9 วิธีลดการเกิดสารก่อมะเร็ง จากการย่างและปิ้ง ต้องทำยังไงดี มารู้กันเลย! เขียนโดย ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล ในทุกมื้อปิ้งย่าง ไม่ว่าจะเป็นหมูย่าง เนื้อย่าง หรือบาร์บีคิว ความหอมของควันและกลิ่นเนื้อที่ไหม้เล็กน้อยมักเป็นเสน่ห์ที่ทำให้ใครหลายคนอดใจไม่อยู่ แต่ในความอร่อยนั้นกลับซ่อนด้วยความเสี่ยงที่เรามักมองไม่เห็น เพราะกระบวนการย่างบนไฟแรงจนเกิดควันและเขม่าดำ สามารถก่อให้เกิดสารเคมีอันตรายที่สะสมในร่างกายได้โดยไม่รู้ตัว เมื่อความอร่อยกลายเป็นจุดเริ่มต้นของความเสี่ยง สุขอนามัยของอาหารจึงเป็นเรื่องที่เราควรให้ความสำคัญไม่แพ้รสชาติค่ะ ดังนั้นในบทความนี้เราจะมามองให้ลึกกว่าแค่เนื้อไหม้หรือควัน เพราะภายในความร้อนของเตาย่างมีปัจจัยมากมายที่เราสามารถควบคุมได้ เพื่อป้องกันการเกิดสารก่อมะเร็งโดยไม่ต้องเลิกกินของอร่อยไปเลย เมื่ออ่านจบแล้วคุณผู้อ่านจะเข้าใจว่าเพียงปรับพฤติกรรมเล็กๆ น้อยๆ ที่ผู้เขียนจะได้นำเสนอไว้ต่อไปนี้ ก็สามารถเปลี่ยนมื้อปิ้งย่างธรรมดาให้กลายเป็นมื้อที่ปลอดภัยต่อสุขอนามัยและสิ่งแวดล้อมได้จริงๆ แล้วค่ะ กับข้อมูลที่น่าสนใจดังต่อไปนี้ 1. ลดปริมาณไขมันส่วนเกิน รู้ไหมคะว่า การลดปริมาณไขมันส่วนเกินก่อนนำเนื้อสัตว์ไปย่าง เป็นหนึ่งในวิธีที่ช่วยลดการเกิดสารก่อมะเร็งได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะไขมันเมื่อโดนความร้อนสูงจะละลายและหยดลงบนถ่านหรือเตาไฟ เกิดควันลอยขึ้นไปเคลือบผิวเนื้ออีกชั้นหนึ่ง ซึ่งในควันนั้นมีสารที่เป็นสารก่อมะเร็งโดยตรง การเล็มไขมันออกบางส่วนก่อนย่าง ไม่เพียงช่วยลดการเกิดควันหนา แต่ยังช่วยให้อาหารสุกทั่วถึงและไม่ไหม้เร็วเกินไป ทำให้ได้รสชาติที่ดีขึ้นโดยไม่ต้องใช้ไฟแรง นอกจากนี้การลดไขมันส่วนเกินยังช่วยลดปัญหาสิ่งแวดล้อมจากการปิ้งย่างได้ด้วย เพราะควันที่เกิดจากไขมันเผาไหม้ไม่สมบูรณ์จะลอยออกสู่บรรยากาศ และสะสมเป็นฝุ่นละอองขนาดเล็กที่กระทบต่อคุณภาพอากาศในชุมชน การจัดเตรียมเนื้ออย่างถูกวิธีจึงเป็นทั้งการดูแลสุขอนามัยของอาหาร และเป็นการเคารพต่อสิ่งแวดล้อมรอบตัวเราในเวลาเดียวกัน ยิ่งถ้าร่วมกับการใช้เตาย่างที่มีฝาปิดหรือมีระบบระบายอากาศดี ก็ยิ่งช่วยลดการฟุ้งกระจายของควันและกลิ่นได้มากขึ้นอีกขั้น ทำให้มื้อปิ้งย่างของเราทั้งอร่อย สะอาด และไม่สร้างผลกระทบต่อผู้อื่นในพื้นที่เดียวกันค่ะ 2. เลือกใช้ภาชนะและอุปกรณ์ที่ปลอดภัยจากความร้อน