10 วิธีซื้อมะขามเปียก แบบไหนใช้ได้ ไม่เสื่อมคุณภาพ ไม่ขึ้นรา อ่านต่อเลย! เขียนโดย ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล มะขามเปียกเป็นวัตถุดิบคู่ครัวไทยที่ใช้ปรุงอาหารหลากหลายเมนู ไม่ว่าจะเป็นแกงส้ม น้ำพริกมะขาม หรืออาหารรสจัดที่ต้องการความเปรี้ยวกลมกล่อม แต่แม้จะดูเหมือนเป็นของกึ่งแห้งที่เก็บไว้ได้นาน มะขามเปียกกลับมีความเสี่ยงด้านสุขาภิบาลอาหารไม่น้อยค่ะ เนื่องจากมีความชื้นในตัวสูงและมักบรรจุในภาชนะที่ปิดไม่สนิท จึงง่ายต่อการปนเปื้อนเชื้อราและจุลินทรีย์ หากผู้ซื้อไม่ใส่ใจตรวจสอบ ก็อาจนำของเสื่อมคุณภาพกลับบ้านโดยไม่รู้ตัวนะคะ และความเสี่ยงอีกประการ คือ การเก็บรักษาและการหมุนเวียนสินค้าที่ไม่เหมาะสม บ่อยครั้งที่มะขามถูกเก็บค้างไว้นานในตลาดสดหรือร้านขายของชำ และทำให้เกิดปัญหาเสื่อมสภาพ เนื้อแห้งแข็งหรือเละจนขึ้นรา นอกจากนี้ยังมีกรณีที่ไม่มีการระบุวันผลิตและวันหมดอายุ ทำให้ผู้ซื้อไม่สามารถตรวจสอบอายุของมะขามได้ชัดเจน ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ล้วนเป็นความเสี่ยงที่ส่งผลทั้งต่อคุณภาพรสชาติและความปลอดภัยด้านสุขอนามัยของผู้บริโภค ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีทริคเลือกซื้อ เพื่อช่วยป้องกันปัญหานี้อย่างจริงจังค่ะ และต่อไปนี้คือเคล็ดลับที่จำเป็นต้องรู้นะคะ 1. สังเกตสีของเนื้อมะขาม การสังเกตสีของเนื้อมะขามเปียกถือเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญที่สุดค่ะ เพราะสีสามารถบอกได้ทั้งความสดใหม่และคุณภาพที่ยังคงอยู่ มะขามเปียกที่ดีควรมีสีน้ำตาลเข้มหรือสีน้ำตาลอมแดงอย่างเป็นธรรมชาติ เนื้อจะดูสม่ำเสมอ ไม่ด่างเป็นรอยขาว หรือคล้ำจนเกือบดำ หากพบว่ามีสีผิดปกติ เช่น สีเทาหม่น สีคล้ำเกินไป หรือมีรอยจุดด่าง นั่นอาจหมายถึงการเก็บไว้นานเกินไปหรือเริ่มเสื่อมคุณภาพแล้ว การเลือกสีที่ดูเป็นธรรมชาติช่วยให้มั่นใจได้ว่า เนื้อยังคงรสชาติและปลอดภัยต่อการบริโภคค่ะ ในทางกลับกันการละเลยเรื่องสี อาจทำให้เราได้มะขามที่เสื่อมคุณภาพโดยไม่รู้ตัวนะคะ เพราะสีซีดแปลว่ามะขามอาจสูญเสียรสเปรี้ยวและกลิ่นหอมเฉพาะตัวไปแล้ว ส่วนสีเข้มผิดปกติหรือมีรอยคล้ำมาก มักเป็นสัญญาณของการเก็บรักษาที่ไม่เหมาะสมหรือเริ่มมีเชื้อราปนเปื้อน การฝึกสังเกตสีจึงเป็นเสมือนเกราะป้องกันด่านแรก ที่จะช่วยให้ผู้ซื้อสามารถตัดสินใจได้อย่างมั่นใจว่า มะขามเปียกที่เลือกจะให้ทั้งรสชาติที่ดีและปลอดภัยต่อสุขอนามัยในทุกเมนูที่นำไปใช้ค่ะ 2. มองหาความเหนียวและความหนึบ ความเหนียวและความหนึบของมะขามเปียก เป็นอีกหนึ่งสัญญาณบอกคุณภาพที่ไม่ควรมองข้ามค่ะ มะขามที่ดีจะมีเนื้อแน่น หนึบเล็กน้อย และให้ความรู้สึกเหนียวนุ่มเวลาจับ ไม่แข็งกระด้างหรือแห้งกรังจนแตกออกมาเป็นชิ้นๆ ในขณะเดียวกันก็ไม่เหลวหรือแฉะจนเหมือนบูด มะขามที่มีความหนึบพอดีนี้จะช่วยให้เวลานำไปปรุงอาหาร รสเปรี้ยวและกลิ่นหอมยังคงเด่นชัด เนื้อไม่เละและไม่เสียรสชาติ จึงเหมาะสำหรับเมนูที่ต้องการความเปรี้ยวกลมกล่อมค่ะ หากเลือกมะขามที่ไม่ผ่านการสังเกตความเหนียว อาจได้ของที่เสื่อมคุณภาพมาโดยไม่รู้ตัว เช่น มะขามที่แข็งเกินไปมักเกิดจากการเก็บนานหรือสูญเสียน้ำในเนื้อแล้ว ขณะที่มะขามที่เหลวจนเละก็มักเกิดจากความชื้นสะสม ซึ่งเสี่ยงต่อการขึ้นราได้ง่าย การมองหาความหนึบกำลังดีในมะขามเปียกก่อนซื้อ จึงเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับผู้ซื้อว่า เมื่อนำไปคั้นน้ำ ปรุงแกง หรือทำเครื่องจิ้ม จะได้รสชาติและความสะดวกสบายที่คุ้มค่ากับการเลือกอย่างพิถีพิถันค่ะ 3. ตรวจสอบกลิ่น การดมกลิ่นเป็นวิธีที่ตรงไปตรงมาที่สุด ในการตรวจสอบคุณภาพของมะขามเปียกค่ะโดยมะขามที่ดีควรมีกลิ่นหอมเปรี้ยวอ่อนๆ ตามธรรมชาติ ไม่แรงจนฉุน และไม่มีกลิ่นหมักหรือกลิ่นบูดเหมือนของเสีย หากได้กลิ่นหอมแบบธรรมชาติจะช่วยการันตีว่า มะขามยังสดใหม่และไม่ผ่านการเสื่อมสภาพ การดมกลิ่นจึงเหมือนเป็นเกราะป้องกันชั้นแรกก่อนตัดสินใจซื้อ เพราะกลิ่นที่ผิดไปแม้เพียงเล็กน้อย ก็มักเป็นสัญญาณเตือนถึงการปนเปื้อนหรือการเก็บรักษาที่ไม่เหมาะสมค่ะ ในขณะเดียวกันกลิ่นยังสะท้อนถึงรสชาติที่จะได้เมื่อใช้ในการปรุงอาหาร เพราะมะขามที่หอมเปรี้ยวอ่อนๆ จะช่วยเสริมให้น้ำแกงหรือน้ำพริกมีรสกลมกล่อม ไม่เสียรสชาติจากกลิ่นแปลกปลอมที่ติดมา แต่ถ้ามะขามเริ่มมีกลิ่นหมักหรือบูด รสชาติที่ออกมาก็จะผิดเพี้ยนไปด้วย ดังนั้นการตรวจสอบกลิ่นจึงเป็นขั้นตอนง่ายๆ ที่ใครก็ทำได้ในตลาดสด และถือเป็นตัวชี้ขาดว่ามะขามเปียกนั้น ควรซื้อหรือควรเลี่ยงได้อย่างชัดเจนค่ะ 4. พิจารณาบรรจุภัณฑ์ บรรจุภัณฑ์คือสิ่งแรกที่บอกเล่าคุณภาพของมะขามเปียกได้ชัดเจนค่ะ หากภาชนะหรือถุงที่บรรจุมีสภาพสะอาด ปิดสนิท ไม่มีรอยฉีกขาดหรือรูรั่ว จะช่วยป้องกันอากาศและความชื้นได้ ทำให้เข้าไปทำลายคุณภาพของมะขามไม่ได้ เนื้อจึงคงความสดใหม่และไม่เสื่อมสภาพเร็ว นอกจากนี้มะขามที่อยู่ในกล่องหรือถุงใสแบบโปร่งแสง ยังช่วยให้ผู้ซื้อสามารถตรวจสอบลักษณะภายในได้ง่ายขึ้น เห็นเนื้อ สี และสภาพโดยไม่ต้องแกะออกมาดู