ปลาทูน่ากระป๋อง นั้นมีประโยชน์มากมาย นอกจากโปรตีนแล้ว ยังมีฟอสฟอรัสช่วยลดความดันโลหิต มีกรดไขมันโอเมก้า 3 ที่มีส่วนช่วยบำรุงสมอง ที่สำคัญคือมีแคลอรี่ต่ำทานแล้วไม่อ้วน ว่าแล้วก็หยิบมาหนึ่งกระป๋องเข้าครัวกันดีกว่า อย่างแรกที่ห้ามลืมคือ หุงข้าว หากใครชอบข้าวนิ่ม ๆ เละ ๆ ได้บรรยากาศเหมือนโจ๊ก ก็ให้หุงข้าวแฉะหน่อยโดยการเติมน้ำเพิ่มลงไปในการหุง แต่ถ้าชอบข้าวแบบเป็นเม็ดก็ให้หุงตามปกติได้เลย ต่อมาคือการเตรียมน้ำสต๊อก ซึ่งสามารถเลือกใช้ได้ทั้งกระดูกหมู หรือโครงไก่ตามสะดวก เพิ่มความกลมกล่อมด้วยผักอาทิหัวไชเท้า หัวหอม แครอท รากผักชี ข้าวโพด (ไม่จำเป็นต้องใส่ทุกอย่างก็ได้) หรือจะทำเป็นน้ำสต๊อกผักอย่างเดียวก็ได้ แล้วปรุงรสอ่อน ๆ ด้วยเกลือ น้ำตาล และพริกไทย ตั้งไฟอ่อน ๆ สัก 2 ชั่วโมง จากนั้นนำกระชอนมากรองเศษเนื้อและผักออก ที่มา Freepik เนื่องจากการทำน้ำสต๊อกในแต่ละครั้ง เราสามารถแบ่งใส่ภาชนะเก็บไว้ในตู้เย็นหรือช่องแช่แข็งได้ ดังนั้นจึงขอย้ำว่าให้ปรุงรสน้ำสต๊อกอ่อน ๆ ก็พอ เพราะน้ำสต๊อกสามารถนำมาปรุงอาหารได้หลายชนิด ไม่ว่าต้มจืด ต้มยำ หรือแม้แต่การผัด ซึ่งเราสามารถปรุงรสภายหลังได้ตามรสเอกลักษณ์ของเมนูนั้น ๆ หลังจากนั้นเตรียม เนย เห็ดหอม และทูน่ากระป๋อง ตั้งกระทะไฟอ่อน ใส่เนยลงไปผัดกับเห็ดหอมจนสุกค่อยใส่ทูน่าตามไป เพิ่มรสชาติด้วยซีอิ๊ว น้ำปลา น้ำมันหอย น้ำตาล พริกไทย คลุกเคล้าให้เข้ากัน หากว่าแห้งเกินไปให้เติมเนยได้ ภาพถ่ายโดยผู้เขียน ตั้งไฟอุ่นน้ำสต๊อกให้ร้อน ระหว่างนั้นก็ตักข้าวใส่ชาม ราดเห็ดหอมและทูน่าผัดเนยลงบนข้าว แล้วค่อย ๆ บรรจงเทน้ำสต๊อกลงไป โรยหน้าด้วยต้นหอม ผักชี ขึ้นฉ่าย พริกไทย ก็พร้อมเสิร์ฟ ภาพถ่ายโดยผู้เขียน เคล็ดไม่ลับ!! ปลาทูน่ากระป๋อง มีทั้งแบบแช่ในน้ำแร่ น้ำเกลือ และน้ำมัน ซึ่งในการทำเมนูข้าวต้มนี้ก็ไม่จำเป็นต้องระบุเฉพาะเจาะจงว่าต้องเป็นแบบไหน แต่ถ้าเป็นสายคลีน ๆ ต้องการลดน้ำหนัก ก็ควรเลือกแบบน้ำแร่ ส่วนถ้าเป็นสายไม่แคร์ความความอ้วนก็จัดแบบทูน่าในน้ำมันได้ แต่ตอนผัดก็ลดเนยลงหน่อยเพื่อไม่ให้เลี่ยนเกินไป สุดท้ายคือทูน่าในน้ำเกลือนั้นควรระวังอย่างเดียวก็คือความเค็ม ดังนั้นตอนปรุงรสก็ระวังให้ดีนะทุกคน