การเลือกใช้ภาชนะและอุปกรณ์ที่ปลอดภัยจากความร้อน เป็นสิ่งที่หลายคนมักมองข้ามในเวลาปิ้งย่าง ทั้งที่จริงแล้ววัสดุที่เราใช้สัมผัสอาหารโดยตรงสามารถเป็นแหล่งปนเปื้อนของสารเคมีได้ โดยเฉพาะภาชนะพลาสติกที่ไม่ได้ออกแบบให้ทนความร้อนสูง เช่น กล่องใส่อาหารราคาถูกหรือช้อนตักพลาสติก หากนำไปวางใกล้เตาไฟหรือสัมผัสกับอาหารร้อนจัด พลาสติกอาจละลายและปล่อยสารเคมีหรือไมโครพลาสติกออกมา ซึ่งสารเหล่านี้สามารถสะสมในร่างกายและเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดความเจ็บป่วยในคนได้ในระยะยาว ดังนั้นการเลือกใช้ภาชนะที่ทำจากวัสดุปลอดภัย เช่น สเตนเลส เซรามิก แก้วทนไฟ หรือไม้ธรรมชาติที่ผ่านการอบแห้งจึงเป็นทางเลือกที่ดีกว่าค่ะ เพราะนอกจากจะทนความร้อนได้ดีแล้วยังไม่ทำปฏิกิริยากับอาหาร ช่วยรักษารสชาติและกลิ่นเดิมไว้ได้ครบถ้วน อีกทั้งยังช่วยลดขยะพลาสติกจากการใช้ของใช้แบบครั้งเดียวทิ้ง ซึ่งเป็นการส่งเสริมสุขอนามัยอาหารควบคู่ไปกับการดูแลสิ่งแวดล้อมรอบตัว เมื่อเราเลือกอุปกรณ์ให้ถูกตั้งแต่ต้น การปิ้งย่างทุกครั้งก็จะกลายเป็นกิจกรรมที่ปลอดภัยต่อทั้งร่างกายและโลกใบนี้ไปพร้อมกันนะคะ 3. หมักเนื้อก่อนย่าง การหมักเนื้อก่อนย่างไม่ได้มีดีแค่ช่วยให้อาหารนุ่มและอร่อยขึ้นเท่านั้นนะคะ แต่ยังเป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยลดการเกิดสารก่อมะเร็งได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะกรดอ่อนในน้ำหมัก เช่น น้ำมะนาว น้ำส้มสายชู หรือน้ำผลไม้ จะช่วยชะลอปฏิกิริยาทางเคมีที่เกิดขึ้นเมื่อโปรตีนโดนความร้อนสูง นอกจากนี้เครื่องปรุงอย่างกระเทียม ขิง หรือพริกไทยดำ ยังมีสารต้านอนุมูลอิสระตามธรรมชาติที่ช่วยลดความเสียหายจากความร้อนขณะย่างได้อีกด้วย จึงถือเป็นเคล็ดลับง่ายๆ ที่ช่วยให้การย่างอาหารปลอดภัยมากขึ้นโดยไม่ต้องลดความอร่อยลงเลย การหมักเนื้อยังสะท้อนแนวคิดการกินอย่างใส่ใจสิ่งแวดล้อม เพราะเราสามารถใช้น้ำหมักจากวัตถุดิบธรรมชาติแทนซอสสำเร็จรูปที่มีสารกันเสียและบรรจุในขวดพลาสติก เช่น น้ำหมักผลไม้หรือสมุนไพรในครัวที่เหลือใช้ ซึ่งนอกจากช่วยลดขยะแล้ว ยังทำให้อาหารของเรามีกลิ่นหอมเฉพาะตัวและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้นอีกด้วย การหมักเนื้อจึงไม่ใช่เพียงเทคนิคของคนชอบทำอาหาร แต่คือวิธีสร้างสมดุลระหว่างรสชาติ สุขอนามัย และความยั่งยืน ที่เราทุกคนสามารถเริ่มได้จากในครัวของบ้านเราเองค่ะ 4. ทำความสะอาดตะแกรงทุกครั้งหลังใช้ ตะแกรงย่างที่ผ่านการใช้งานเต็มไปด้วยคราบไขมัน เศษเนื้อไหม้ และคราบควันซึ่งหากไม่ล้างให้สะอาดหลังใช้งาน จะกลายเป็นแหล่งสะสมของสารก่อมะเร็งค่ะ และคราบเขม่าดำที่พร้อมจะหลุดลงไปปนในอาหารในครั้งถัดไป การปล่อยให้ตะแกรงสกปรกสะสมไว้นาน ยังทำให้ทำความสะอาดยากขึ้นและเป็นแหล่งสะสมของจุลินทรีย์ ที่ส่งผลต่อสุขอนามัยของอาหารได้โดยตรง ดังนั้นหลังปิ้งย่างเสร็จควรรอให้ตะแกรงเย็นลงเล็กน้อยก่อนแช่ในน้ำอุ่นผสมเบกกิ้งโซดาหรือมะนาว แล้วขัดด้วยแปรงโลหะหรือใยขัดเพื่อขจัดคราบไหม้ออกให้หมด การล้างตะแกรงอย่างสม่ำเสมอยังช่วยยืดอายุการใช้งานของอุปกรณ์ และลดปัญหาขยะจากการต้องเปลี่ยนบ่อย อีกทั้งยังเป็นส่วนหนึ่งของการลดมลพิษทางอากาศ เพราะคราบไหม้ที่ตกค้างหากถูกเผาซ้ำจะปล่อยควันดำและกลิ่นไหม้ที่รบกวนสิ่งแวดล้อมรอบตัว การดูแลตะแกรงให้สะอาดจึงไม่ใช่แค่เรื่องของความเป็นระเบียบในครัว แต่เป็นพฤติกรรมที่สะท้อนความรับผิดชอบต่อสุขอนามัยและสิ่งแวดล้อมในเวลาเดียวกันค่ะ เพราะทุกครั้งที่เราทำความสะอาดให้หมดจด คือ การเริ่มต้นมื้อใหม่ที่ปลอดภัยกว่าเดิมเสมอนะคะ 5. ห่อฟอยล์ ใบตองหรือใช้ตะแกรง การห่ออาหารด้วยฟอยล์หรือใบตองก่อนนำไปย่าง เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยลดการเกิดสารก่อมะเร็งได้อย่างมีประสิทธิภาพค่ะ เพราะจะช่วยป้องกันไม่ให้อาหารสัมผัสเปลวไฟโดยตรง ลดการไหม้และการหยดของไขมันลงบนถ่านซึ่งเป็นต้นเหตุของควันพิษ วิธีนี้ยังช่วยเก็บความชุ่มฉ่ำของเนื้อและกลิ่นหอมจากเครื่องหมักไว้ได้ดี เหมาะกับทั้งเนื้อสัตว์และผักย่าง โดยเฉพาะในกรณีที่ต้องการลดการใช้ไฟแรงหรือต้องการย่างให้สุกทั่วถึงโดยไม่ไหม้ด้านนอก นับเป็นเทคนิคง่ายๆ ที่ทั้งอร่อยและปลอดภัยในเวลาเดียวกัน นอกจากฟอยล์แล้ว ใบตองยังเป็นวัสดุธรรมชาติที่น่าสนใจและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากกว่า เพราะไม่ก่อให้เกิดขยะพลาสติกหรือโลหะเหลือทิ้ง ใบตองมีคุณสมบัติกันความร้อนพอเหมาะและให้กลิ่นหอมเฉพาะตัวเมื่อโดนไฟ จึงช่วยเพิ่มเอกลักษณ์ให้เมนูย่างได้ดี ส่วนการใช้ตะแกรงรองอีกชั้นหนึ่งระหว่างอาหารกับเปลวไฟก็เป็นทางเลือกที่ช่วยลดควันและป้องกันไม่ให้อาหารไหม้ได้เช่นกันค่ะ เมื่อเราวางแผนตั้งแต่ขั้นตอนเลือกวัสดุห่ออาหาร ก็เท่ากับเรากำลังใส่ใจทั้งสุขอนามัยของมื้ออาหารและใส่ใจการดูแลโลกไปพร้อมๆ กันนะคะ 6. ใช้ไฟอ่อนและควบคุมอุณหภูมิ การใช้ไฟอ่อนและควบคุมอุณหภูมิระหว่างการปิ้งย่าง