ที่ถือเป็นการสร้างความมั่นใจตั้งแต่แรกเห็นได้ค่ะ ในทางตรงกันข้ามบรรจุภัณฑ์ที่มีปัญหา มักสะท้อนถึงการเก็บรักษาที่ไม่เหมาะสม เช่น ถุงที่มีหยดน้ำเกาะอยู่ด้านใน รอยเปื้อน คราบฝุ่น หรือการปิดปากถุงไม่แน่น สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยที่เร่งให้มะขามเปียกเสื่อมคุณภาพหรือขึ้นราได้นะคะ การเลือกซื้อจากบรรจุภัณฑ์ที่แข็งแรง สะอาด และปิดผนึกดี จึงไม่ใช่แค่เรื่องของความสวยงามเท่านั้น แต่ยังเป็นหลักประกันเรื่องความปลอดภัยและสุขอนามัยของผู้บริโภคอีกด้วยค่ะ 5. พิจารณาสภาพความชื้นในถุง ความชื้นในถุงบรรจุมะขามเปียก เป็นสัญญาณสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามค่ะ หากสังเกตเห็นหยดน้ำเกาะตามผนังถุง หรือมีฝ้าไอน้ำจับอยู่ด้านใน แสดงว่ามีการเก็บรักษาในสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม ทำให้อุณหภูมิและความชื้นแปรปรวน ซึ่งเป็นเงื่อนไขชั้นดีให้เชื้อราเจริญเติบโตได้ง่าย ซึ่งมะขามที่อยู่ในสภาพเช่นนี้มักจะเสื่อมคุณภาพเร็ว และอาจส่งผลต่อรสชาติเมื่อปรุงอาหารค่ะ มะขามที่ดีควรอยู่ในถุงที่แห้งสะอาด ไม่มีความชื้นสะสมให้เห็นจากภายนอก การเลือกถุงที่ใสและโปร่งแสง จะช่วยให้ผู้ซื้อสามารถตรวจสอบได้ง่ายว่า มีหยดน้ำหรือคราบฝ้าขาวอยู่หรือไม่ หากเนื้อด้านในดูแห้งกำลังดี ไม่แฉะเละหรือแข็งกรอบจนผิดปกติ แสดงว่ายังเก็บรักษาได้ดีและสามารถนำไปใช้งานได้อย่างปลอดภัย การพิจารณาความชื้นจึงเปรียบเสมือนด่านตรวจสอบสุดท้ายก่อนตัดสินใจซื้อค่ะ 6. มองหามะขามที่ไม่มีเส้นใยเกินจำเป็น เส้นใยและกากที่ติดมากับมะขามเปียก ถือเป็นสิ่งรบกวนเวลาใช้งานค่ะ หากมีมากเกินไป นอกจากจะทำให้เสียเวลาในการคัดออกก่อนปรุงอาหารแล้ว ยังสะท้อนว่ามะขามนั้นผ่านกระบวนการคัดแยกไม่ดีพอ มะขามที่มีคุณภาพควรเนื้อแน่น เรียบเนียน และมีเส้นใยน้อยที่สุด การเลือกที่เนื้อดูสะอาด ปราศจากเศษกากมากเกินไป จะช่วยให้คุณนำไปใช้ได้ทันทีโดยไม่ต้องเสียเวลาแยกส่วนที่ไม่ต้องการนะคะ ในทางปฏิบัติมะขามที่เส้นใยน้อย ยังช่วยคงรสชาติและเนื้อสัมผัสของอาหารให้ดีขึ้น เพราะไม่มีสิ่งแปลกปลอมเข้ามาปนเมื่อคั้นหรือนำไปละลายน้ำ รสเปรี้ยวจึงชัดเจนและเนียนไปกับเมนู เช่น น้ำพริกมะขามหรือแกงส้มที่ต้องการความเข้มข้น หากเจอมะขามที่มีเส้นใยมากเกินไป บางครั้งยังเป็นสัญญาณของการเก็บไว้นานหรือผ่านการผลิตแบบไม่พิถีพิถัน การเลือกที่เนื้อใสสะอาด จึงเป็นทั้งทางลัดและการันตีคุณภาพที่เหนือกว่าค่ะ 7. สังเกตรอยเชื้อราหรือฝ้าขาว