ภาพปกจาก https://pixabay.com 7 ธัญพืชที่คนรักสุขภาพห้ามพลาด! ในปัจจุบันการเลือกบริโภคอาหารเพื่อสุขภาพกำลังเป็นกระแสที่นิยมมากขึ้นในสังคมไทย ทำให้เหล่าคนรักสุขภาพต่างออกมาสรรหาเคล็ดลับและวิธีต่าง ๆ เพื่อมาสร้างเสริมสุขภาพให้แข็งแรงกันมากขึ้น และอีกตัวเลือกหนึ่งนั่นก็คือ การเลือกรับประทานธัญพืช เพราะนอกจากธัญพืชจะได้รับการยอมรับว่ามีคุณค่าทางอาหารสูงแล้ว ยังอุดมไปด้วยประโยชน์ที่หลากหลาย วันนี้เรามี 7 ธัญพืชที่อิ่มนานและช่วยให้สุขภาพแข็งแรงมาฝากกันค่ะ 1. อัลมอนด์ รูปภาพจาก https://pixabay.com อัลมอนด์ ของทานเล่นแสนอร่อย ทานไม่อ้วน จึงเป็นที่โปรดปรานของเหล่าคนลดน้ำหนักเป็นอย่างมาก อัลมอนด์ให้พลังงานสูง ไขมันดี อัลมอนด์ 1 เม็ด ให้พลังงาน 7 แคลอรี่ และยังช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล ลดการอุดตันของไขมันในเส้นเลือด โดยเฉพาะกรดไขมันไม่อิ่มตัวโอเมก้า 6 ที่มีความสำคัญในการลดการอุดตันของเส้นเลือด การรับประทานอัลมอนด์เป็นประจำจะช่วยเพิ่มระดับ HDL ซึ่งเป็นไขมันดี และลดระดับไขมันเลวหรือ LDL มีงานวิจัยหลายชิ้นที่บอกว่า หากรับประทานอัลมอนด์เพียงวันละ 2 หยิบมือจะช่วยลดระดับ LDL ได้ถึง 9.4% อัลมอนด์มีโพแทสเซี่ยมสูง ซึ่งจะเป็นตัวช่วยลดปริมาณโซเดียมในร่างกายและช่วยลดความดันเลือด ลดความเสี่ยงต่อโรคความดันโลหิตสูง ป้องกันโรคเบาหวาน เพราะจะไปช่วยทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลง 2. ลูกเกด รูปภาพจาก https://pixabay.com ลูกเกด ธัญพืชที่จิ๋วแต่แจ๋วอุดมไปด้วยสารอาหารต่างๆมากมาย ช่วยบำรุงกระดูก ควบคุมน้ำหนัก ทำให้ร่างกายดูดซึมแร่ธาตุต่างๆ ได้ดี มีน้ำตาล ฟรุกโตสที่ดูดซึมง่าย เพิ่มประสิทธิภาพของระบบขับถ่าย อีกทั้งยังมีเส้นใยอาหารสูง ซึ่งช่วยในการย่อยอาหาร ลูกเกดเป็นอาหารที่มีไฟเบอร์สูง เมื่อรับประทานจึงทำให้รู้สึกอิ่มนานขึ้น 3. แครนเบอร์รี รูปภาพจาก https://pixabay.com แครนเบอร์รี เป็นผลไม้ที่มีประโยชน์นับไม่ถ้วน นอกจากนิยมนำมาใช้ทำอาหารโดยเฉพาะอาหารหวานแล้ว มันก็ถูกนำมาใช้เป็นยาสมุนไพรอีกด้วยแครนเบอร์รี สามารถช่วยรักษาการติดเชื้อและความผิดปกติในหลอดเลือดแดงของดวงตา เพราะว่ามันมีวิตามินเอหรือเรตินอลสูง ซึ่งดีต่อสุขภาพดวงตา การทานแครนเบอร์รีเป็นประจำถึงช่วยป้องกันโรคที่เกี่ยวกับเมทาบอลิซึม ซึ่งหมายความรวมถึงโรคหัวใจและหลอดเลือด และแม้แต่โรคเบาหวาน เพราะในแครนเบอร์รีอุดมไปด้วยโพลีฟีนอล อีกทั้งยังช่วยป้องกันการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานดีขึ้น และแครนเบอร์รีอุดมไปด้วยสารแอนตี้ออกซิเด้นท์และวิตามิน มันจึงเป็นผลไม้ที่เหมาะสำหรับรักษาสุขภาพผิว เพราะมีสารอาหารที่ช่วยผลิตคอลลาเจน ที่สำคัญคือสารแอนตี้ออกซิเด้นท์ในแครนเบอร์รียังช่วยชะลอไม่ให้เซลล์แก่ก่อนวัยอีกด้วย 4. เม็ดมะม่วงหิมพานต์ รูปภาพจาก https://pixabay.com เม็ดมะม่วงหิมพานต์ เป็นอีกหนึ่งอย่างที่นิยมรับประทานเป็นของว่าง ในเม็ดมะม่วงหิมพานต์ให้พลังงานมากกว่า 500 แคลอรี่ ในปริมาณเพียง 100 กรัม มะม่วงหิมพานต์ช่วยในการควบคุมน้ำหนัก การรับประทาน 2 ครั้ง ต่อวันนั้น สามารถช่วยต่อสู่กับโรคหัวใจ หลอดเลือด เบาหวาน และมะเร็งได้ ต้านโรคเบาหวาน กระตุ้นให้เกิดการลำเลียงน้ำตาลเข้าสู่เซลล์กล้ามเนื้อเพิ่มขึ้น มีผลควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดและป้องกันภาวะดื้อต่ออินซูลิน ช่วยในการมองเห็น เม็ดมะม่วงหิมพานต์มีสาร lutein และ zeaxanthin ช่วยป้องกันการทำลายดวงตาจากแสง อีกทั้งยังช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดได้ 5. เมล็ดฟักทอง รูปภาพจาก https://pixabay.com เมล็ดฟักทอง จะไม่ใช่ของเหลือจากเนื้อฟักทองอีกต่อไป เพราะเมล็ดฟักทอง 28 กรัมแบบไม่มีเปลือก จะให้พลังงานประมาณ 151 แคลอรี่ ซึ่งเป็นพลังงานที่มาจากไขมันและโปรตีนเป็นหลัก เมล็ดฟักทองมีสารต้านอนุมูลอิสระอย่างเคโรทีนอยด์ และวิตามินอี ซึ่งสามารถลดการอักเสบ และปกป้องเซลล์จากอนุมูลอิสระที่เป็นอันตราย มีงานวิจัยที่เกี่ยวกับการกินเมล็ดฟักทองเกี่ยวข้องกับการลดความเสี่ยง ของโรคมะเร็งเต้านมในผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน ลดความเสี่ยงของโรคมะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งเต้านม มะเร็งปอด มะเร็งต่อมลูกหมาก และมะเร็งลำไส้อีกด้วย 6. เมล็ดแตงโม รูปภาพจาก https://pixabay.com เมล็ดแตงโม มีคุณค่าทางโภชนาการ มีกรดไขมันโอเมก้า 6 กรดอะมิโนจำเป็นหลายชนิด วิตามินบี และแร่ธาตุสำคัญคือ แมกนีเซียม แมงกานีส ฟอสฟอรัส สังกะสี เหล็ก โพแทสเซียม มีโปรตีนสูง เมล็ดแตงโม 100 กรัม มีโปรตีน 28.3 กรัม และเป็นโปรตีนที่มีกรดอะมิโน อาร์จินีน ซึ่งอาร์จินีนนี้มีส่วนช่วยป้องกันโรคหลอดเลือดสมองตีบ ป้องกันโรคสมองเสื่อม และอยู่ในวัฎจักรยูเรีย ช่วยขจัดแอมโมเนียและสารพิษออกจากร่างกาย ช่วยเสริมสร้างกระดูก เมล็ดแตงโมมีแคลเซียม ฟอสฟอรัสและแมกนีเซียมสูง ช่วยเสริมสร้างกระดูก และป้องกันโรคกระดูกพรุน ลดความเหนื่อยล้าให้กับร่างกาย เพราะในเมล็ดแตงโมมีธาตุเหล็กซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญของฮีโมโกบินที่ช่วยส่งออกซิเจนไปทั่วร่างกายเพื่อรักษาพลังงานไว้ นอกจากนี้ ธาตุเหล็กยังช่วยแปลงแคลอรีให้เป็นพลังงานพร้อมทั้งถนอมระบบภูมิคุ้มกัน ทั้งยังทำให้สุขภาพหัวใจแข็งแรง และเมล็ดแตงโมยังให้พลังงานสูงอีกด้วย 7. เมล็ดทานตะวัน รูปภาพจาก https://pixabay.com เมล็ดทานตะวัน นอกจากความอร่อยและความเพลิดเพลินในขณะที่เคี้ยวแล้ว เมล็ดทานตะวันยังมีประโยชน์อีกมากมาย เมล็ดทานตะวันอบแห้ง 100 กรัม ให้พลังงาน 584 กิโลแคลอรี่ ประกอบด้วยโปรตีน ธาตุเหล็ก แคลเซียม ฟอสฟอรัส อีกทั้งยังมีวิตามินต่างๆ ได้แก่ วิตามินเอ วิตามินเค วิตามินบี 2 และวิตามินอี โดยเฉพาะวิตามินอีมีสูงกว่าพืชอื่นๆ เมล็ดทานตะวันช่วยลดไขมันในหลอดเลือด เนื่องจากในเมล็ดทานตะวันมีกรดไขมันไม่อิ่มตัวอยู่สูง กรดนี้จะช่วยลดไขมันในหลอดเลือด อีกทั้งทำให้เม็ดเลือดแดงสมบูรณ์ คงทน ไม่รวมตัวเป็นกลุ่มก้อน อันเป็นสาเหตุให้หลอดเลือดอุดตัน ช่วยบำรุงสายตา เนื่องจากวิตามินอีเป็นสารที่ช่วยป้องกันไม่ให้ออกซิเจนเข้าทำปฏิกิริยากับกรดไขมันไม่อิ่มตัวภายในแก้วตา จึงน่าจะช่วยป้องกันต้อกระจกได้ ช่วยบำรุงการทำงานของไทรอยด์เพราะเซเลเนียมในเมล็ดทานตะวันเป็นธาตุอาหารสำคัญต่อกระบวนการทำงานของต่อมไทรอยด์ และที่สำคัญยังรักษาผิวหนังให้แลดูสดใส เยาว์วัยอีกด้วย เป็นอย่างไรบ้างคะ กับธัญพืช 7 ชนิด 7 อย่าง มีธัญพืชที่ทุกคนกำลังรับประทานเพื่อสุขภาพอันแข็งแรงกันบ้างไหมคะ อย่างไรก็ตามควรรับประทานในปริมาณที่พอดีนะคะ