เป็นหัวใจสำคัญของการลดการเกิดสารก่อมะเร็งค่ะ เพราะเมื่อเนื้อสัตว์สัมผัสกับความร้อนสูงเกินไป โปรตีนและไขมันจะเกิดปฏิกิริยาทางเคมีจนกลายเป็นสารก่อมะเร็งได้ง่าย การย่างด้วยไฟอ่อนช่วยให้อาหารสุกทั่วถึง โดยไม่ไหม้ด้านนอกและไม่เกิดควันหนามากเกินไปนะคะ การย่างแบบค่อยเป็นค่อยไปยังช่วยให้รสชาติของเนื้อดีขึ้น นุ่มชุ่มฉ่ำกว่า และไม่ต้องใช้การปรุงรสจัดเพื่อกลบกลิ่นไหม้ในภายหลัง ถือเป็นวิธีที่ทั้งปลอดภัยและให้ความอร่อยในแบบธรรมชาติที่สุดค่ะ การควบคุมอุณหภูมิยังเป็นการดูแลสุขาภิบาลอาหารในอีกระดับหนึ่ง เพราะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดการสุกไม่ทั่วหรือปนเปื้อนจากจุลินทรีย์ที่อาจหลงเหลืออยู่ โดยเฉพาะเนื้อหมูและไก่ที่ต้องผ่านความร้อนถึงระดับปลอดภัย หากใช้เตาไฟฟ้าหรือเตาย่างแบบมีฝาปิด ควรปรับอุณหภูมิให้อยู่ในช่วง 150–180 องศาเซลเซียส เพื่อให้สุกพอดีโดยไม่เกิดควันไหม้ ส่วนการย่างด้วยถ่าน ควรรอจนถ่านติดดีและไม่มีเปลวไฟลุกก่อนเริ่มวางอาหาร เพราะเปลวไฟที่พุ่งขึ้นมาจะทำให้เกิดสารพิษได้มากที่สุด การย่างด้วยความอดทนและใส่ใจจึงไม่เพียงสร้างมื้ออาหารที่อร่อย แต่ยังเป็นการป้องกันสารอันตรายให้เราได้อย่างยั่งยืนค่ะ 7. พลิกเนื้อบ่อยๆ การพลิกเนื้อบ่อยๆ ระหว่างการย่างอาจดูเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่จริงๆ แล้วเป็นเทคนิคที่ช่วยลดการเกิดสารก่อมะเร็งได้อย่างชัดเจนค่ะ เพราะการย่างด้านใดด้านหนึ่งนานเกินไปจะทำให้โปรตีนและไขมันถูกความร้อนสูงจนไหม้ และเกิดสารก่อมะเร็งในบริเวณที่สัมผัสกับตะแกรงโดยตรง การกลับเนื้อทุก 1–2 นาที ช่วยให้ความร้อนกระจายทั่วถึง เนื้อสุกอย่างสม่ำเสมอ และไม่เกิดจุดไหม้ดำ การเคลื่อนไหวเนื้อบ่อยๆ ยังช่วยลดเวลาที่ไขมันหยดลงถ่าน จึงลดการเกิดควันพิษที่ลอยกลับขึ้นมาสัมผัสอาหารได้อีกด้วย ในมุมมองของสุขาภิบาลอาหาร การพลิกเนื้อบ่อยๆ ยังช่วยลดความเสี่ยงจากการปนเปื้อนของจุลินทรีย์ในกรณีที่เนื้อบางส่วนยังไม่สุกดี เพราะการได้รับความร้อนอย่างต่อเนื่องจากหลายด้านจะช่วยทำลายจุลินทรีย์ได้ทั่วถึงมากกว่า อีกทั้งยังช่วยคงความชุ่มฉ่ำของเนื้อ ทำให้ไม่ต้องใช้ไฟแรงหรือเวลานานจนไหม้ การใส่ใจจังหวะในการพลิกเนื้อจึงไม่ใช่เพียงเคล็ดลับของคนชอบย่างเท่านั้น แต่เป็นวิธีที่สะท้อนถึงความระมัดระวังและความรับผิดชอบต่อสุขอนามัยของเราและคนรอบข้างในทุกมื้อปิ้งย่างค่ะ 8. เลือกถ่านหรือเตาย่างที่ปลอดภัย