เชื้อราและฝ้าขาวคือสัญญาณเตือนที่บ่งบอกว่า มะขามเปียกเสื่อมคุณภาพแล้วนะคะ หากสังเกตเห็นจุดด่างสีขาว เขียว ดำ หรือเป็นคราบฝ้าเกาะตามผิว แม้เพียงเล็กน้อย ก็ควรหลีกเลี่ยงทันที เพราะเชื้อราสามารถแพร่กระจายไปทั่วทั้งก้อนได้ แม้จะเห็นแค่บางมุม การบริโภคมะขามที่มีรายังเสี่ยงต่อการได้รับสารพิษจากเชื้อรา ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อสุขอนามัยทั้งในระยะสั้นและระยะยาวค่ะ ดังนั้นการตรวจสอบรอยเชื้อรา จึงควรทำอย่างละเอียดก่อนตัดสินใจซื้อ โดยเฉพาะมะขามที่บรรจุในถุงหนา ควรพลิกถุงดูหลายๆ ด้าน เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีรอยผิดปกติ หากเนื้อยังมีสีน้ำตาลสม่ำเสมอ ไม่มีฝ้าขาวหรือจุดเขียวดำ แสดงว่ามะขามยังสดใหม่และปลอดภัย การสังเกตด้วยตาเพียงไม่กี่วินาทีนี้ มีส่วนช่วยป้องกันปัญหาใหญ่ที่จะตามมา และทำให้มั่นใจได้ว่ามะขามที่เลือกจะนำไปใช้ปรุงอาหารได้อย่างไร้กังวลค่ะ 8. เลือกซื้อในปริมาณพอดีสำหรับการใช้งาน การซื้อปริมาณที่เหมาะสมเป็นวิธีง่ายๆ แต่ช่วยป้องกันปัญหามะขามเสื่อมคุณภาพได้จริงค่ะ มะขามเปียกแม้จะเป็นของกึ่งแห้ง แต่ก็ยังเสี่ยงต่อการขึ้นราหรือเสื่อมรสชาติหากเก็บไว้นานเกินไป การซื้อพอใช้ตามเมนูหรือช่วงเวลาที่แน่นอน เช่น ซื้อเป็นก้อนเล็กแทนก้อนใหญ่ จะช่วยให้เราใช้หมดได้เร็ว ไม่ค้างสต็อกจนคุณภาพลดลงนะคะ ซึ่งการเลือกซื้อทีละน้อยยังทำให้ได้ของใหม่หมุนเวียนอยู่เสมอ โดยเฉพาะหากเราซื้อจากร้านที่ขายดี และมีการนำสินค้าใหม่เข้ามาตลอด มะขามที่ซื้อแต่ละครั้งจึงสดและรสชาติยังคงที่ นอกจากนี้ยังช่วยประหยัดพื้นที่จัดเก็บในบ้าน ไม่ต้องกังวลเรื่องความชื้นสะสมหรือการจัดการที่ไม่ถูกต้อง การซื้อแบบพอดีจึงเป็นทั้งการควบคุมคุณภาพ และช่วยให้การใช้งานสะดวกขึ้นในชีวิตประจำวันค่ะ 9. ตรวจสอบวันผลิตและวันหมดอายุ วันผลิตและวันหมดอายุ คือ สิ่งที่ช่วยยืนยันคุณภาพของมะขามเปียกได้ดีอีกแนวทางหนึ่งค่ะ หากบรรจุภัณฑ์มีการระบุชัดเจน จะทำให้ผู้ซื้อมั่นใจได้ว่ามะขามยังอยู่ในช่วงที่ปลอดภัยต่อการบริโภค และยังคงรสชาติเปรี้ยวตามธรรมชาติได้ครบถ้วน การเลือกมะขามที่มีวันผลิตใกล้เคียงปัจจุบัน และวันหมดอายุที่ยังเหลืออีกนาน มีส่วนช่วยให้เราสามารถเก็บไว้ใช้งานต่อได้ โดยไม่กังวลเรื่องการเสื่อมคุณภาพเร็วเกินไปนะคะ ในขณะเดียวกันวันผลิตและวันหมดอายุ ยังสะท้อนถึงมาตรฐานการผลิตของผู้ขายหรือโรงงาน หากสินค้ามีฉลากชัดเจน บ่งบอกว่ามีการควบคุมคุณภาพตามหลักสุขอนามัยและการตลาดที่เชื่อถือได้ ในทางกลับกันมะขามที่ไม่มีการระบุวันเวลา อาจต้องใช้วิธีสังเกตสี กลิ่น และสภาพบรรจุภัณฑ์เข้าช่วยแทนค่ะ ซึ่งการใส่ใจรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ นี้ทำให้มั่นใจได้ว่า มะขามที่เราเลือกจะปลอดภัย คุ้มค่า และใช้ได้อย่างมั่นใจในทุกเมนูอาหารค่ะ 10. เลือกจากร้านที่หมุนเวียนของเร็ว ร้านค้าที่มีการขายของหมุนเวียนเร็ว คือ แหล่งที่เราควรเลือกซื้อมะขามเปียกค่ะ เพราะร้านลักษณะนี้มักมีลูกค้าซื้อเป็นประจำ ทำให้สินค้าที่วางขายไม่ค้างสต็อกนานจนเสื่อมคุณภาพ การได้มะขามเปียกที่เพิ่งเข้ามาใหม่ๆ ช่วยลดความเสี่ยงในการเจอของเก่าที่มีปัญหาเรื่องรสชาติ สีสัน และความสะอาด การเลือกซื้อจากร้านที่ลูกค้าแน่นจึงเป็นเหมือนการันตีทางอ้อมว่า มะขามที่เราได้จะสดใหม่และปลอดภัยกว่านะคะ ในทางตรงกันข้ามหากเลือกร้านที่ไม่ค่อยมีลูกค้า สินค้ามักถูกเก็บไว้นานเกินไป ความชื้นอาจสะสมจนทำให้เกิดรา หรือเนื้อมะขามอาจแห้งแข็งจนเสียรสชาติ การสังเกตร้านที่หมุนเวียนของเร็ว ไม่เพียงช่วยให้มั่นใจได้ว่ามะขามยังคุณภาพดี แต่ยังสะท้อนถึงมาตรฐานการจัดการที่ดีกว่าด้วย ดังนั้นก่อนตัดสินใจซื้อ อย่าลืมมองภาพรวมของร้าน เพราะสินค้าที่หมุนเวียนเร็ว คือ กุญแจสำคัญที่ทำให้เราได้ของใหม่สดอยู่เสมอค่ะ ก็จบแล้วค่ะ กับเคล็ดลับในการการเลือกซื้อมะขามเปียก ที่ไม่ได้เป็นเพียงแค่เรื่องของรสชาติเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวข้องโดยตรงกับคุณภาพและความปลอดภัยในการบริโภค ซึ่งวิธีการสังเกตต่างๆ เช่น การสังเกตสีของเนื้อ การตรวจสอบกลิ่น การมองหาความเหนียวหนึบ หรือการพิจารณาบรรจุภัณฑ์ ล้วนเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้ผู้ซื้อสามารถคัดแยกของที่ยังสดใหม่ จากของที่เริ่มเสื่อมสภาพได้อย่างมั่นใจค่ะ ซึ่งการใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ จึงเป็นการป้องกันปัญหาสุขอนามัยตั้งแต่ต้นทางนะคะ อย่างไรก็ตามในสถานการณ์จริงนั้น การนำเคล็ดลับเหล่านี้ไปปรับใช้ไม่จำเป็นต้องซับซ้อนค่ะ เช่น เวลาซื้อในตลาดสด อาจใช้สายตาสังเกตสีและเส้นใยควบคู่กับการดมกลิ่นเพื่อคัดเบื้องต้น ส่วนถ้าเลือกซื้อในห้างหรือร้านที่บรรจุภัณฑ์ปิดสนิท อาจหันไปดูฉลาก วันหมดอายุ หรือพลิกถุงตรวจสอบความชื้นแทน หากต้องการความมั่นใจยิ่งขึ้น ก็ให้เลือกร้านที่ขายดีและมีการหมุนเวียนสินค้าเร็ว เพราะโอกาสได้ของใหม่จะมีมากกว่า ซึ่งวิธีการเหล่านี้ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที แต่ช่วยลดความเสี่ยงได้มากนะคะ และท้ายที่สุดแล้ว การเลือกซื้อมะขามเปียกอย่างพิถีพิถัน มีส่วนช่วยให้การปรุงอาหารรสชาติออกมาดีและปลอดภัยยิ่งขึ้นค่ะ ไม่ว่าจะทำแกงส้ม น้ำพริก หรือเมนูที่ต้องการรสเปรี้ยวสดชัด การเลือกมะขามที่เนื้อดี กลิ่นหอม และปราศจากรามาปน จะทำให้เมนูออกมาสมบูรณ์ ซึ่งการใช้ทริคข้างต้นเปรียบเสมือนเกราะป้องกัน และเป็นตัวช่วยที่ดีให้กับผู้ซื้อในทุกสถานการณ์ ทั้งพ่อบ้านแม่บ้าน คนทำครัวมือใหม่ หรือแม้แต่แม่ค้าในตลาด โดยเคล็ดลับในบทความนี้จะช่วยให้การตัดสินใจทำได้ง่ายและมั่นใจยิ่งขึ้นค่ะ ที่ต้องบอกว่าสำหรับผู้เขียนนั้น มีความมั่นใจมากขึ้นจากแนวทางข้างต้นค่ะ ที่โดยปกติมักซื้อมะขามเปียกด้วยการสังเกตสีก่อน จากนั้นจะตรวจดูในส่วนของการเกิดขึ้นของรา ฝ้า และจุดด่างดำ และสุดท้ายจะบีบดูความแน่นของมะขามเปียกค่ะ และจากที่สังเกตมาตลอดนั้น มะขามเปียกที่ได้มีคุณภาพดีค่ะ ทั้งในส่วนของการนำมะขามเปียกมาทำอาหาร และอีกอย่างที่ผู้เขียนใช้ประโยชน์ คือ การนำมาพอกหน้า ยังไงนั้นหากที่ผ่านมาคุณผู้อ่านเดาสุ่มมาตลอด ต่อไปนี้ก็ไม่ต้องทำแบบนั้นแล้วนะคะ ก็อย่าลืมนำไปประยุกต์ใช้กันค่ะ และด้วยความตั้งใจ ผู้เขียนหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับคุณผู้อ่านไม่มากก็น้อย หากสนใจเนื้อหาเช่นนี้อีก อย่าลืมกดติดตามหรือบุ๊กมาร์กโปรไฟล์ไว้ เพื่อรับข้อมูลใหม่ๆ ในบทความต่อไป ถ้าต้องการอ่านบทความทั้งหมดโดยผู้เขียน ให้กดดูโปรไฟล์ได้เลยค่ะ #มะขามเปียก #ของเปรี้ยวแทนมะนาว #ความปลอดภัยในอาหาร #FoodSafety เครดิตรูปภาพประกอบบทความ รูปภาพทำหน้าปกและออกแบบหน้าปกโดยผู้เขียน ใน Canva รูปภาพประกอบเนื้อหาโดยผู้เขียน เกี่ยวกับผู้เขียน ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล จบการศึกษา: พยาบาลศาสตรบัณฑิต จากวิทยาลัยพยาบาลศรีมหาสารคาม กระทรวงสาธารณสุข และสาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต (อนามัยสิ่งแวดล้อม) จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น มีความสนใจและประสบการณ์เกี่ยวกับ: สุขภาพ จิตวิทยาเชิงบวก การบำบัดน้ำเสียและกำจัดสิ่งปฏิกูล 10 ทริคเก็บมะขามเปียก เอาไว้กินนานๆ ไม่ขึ้นราเร็ว ทำไงดี เคล็ดลับเลือกซื้อไก่บ้าน มาทำต้มยำ แบบไหนสดใหม่ ดูยังไงดี 7 ของเปรี้ยวใช้แทนมะนาว ที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน อร่อยชัวร์! หิวใช่ไหม อยากหาของกินอร่อย ๆ ใช่หรือเปล่า ส่องร้านเด็ดร้านดังได้ที่ App TrueID โหลดฟรี !