไม่น่ากิน แต่รสชาติอร่อยนัก ผลดิบเปรี้ยวนิด ๆ ส่วนเมื่อสุกเป็นสีเหลืองอ่อนแล้ว จะเปรี้ยวอมหวาน กลิ่นหอม ชวนกัด ต่างจากรูปลักษณ์ ขนาดนั่งเขียนอยู่นี่ยังน้ำลายสอ รับประทานได้ทั้งดิบ ๆ โดยไม่ต้องจิ้มน้ำจิ้มใด ๆ หรือกับน้ำปลาหวานก็อร่อยไม่หยอก แต่ขอบอกว่า กินกับเกลือขมิ้นก็อะไรนะ สูตรง่าย ๆ คือ ตำขมิ้นกับเกลือใส่พริกตามชอบ ฮ้าย! น้ำลายสอ ส่วนตัวผู้เขียนชอบจิ้มเกลือมากกว่า อันชื่อว่าคางคกที่ภาษาไทยเรียก ตรงกับคำภาษามลายูที่เรียกว่า ‘เวาะกาเต๊าะ’ ที่แปลว่า ผลคางคก เช่นกัน ส่วนชื่ออื่น ๆ คือ นัมนัม, มะเปรียง, นางอาย, บูรนาม เป็นต้น แต่ส่วนตัวผู้เขียนแล้ว ชอบชื่อคางคกมากกว่า เพราะมองปุ๊บ เห็นภาพชัด ต้นคางคกมีปลูกมากทั้งอัมพวา และชายแดนใต้ แม้เป็นผลไม้หายากแต่ราคาไม่แพง วิธีการปลูกก็ไม่ยาก เพียงแค่นำเมล็ดจากผลสุกที่เรากินแล้วใส่ถุงเพาะชำไว้ ไม่กี่วันก็แตกยอด พร้อมให้นำไปลงดิน รอเก็บผลผลิตต่อไป สำหรับผู้อ่านที่ยังไม่เคยลิ้มลอง หากจะแนะนำให้เดินทางไปจังหวัดชายแดนใต้ เห็นทีจะลำบาก เพราะไกล แนะนำว่า หากมีโอกาสไปเที่ยวตลาดน้ำอัมพวา ลองถามแม่ค้าแถวนั้นดูครับ แต่อย่าเรียกลูกคางคกล่ะ เพราะที่นั่นเรียกลูกอัมพวา เดี๋ยวจะหากันไม่เจอ ภาพประกอบโดย ผู้เขียน หิวใช่ไหม อยากหาของกินอร่อย ๆ ใช่หรือเปล่า ส่องร้านเด็ดร้านดังได้ที่ App TrueID โหลดฟรี !