การเลือกถ่านหรือเตาย่างที่ปลอดภัยเป็นอีกปัจจัยสำคัญ ที่ช่วยลดการเกิดสารพิษในอาหารได้อย่างมากค่ะ เพราะแหล่งความร้อนที่ไม่สะอาด เช่น ถ่านที่ผสมสารเร่งติดไฟหรือถ่านที่เผาจากไม้เคลือบสารเคมี อาจปล่อยควันพิษออกมาระหว่างการย่างและซึมเข้าไปในอาหารโดยไม่รู้ตัว ถ่านไม้ธรรมชาติที่ผ่านการเผาอย่างสมบูรณ์ให้ความร้อนสม่ำเสมอและเกิดควันน้อย เหมาะกับการย่างอาหารปลอดภัย นอกจากนี้ถ่านมะพร้าวหรือถ่านจากกะลาผลไม้ยังเป็นทางเลือกที่ดีเพราะให้กลิ่นหอมอ่อนๆ และมีอายุการใช้งานยาวกว่า จึงช่วยลดการสิ้นเปลืองทรัพยากรธรรมชาติได้ในระยะยาว หากต้องการลดควันให้มากขึ้น เตาไฟฟ้าหรือเตาอินฟราเรดก็เป็นอีกทางเลือกที่สะอาดกว่าค่ะ เพราะควบคุมอุณหภูมิได้ง่าย ไม่ปล่อยควันหรือเขม่าดำเข้าสู่สิ่งแวดล้อม และไม่ทำให้เกิดการปนเปื้อนจากเถ้าถ่านที่อาจกระเด็นเข้าอาหาร การเลือกเตาย่างจึงไม่ใช่แค่เรื่องของความสะดวก แต่คือการเลือกความปลอดภัยและความยั่งยืนในเวลาเดียวกัน เมื่อเราใส่ใจตั้งแต่ต้นทางของความร้อน ก็เท่ากับเรากำลังป้องกันการเกิดมลพิษทางอากาศ และลดการสะสมของสารอันตรายในอาหารได้พร้อมกันอย่างมีประสิทธิภาพ 9. ระบายอากาศในพื้นที่ปิ้งย่างให้ดี หลายคนคิดว่าควันจากการปิ้งย่างอาจดูเหมือนเรื่องเล็กน้อย แต่ในความจริงแล้วควันจากอาหารปิ้งย่างมักเต็มไปด้วยสารเคมีที่เป็นอันตราย เช่น สารก่อมะเร็งและเขม่าดำที่เกิดจากการเผาไหม้ไม่สมบูรณ์ค่ะ หากพื้นที่ย่างอากาศไม่ถ่ายเทดี ควันจะลอยวนกลับมาเกาะตามผิวอาหารและร่างกายของผู้ปรุงอาหาร ทำให้เพิ่มความเสี่ยงในการรับสารก่อมะเร็งทั้งทางการกินและการสูดดม ซึ่งควันจากการปิ้งย่างถือเป็น PM2.5 อย่างหนึ่งที่มีขนาดเล็กมากระดับไมครอน และสามารถลงไปสู่ขั้วปอดของคนเราได้ ซึ่งการย่างอาหารในที่โล่งหรือใกล้หน้าต่างเปิด จึงเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยกว่า และควรตั้งเตาย่างให้ห่างจากตัวบ้านหรือบริเวณที่มีคนอยู่หนาแน่น เพื่อลดการสะสมของควันและกลิ่นที่รบกวนผู้อื่นนะคะ และในกรณีที่ต้องย่างอาหารภายในบ้านหรือในพื้นที่ครัว ควรเปิดพัดลมดูดอากาศหรือเปิดหน้าต่างทุกบาน เพื่อระบายควันออกโดยตรง การจัดพื้นที่ปิ้งย่างให้มีการหมุนเวียนอากาศที่ดีไม่เพียงช่วยลดสารพิษ แต่ยังช่วยลดความชื้นและกลิ่นไหม้ที่สะสมในผนังและเฟอร์นิเจอร์อีกด้วย การระบายอากาศอย่างถูกวิธีจึงเป็นทั้งเรื่องของสุขาภิบาลสิ่งแวดล้อมและสุขอนามัยภายในบ้าน ที่ทำให้มื้อปิ้งย่างของเราเป็นประสบการณ์ที่สะอาด ปลอดภัย และเป็นมิตรต่อทั้งคนและสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริงนะคะ ก็จบแล้วค่ะ ที่โดยสรุปแล้วการปิ้งย่างไม่ใช่เรื่องของความอร่อยเพียงอย่างเดียวอีกต่อไปนะคะ หากเรามองให้ลึกจะเห็นว่านี่คือกิจกรรมที่เกี่ยวพันกับทั้งสุขอนามัย อากาศ และสิ่งแวดล้อมในบ้านของเราอย่างแท้จริง เพราะทุกขั้นตอนตั้งแต่การเตรียมเนื้อ การหมัก การเลือกเตา ไปจนถึงการจัดการควันหลังย่าง ล้วนเป็นโอกาสให้เราลดการเกิดสารพิษได้โดยไม่เสียรสชาติ การเข้าใจว่าความร้อนสูง ควันหนา หรือเนื้อไหม้ล้วนเกิดจากกระบวนการที่ควบคุมได้ จะทำให้เราสามารถเปลี่ยนพฤติกรรมเล็กๆ น้อยๆ ในครัวให้กลายเป็นการดูแลสุขอนามัยระยะยาวได้โดยไม่รู้ตัว และยังช่วยสร้างบรรยากาศมื้ออาหารที่ทั้งปลอดภัยและมีความสุขมากกว่าเดิม เมื่อเรานำแนวทางในบทความนี้ไปใช้จริง คุณผู้อ่านจะเริ่มเห็นว่าการดูแลสุขาภิบาลอาหารเชื่อมโยงโดยตรงกับการดูแลสิ่งแวดล้อมรอบตัว ควันที่ลดลงคืออากาศที่สะอาดขึ้นในบ้าน เศษอาหารที่เราล้างออกคือลดแหล่งสะสมของจุลินทรีย์ การเลือกใช้ถ่านหรืออุปกรณ์ที่ปลอดภัย คือ การลดขยะและสารเคมีที่ไหลกลับสู่ธรรมชาติ ซึ่งทั้งหมดนี้คือการสร้างสิ่งแวดล้อมในครัวที่ปลอดภัยยั่งยืน ทั้งต่อตัวเรา ครอบครัว และชุมชน การปิ้งย่างอย่างมีสติจึงไม่ใช่เรื่องของคนรักการดูแลตัวเองเท่านั้น แต่คือทักษะพื้นฐานของการอยู่ร่วมกับสิ่งแวดล้อมอย่างสมดุลค่ะ และท้ายที่สุดแล้วการกินอย่างปลอดภัยไม่ได้หมายถึงการเลิกกินของที่เราชอบ แต่คือการรู้เท่าทันสิ่งที่อาจก่อให้เกิดอันตรายและเลือกวิธีที่ลดผลกระทบให้น้อยที่สุด และสุขาภิบาลอาหารจึงไม่ใช่เพียงเรื่องของกฎระเบียบในครัว แต่คือแนวทางของการกินอย่างเคารพต่อร่างกายของเราเองและโลกที่เราอาศัยอยู่ เมื่อเรารู้วิธีจัดการไฟ ควัน วัสดุ และขั้นตอนการปรุงอย่างเหมาะสม การปิ้งย่างทุกมื้อก็จะกลายเป็นกิจกรรมที่ทั้งอร่อย ปลอดภัย และส่งเสริมคุณภาพชีวิตในระยะยาวได้อย่างแท้จริง เพราะการป้องกันสารก่อมะเร็งไม่ได้เริ่มจากโรงพยาบาล แต่เริ่มจากที่บ้านที่เตาย่างเล็กๆ ของเรานี่เองค่ะ ที่โดยส่วนตัวแล้วแนวทางต่างๆ ข้างต้นคือเทคนิคที่ผู้เขียนตระหนักและปรับใช้ตลอดค่ะ เวลาต้องก่อไฟสิ่งแรกที่ต้องทำเลยคือเปิดหน้าต่างๆ หากเป็นที่บ้านสวนจะยืนอยู่เหนือลมในระหว่างก่อไฟ พอไฟเริ่มติดแล้วจะใช้การเปิดพัดลมมาช่วยระบายควันค่ะ ซึ่งการย่างส่วนใหญ่ของที่นี่จะทำก็ต่อเมื่อไฟติดแล้ว สำหรับอาหารบางอย่าง เช่น ไส้กรอกอีสาน ถ้าประเมินแล้วว่ามีไขมัน แบบนี้ผู้เขียนจะเลือกการนำไปอบแทนค่ะ หากคุณผู้อ่านจำเป็นต้องย่างต้องลดไฟลง ในบางครั้งคนโบราณมักบอกให้เราใส่ขี้เถ้าลงไปบางๆ วิธีนี้ก็ช่วยได้ค่ะ ทำให้ไฟในเตาไม่แรงและลดการสัมผัสกับเปลวไฟโดยตรง ซึ่งการพลิกเนื้อบ่อยๆ การทิ้งเนื้อที่ไหม้ สิ่งเหล่านี้ก็ทำตลอดค่ะ เพราะอาหารสามารถเป็นสื่อของความเจ็บป่วยในคนเราได้ ที่ไม่เพียงแต่เกี่ยวข้องกับจุลินทรีย์เท่านั้น แต่การปิ้งย่างก็เป็นอีกหนึ่งช่องทางในการสร้างปัญหาทางด้านอนามัยสิ่งแวดล้อม ซึ่งการมีสุขอนามัยดีนั้น คนแรกที่ต้องเริ่มใส่ใจคือตัวเราเองค่ะ ไม่ใช่หมอหรือพยาบาล! เพราะเวลาพูดถึงเรื่องสุขภาพ คนส่วนใหญ่มักมองไม่ออกว่าการส่งเสริมสุขภาพและการป้องกันการเกิดโรคคือด่านแรกที่สำคัญ ที่ไม่ใช่มีแค่เพียงการรักษาพยาบาลที่โรงพยาบาลเท่านั้น ที่จะทำให้เรามีสุขภาพดีขึ้นนะคะ และการลดการเกิดสารก่อมะเร็งในอาหารระหว่างการปิ้งย่าง คือ แนวทางหนึ่งของการป้องกันนะคะ ก็อย่าลืมนำไปปรับใช้กันค่ะทุกคน และด้วยความตั้งใจ ผู้เขียนหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับผู้อ่านไม่มากก็น้อย หากคุณผู้อ่านชื่นชอบเนื้อหาแนวนี้ อย่าลืมกดติดตามหรือบันทึกโปรไฟล์ไว้ เพื่อจะได้ไม่พลาดข้อมูลใหม่ๆ ในบทความถัดไป หากสนใจอ่านบทความทั้งหมดของผู้เขียน ก็สามารถกดเข้าไปดูได้จากโปรไฟล์เช่นกันค่ะ #ลดสารก่อมะเร็ง #การป้องกันการเกิดโรค #วิธีส่งเสริมสุขภาพ #สุขาภิบาลอาหาร #HealthPromotion เครดิตรูปภาพประกอบบทความ รูปภาพทำหน้าปก ถ่ายภาพโดย Topntp26 จาก FREEPIK และออกแบบหน้าปกโดยผู้เขียน ใน Canva รูปภาพประกอบเนื้อหา ถ่ายภาพโดยผู้เขียน เกี่ยวกับผู้เขียน ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล จบการศึกษา: พยาบาลศาสตรบัณฑิต จากวิทยาลัยพยาบาลศรีมหาสารคาม กระทรวงสาธารณสุข และสาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต (อนามัยสิ่งแวดล้อม) จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น มีความสนใจและประสบการณ์เกี่ยวกับ: สุขภาพ จิตวิทยาเชิงบวก การบำบัดน้ำเสียและกำจัดสิ่งปฏิกูล 9 ทริคเลือกร้านหมูกระทะแบบชุด ส่งฟรีถึงหน้าบ้าน รสชาติอร่อย ข้าวเหนียวหมูปิ้ง เลือกแบบไหนดี มีคุณภาพ ดูสะอาดและน่าซื้อ อยากกินหม่าล่า แบบไหนดี น่าซื้อมาทาน มีคุณภาพ หิวใช่ไหม อยากหาของกินอร่อย ๆ ใช่หรือเปล่า ส่องร้านเด็ดร้านดังได้ที่ App TrueID โหลดฟรี !